ยาวมากแต่อยากให้อ่าน.."คนหนีคุกหนีศาล.จะให้รัฐบาลรับเป็นที่ปรึกษา?!

กระทู้ใน 'สภากาแฟ' โดย suraphan07, 3 Aug 2015

  1. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    ผมไปเจอแชร์นี้เข้า...ทีแรกก็ไม่คิดจะอ่าน...
    แต่ด้วยติดใจสำนวนคุณปู จิตกร แกเป็นทุนเดิม...
    พออ่านๆไป เท่านั้นแหล่ะ... ผมว่า...
    แกน่าจะพิมพ์เป็นเล่มไปเลย น่าจะดี...:)
    **************************************************
    Screen Shot 2015-08-03 at 18.41.12.png
    หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้จัดงานคล้ายวันเกิดครบรอบ 66 ปี ที่บ้านพักตากอากาศหรู ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ขณะร่วมรับประทานอาหารกับบรรดา สส.พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในประเทศไทยพร้อมกับแสดงความเป็นห่วง สงสารประชาชนที่ยากจนอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับอาสาเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาล ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยกล่าวสั้นๆ ว่า “บอกมา ถ้าอยากให้ไปช่วย”

    ผู้สื่อข่าวบ้านเราก็ใช้ได้ งับประเด็นนี้ไปไล่ถามใครต่อใครมากมาย ทั้งๆ ที่ควร “กลั่นกรอง” ได้ตั้งแต่ต้นว่า มันเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ไปถามกับนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านก็ทำท่าเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะยกมือป้องหูพร้อมถามกลับว่า “ใครนะ ผมลืมชื่อนี้ไปแล้ว” ไปถาม พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านก็บอกว่า “คงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากขัดต่อข้อกฎหมาย”

    ไปถาม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุก็ตอบว่า เป็นการเสนอตัว ไม่ได้ยื่นใบสมัครเข้ามา ก็รับทราบ แต่ถ้าจะให้พ.ต.ท.ทักษิณสมัคร เขาคงไม่สมัคร ส่วนคำถามที่ว่าตามกฎหมายทำได้หรือไม่ได้นั้น อาจหมายถึงปัญหาด้านคุณสมบัติ ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่มีเรื่องคุณสมบัติเข้ามาเกี่ยว ใครที่มีเจตนาดีก็ทำได้ ไม่เป็นอะไร ก็สามารถเป็นปากเป็นเสียงให้ประเทศได้ และการไม่พูดให้ร้ายประเทศแค่นี้ก็พอแล้ว อยู่ที่ไหนก็ทำได้ เมื่อถามว่าตอนนี้พ.ต.ท.ทักษิณทำหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า จะไปรู้เขาหรือ
    ขณะที่ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ ลูกหาบคนหนึ่งของทักษิณ กลับกล่าวว่า ตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เสนอตัวให้คำแนะนำกับรัฐบาลในด้านเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาอย่างมากในขณะนี้ แต่รัฐบาลกลับปฏิเสธ ทั้งๆ ที่เป็นความปรารถนาดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เป็นห่วงประชาชนที่กำลังลำบากอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อยอย่างเกษตรกร อีกทั้งประวัติการทำงานทางด้านเศรษฐกิจของ พ.ต.ท.ทักษิณ นอกจากจะเป็นที่ยอมรับของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่แล้ว นานาประเทศ ยังให้ความเชื่อถือ และเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปปาฐกถา และให้คำแนะนำกับประเทศต่างๆ อยู่เสมอ จึงไม่อยากให้รัฐบาลที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างมากอยู่ตอนนี้ ปิดกั้นความคิดเห็น เพราะแม้แต่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช.ด้านเศรษฐกิจ ที่มีข่าวจะเข้ามาบริหารเศรษฐกิจหลังปรับ ครม. ก็เรียนรู้เศรษฐกิจและสร้างชื่อเสียงมาได้จาก พ.ต.ท.ทักษิณ

    “จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ถ้ารัฐบาลจะปฏิเสธความปรารถนาดีนี้ ทั้งที่ตอนนี้ปัญหาเศรษฐกิจทับถมอย่างมาก ทั้งการส่งออกที่ลดลง 6 เดือนติด และการลงทุนที่หดหาย แล้วยังมาเจอปัญหาการค้ามนุษย์ที่สหรัฐฯ จัดให้อยู่เทียร์ 3 ที่อาจจะโดนการกีดกันการค้าตามมาอีกมาก ซึ่งจะทำให้ประชาชนลำบากกันเพิ่มขึ้น และการปฏิเสธข้อแนะนำและความเห็นจากผู้มีความรู้ความสามารถก็ถือเป็นตรรกะวิบัติอย่างหนึ่ง”

