สาวกลัทธิเบียดเบียนผู้อื่นแบบทำมะกลายตอบว่า ไม่ต้องคืน กรณีนี้รู้แล้วว่าเป็นเงินที่โกงมา http://www.dailynews.co.th/Content/crime/306458/_ธรรมกาย_ลั่นไม่คืนเงิน+แค่ให้เยียวยา เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสัมพันธ์ เสริมชีพ ทนายผู้รับมอบอำนาจจากพระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอเลื่อนกำหนดการเข้าให้ปากคำของพระธัมมชโยตามหมายเรียกจากวันนี้ (10 มี.ค.) ไปเป็นวันที่ 26 มี.ค.เวลา 10.00 น. โดย พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล หัวหน้าชุดติดตามเส้นทางการเงินวัดพระธรรมกาย เป็นผู้รับหนังสือดังกล่าว ภายหลังนายสัมพันธ์ กล่าวว่า ตนเองติดปัญหาสุขภาพหลายโรค เช่น โรคเบาหวานและความดัน พร้อมกันนี้ยังต้องการขอเวลารวบรวมหลักฐาน ประกอบคำให้การเกี่ยวกับกรณีที่นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เซ็นเช็คสั่งจ่ายให้กับบัญชีที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นการบริจาคตั้งแต่ปี 2552 ว่านำไปใช้ดำเนินการอย่างไรบ้าง มีเส้นทางการเงินอย่างไร ยืนยันพระธัมมชโย ไม่เคยรับเช็คหรือเห็นเงินบริจาค เพราะในการบริจาค จะมีการใส่ซองห่อถุงทองถวาย จากนั้นจะมีพระหยิบซองใส่กล่อง และให้ฝ่ายการเงินนำไปเข้าบัญชี ยอมรับว่ามีการบริจาคเข้าทั้งบัญชีวัด และบัญชีของพระธัมมชโยโดยตรง นายสัมพันธ์ กล่าวต่ออีกว่า ส่วนกรณีการคืนเงินให้กับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ อยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับจำนวนเงิน เนื่องจากหลักฐานที่วัดมีอยู่ ไม่ตรงกับยอดเงินของสหกรณ์ฯ โดยวัดพระธรรมกาย มีหลักฐานรับเงินบริจาคจากสหกรณ์เพียง 684 ล้านบาทเท่านั้น ดังนั้นต้องนำหลักฐานทั้งหมด มาตกลงกันอีกครั้ง โดยศาลนัดไกล่เกลี่ยในวันที่ 16 มี.ค.นี้ สำหรับเงินที่วัดพระธรรมกายรับบริจาคจากสหกรณ์ทั้งหมด จะถูกนำไปใช้ในการก่อสร้างศาสนสถาน ที่อยู่ในพื้นที่คลองหลวง ซึ่งเป็นทั้งในที่ธรณีสงฆ์ และที่ดินอื่น ซึ่งศาสนสถานมีหลายอาคาร และแต่ละอาคารมีมูลค่าหลักพันล้านบาท นายสัมพันธ์ยืนยันว่า วัดไม่ได้คืนเงินให้กับสหกรณ์ แต่เป็นการเยียวยาให้กับสมาชิกสหกรณ์ วัดพระธรรมกาย และพระธัมมชโย การดำเนินการในเรื่องดังกล่าว ลูกศิษย์เป็นผู้จัดการทั้งหมดไม่เกี่ยวกับพระธัมมชโย โดยมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อรับเงินบริจาคไปใช้ในการเยียวยาสหกรณ์ให้เป็นความสมัครใจ ขณะนี้ยังไม่รู้ตัวเลขเงินบริจาค ทั้งนี้วัดไม่มีเงินเพื่อใช้เยียวยาเพราะมีงานก่อสร้างศาสนสถานอีกหลายแห่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ปฏิเสธสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐีไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย “ไม่ใช่การคืน แค่ช่วยเหลือเยียวยาสหกรณ์คลองสจั่นฯและพระธัมมชโย เรื่องการตั้งกองทุนรับบริจาคเป็นเรื่องที่ลูกศิษย์ดำเนินการเอง เงินวัดไม่มีเพราะมีการก่อสร้างที่วัดตลอด เฉพาะเงินวัดยังไม่ทันการก่อสร้างเลย”นายสัมพันธ์ กล่าว เมื่อถามว่าศาสนสถานที่นำเงินบริจาคไปก่อสร้างอยู่ในบริเวณใดของวัดบ้าง นายสัมพันธ์ กล่าวว่ามีหลายอาคารและพร้อมจะนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่เพื่อไปดูสถานที่จริงด้วยกัน เมื่อถามย้ำถึงชื่อศาสนสถาน นายสัมพันธ์ระบุว่ามีหลายแห่งต้องการให้เข้าไปดูด้วยกัน ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า จะนำหนังสือขอเลื่อนส่งให้พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง รองอธิบดีดีเอสไอนำเข้าที่ประชุมคณะพนักงานสอบสวน เพื่อพิจารณา แต่ยืนยันพระธัมมชโยต้องเดินทางเข้าให้ปากคำด้วยตนเองเท่านั้น เพราะมีชื่อเป็นผู้รับเช็คหลายฉบับ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ดีเอสไอเรียกสอบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 4 บริษัท ประกอบด้วย บริษัทซีบีเค กรุ๊ป จำกัด ,บริษัทไซ-แมกซ์เทคโนโลยี จำกัด ,บริษัท ทศยุทธ จำกัด และบริษัทที ไอ พีสตีล จำกัด เข้าให้ปากคำเกี่ยวกับการเช็คที่ได้รับจากสหกรณ์ด้วย สำหรับหมายเรียกพระมนตรีสุดาภาโส เพื่อให้ปากคำในวันพรุ่งนี้ (11 มี.ค.) ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจะเข้าให้ปากคำหรือเลื่อนการให้ปากคำออกไปก่อน.
