ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่า ด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพ.ศ.2552 มาตรา 5 ระบุอย่างชัดเจนว่า “ในการพิจารณาคดีให้ศาลยึดรายงานของคณะกรรมการป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณา 60000หน้า ใครจะอ่านหรือ จะเอากันอย่างนี้หรือ เลือกตั้งก็แพ้จะอ้างกู้ชาติกันแบบนี้หรือ
แค่อ่านชิวๆคนพิมพ์สาหัสกว่าเยอะ ถ้าสาธยายความดีมันก็น่าปลื้มอยู่หรอก6หมื่อนหน้า ถ้าเป็นการสาธยายความชั่วนี้นึกภาพไม่ออกว่าจะชั่วยังไงขนาดใหน ปปช.ถึงจะสาธยายได้ถึง67,000หน้า
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=vinitsiri&month=28-08-2015&group=441&gblog=114 “ชูชาติ ศรีแสง” ชี้ อสส.ยื่นพยานคดีจำนำข้าวเพิ่มเติมได้ “ยิ่งลักษณ์” ยก ม.5 สู้แต่ดันใช้เพียงบางส่วน ขณะที่ข้ออ้างไม่มีโอกาสตรวจสอบและคัดค้านมาก่อน ก็เป็นการอ้างที่บิดเบือนบทบัญญัติ ม.29 เชื่อมีเจตนาให้บริวารเข้าใจผิด ออกมาโวยวาย หากศาลยกคำร้องที่คัดค้านการอ้างพยานของอัยการสูงสุดหรือถูกศาลพิพากษาลงโทษ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว Chuchart Srisaeng ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบให้ทนายความไปยื่นคำร้องโต้แย้งคัดค้านการยื่นบัญชีระบุพยานของฝ่ายอัยการโจทก์ในคดีรับจำนำข้าว เพื่อคัดค้านพยานบุคคลและพยานเอกสารของอัยการสูงสุดที่มีการเพิ่มเติมมากกว่า 60,000 หน้า ซึ่งอยู่นอกสำนวนและไม่ได้ไต่สวนมาก่อนในคดีนี้ และจำเลยไม่มีโอกาสตรวจสอบและคัดค้านมาก่อน ดังนี้ “พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองพ.ศ. 2542 บัญญัติไว้ดังนี้ มาตรา 5 ในการพิจารณาคดี ให้ศาลยึดรายงานของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณาและอาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร ในการปฏิบัติหน้าที่ศาลมีอํานาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใด หรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคํา ตลอดจนขอให้ศาลอื่น พนักงานสอบสวน หน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ดําเนินการใด เพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาได้ มาตรา 29 ในวันตรวจพยานหลักฐานให้โจทก์จําเลยส่งพยานเอกสารและพยานวัตถุต่อศาล เพื่อให้อีกฝ่ายตรวจสอบ เว้นแต่องค์คณะผู้พิพากษาจะมีคําสั่งเป็นอย่างอื่น เนื่องจากสภาพและความจําเป็นแห่งพยานหลักฐานนั้น หลังจากนั้นให้โจทก์จําเลยแถลงแนวทางการเสนอพยานหลักฐานต่อองค์คณะผู้พิพากษา ในกรณีที่มิได้มีการโต้แย้งพยานหลักฐานใด องค์คณะผู้พิพากษาจะมีคําสั่งให้รับฟังพยานหลักฐานนั้นโดยไม่ต้องไต่สวนก็ได้ แต่หากมีการโต้แย้งพยานหลักฐานใดหรือเมื่อศาลเห็นเองให้องค์คณะผู้พิพากษาดําเนินการไต่สวนพยานหลักฐานนั้นต่อไป ถ้าอ่านกฎหมายซึ่งเป็นภาษาไทยเข้าใจ ก็เห็นได้ว่าบทบัญของมาตรา 5 