ไม่ต้องคืนครับ เพราะบรรดาพวกสมุนของลูกจะช่วยกันเรี่ยไรเงินเพื่อจ่ายเงิน"เยียวยา"คืนแก่ผู้เสียหายแทน ไอ้ลูก"ขี้โขมย" จึงไม่มีความผิดทั้งแพ่งและอาญา
ผมอยากบอกเลย ว่า เรื่อง สหกรณ์คลองจั่น นี่น่ะ เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า การหมุนเวียนบุญ สร้างอาณาจักรธรรมกาย สุดท้าย ก็ติดขัดที่ คำว่า ความโลภ นั่นเอง โดยเฉพาะ ความโลภ อยากได้บุญเร็ว ๆ ของผู้ที่โกงเงินมาบริจาค นั่นแหละ ที่จริง ผมว่า ธรรมกาย คงคาดการณ์ผิด ที่ว่า จะสามารถรวบรวม ทุนเพื่อสร้าง อาณาจักรธรรมกาย ได้จากแรงศรัทธา ของกัลยาณมิตร จริง ๆ แต่หาได้รู้ไม่ว่า เมื่อ กระตุ้น การสร้างบุญ ด้วยวิธีแบบนี้ มันทำให้คน โลภ อยากได้บุญ (ที่จริง มันก็สะท้อนด้วยว่า การสอนเรื่องบุญแบบนี้ มันสื่อว่า ผู้สอน ยังไม่ทิ้งความโลภ ด้วยนะ ถึงมากระตุ้นให้คน โลภ อยากได้บุญ อยากเข้าถึงทางดับทุกข์ ไว ๆ ) เค้าถึงได้เรียกว่า ทำอย่างไร ก็ต้องได้อย่างนั้น เมื่อกระตุ้นกัน ในทางผิด ๆ สุดท้าย กรรม มันก็ตามมาทัน คนก่อ นั่นเอง จะใช้คำว่า เยียวยา หรือ คืนเงิน แต่ข้อเท็จจริง มันก็ปฏิเสธ ไม่ได้ ว่าเงินทำบุญนั้น มาจาก การโกง ไม่งั้น คุณ ลีลาวดี คงไม่ใช้คำว่า ลูกที่ไปขโมยเงิน เค้ามา ทั้ง ๆ ที่ ตาประธานสหกรณ์นั่น อุตส่าห์ มานั่งให้สัมภาษณ์ แถลงข่าวว่า กู้ยืมโดยถูกต้อง (สงสัย ไม่เตี๊ยมกันมาก่อน ฮะ ๆ ผลจากกรรม นั่นอีกอะ)
ไม่มีศาสนาไหนในโลกนี้ที่สอนให้คนโลภ เพราะทำมะกลายไม่ใช่ศาสนาพุทธ และไม่ใช่ศาสนาอะไรเลยเป็นเพียงลัทธิหนึ่งเท่านั้น
ขโมยมันผิดอยู่แล้วแสดงว่าไม่ใช่ของของคุณ ไปเอาของเขามาดิ้อๆ จับได้ต้องคืนไม่ว่าจะเอาไปทำอะไร เพราะมันไม่ใช่ของคุณ อย่ายอมพวกบ้านี่มาสร้างตรรกะวิบัติ (อย่างที่หลวงพี่ว่า)
ตรรกะของคุณลีลาวดีน่าจะยกย่องให้เป็นตรรกะแห่งปีเลยนะครับ แต่ก็ขอให้เธอสงวนไว้อบรมสั่งสอนลูกหลานในครอบครัวเท่านั้น