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ยึดสำนวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นหลักในการพิจารณา แต่ศาลก็มีอำนาจไต่สวนหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ ไม่ได้กำหนดให้พิจารณาเฉพาะสำนวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อย่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้าง อันเป็นการอ้างกฎหมายเพียงบางส่วนไม่ครบถ้วนตามที่บัญญัติไว้ ดังนั้นอัยการสูงสุดย่อมมีสิทธิยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมได้ เพราะแม้อัยการสูงสุดไม่ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม ศาลก็มีอำนาจเรียกเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องจากบุคคลใดหรือเรียกบุคคลใดมาให้ถ้อยคำได้ตามมาตรา 5 วรรคสอง อยู่แล้ว ข้อที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์อ้างว่า จำเลยไม่มีโอกาสตรวจสอบและคัดค้าน ถือเป็นการเอาเปรียบทางคดีอย่างไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อตนนั้น ตามมาตรา 29 วรรคแรก ระบุไว้ชัดเจนว่า ให้สิทธิจำเลยตรวจสอบพยานหลักฐานของโจทก์ทั้งพยานเอกสารและพยานวัตถุอยู่แล้ว จึงเป็นการอ้างโดยบิดเบือนบทบัญญัติของกฎหมาย สันดานขี้ข้า พูดจาครึ่งเดียวเป็นประจำ ดูแนวโน้มแล้ว อีโง่ มีสิทธิติดคุก สูง ถึง สูงมาก เพราะแทนที่ทนายจะเอาเวลาไปสู้ในข้อเท็จจริง ดันเอาเวลาไปคิดเรื่องตุกติกกับศาล
ฝ่ายกฏหมายที่รับจ้างทำงานให้ทักษิณเค้าสู้ของเค้าแบบนั้นมานานมากแล้วครับ ไม่เคยคิดใช้ข้อเท็จจริงมาหักล้างข้อกล่าวหา คงรู้ว่าลูกความตัวเองผิดจริงๆ แต่ละคดีก็เลยใช้เทคนิคทางกฏหมาย อ้างว่าศาลและฝ่ายกล่าวหาไม่น่าเชื่อถือบ้าง หาเรื่องตัวบุคคลทำให้ผู้พิพากษาเป็นคู่กรณีทางกฏหมายบ้าง ไม่ยอมรับอำนาจศาลบ้าง ซึ่งเทคนิคขั้นเทพเหล่านี้ก็ทำให้แพ้แทบทุกคดี
เอกสาร60ลัง67,000หน้าปปช.เขายื่นให้อสส.ตั้งแต่เดือนกุมภาแล้ว ผ่านมา5-6เดือนแล้วเพิ่งตื่นเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะเข้าคุก
ท่านโยฯถ้าลำพังรอให้แม่นาง.อ่านครบ67,000หน้าแล้วค่อยตัดสินคดีจะต้องรออีกกี่ชาติศาลถึงจะได้ตัดสิน โพยแค่ฝ่ามือแม่นางยังจำไม่ได้เลยแค่คิดก็เหนื่อยแทนแม่นางจริงๆ
อูยสสส ขอโทษครับ ผมอ่านไม่หมด ยอมรับผิด จะด่าขี้ข้าหรือไอ้ควายแดงก็ยอมรับแล้วครับ ทั้งที่ผมไม่ใช่เสื้อแดงดูไปดูมาน่าจะเป็นกลางมากที่ซุด
เอกสารที่เกินมา ถ้าให้ผมเดา ผมเชื่อว่า เกิดจากตอน ปปช. ส่งอัยการเพื่อส่งฟ้องศาล แต่ครั้งนั้น อัยการมีความเห็นแย้ง แล้ว ตั้งคณะทำงานร่วม หลายคนคงจำกันได้ เรื่องหัวหน้าคณะอัยการที่รับผิดชอบคดี แล้วมีข้อครหาเรื่องความสัมพันธ์กับยิ่งลักษณ์ แย้งประเด็นกันที ปปช. ก็ต้องวิ่งหาหลักฐานเพิ่มมาให้ที อัยการยื้อสุด ๆ ปปช. ก็ต้องหาหลักฐานเพิ่มสุด ๆ ผมสังหรณ์ใจว่า คดีนี้ยิ่งโง่ ไม่น่ารอด ทั้งที่ตอนแรกคิดว่า ยิ่งลักษณ์น่าจะรอด แต่มาคิดไป คิดมาหลายตลบ แย้งกันทุกเม็ดแบบนี้ คงครบทุกมุมแล้ว อัยการจึงต้องสั่งฟ้อง แก้ต่างลำบากแล้ว