    แต่ผมกลับรู้สึกว่า “สมอง” ซึ่งเป็น “ส่วนใช้คิด” ของนางลดาวัลลิ์ “วิบัติหนักกว่า” และผมก็ไม่ทราบจริงๆ ว่า สิ่งที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้ ลดาวัลลิ์จะมี “อุปกรณ์ใช้คิด” พอที่จะอ่านแล้ว “เข้าใจ” มันได้หรือไม่

    1) การจัดอันดับปัญหาการค้ามนุษย์ของไทย ตกมาอยู่เทียร์ 3 ในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนจะมาตกเทียร์ 3 ซ้ำรอบนี้ หากมีหัวสมองเหลือพอก็จะรู้ได้ว่า คาบเวลาของการประเมินเกินครึ่ง อยู่ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นรัฐบาลยุค “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” มิใช่หรือ?

    2) อุปทูตสหรัฐ เอง ก็อธิบายว่า เห็นความตั้งใจและความพยายามในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลนี้ แต่มันเป็นการแก้ปัญหาในช่วงท้ายๆ ของการประเมินแล้ว ผลจึงออกมาเช่นนี้

    3) ส่วน “ประวัติด้านเศรษฐกิจ” ของทักษิณนั้น เอาเฉพาะ “โครงการรับจำนำข้าว” ก็เกินพอแล้วมั้ง ที่จะใช้อธิบาย ว่าสร้าง “ความฉิบหาย” ให้แก่ตลาดค้าข้าว ระบบงบประมาณ ระบบชลประทาน เปิดช่องให้มีการทุจริต และทิ้งหนี้เอาไว้ให้ประเทศชาติมหาศาลขนาดไหน เฉพาะค่ารักษาสภาพข้าวทุกวันนี้ ก็ต้องจ่ายเงินวันละ 46 ล้านบาท ซึ่งถ้าทักษิณเก่งจริง ทำไมโครงการนี้ที่คิดให้น้องสาวทำขณะเป็นนายกรัฐมนตรีจึงไปไม่รอด ข้าวเต็มโกดัง ขายไม่ออก ขายก็ขาดทุน สภาพข้าวที่เก็บก็เสื่อม เสีย และสอดไส้ ในจำนวนมหาศาล

    4) การที่เราเป็นบริวาร เป็นลูกน้อง เป็นคนที่นับถือศรัทธาในใครสักคน ไม่ได้แปลว่าเราต้องทิ้ง “หัวสมอง” ของเราไป เช่นนั้นแล้ว ก่อนจะพูดจะจาอะไร ก็ต้องคิดเสียก่อนว่าสิ่งที่พูดนั้น สะท้อน “ความจริง” และ “ความรู้” ออกมาหรือไม่ ไม่เช่นนั้น หากคนผู้นั้นขี้ออกมา เราอาจจะบอกกับคนทั้งโลก ท่ามกลางสีหน้าสมเพชเวทนาและเสียงหัวเราะของคนเหล่านั้นว่า ทองคำ” !!

    5) ลดาวัลลิ์จะมีที่ว่างในสมองพอ จะรับทราบข่าวนี้ไหม “อีลิทการ์ด” ซึ่งทำในสมัยที่ทักษิณเป็นนายกฯ ขณะนี้มาถึงจุดที่รัฐมนตรีกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร จะต้องตัดสินใจว่า จะยกเลิกหรือแบกรับภาระแล้วทำต่อไป
    ทักษิณเคยคุยโวว่า อีลิทการ์ดจะมีสมาชิกขั้นต่ำถึง 1 ล้านคนจากทั่วโลก ซึ่งจะได้เงินค่าสมาชิกถึง 1 ล้านล้านบาท เอาเข้าจริง ตลอดรัฐบาลทักษิณขายบัตรอีลิทการ์ดได้ไม่ถึง 1,000 ใบ แถมทุ่มเงินโฆษณาผ่าน “ซีเอ็นเอ็น” ไปถึง 140 ล้านบาท จนกลายเป็นข่าว “ติดหนี้ซีเอ็นเอ็น” เป็นที่ขายหน้าไปทั่วโลก ถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์เธอทำต่อ “เติมเงิน” ของรัฐลงไปอีก ถึงตอนนี้สมาชิกก็ยังไม่เกิน 3,000 ราย เคยขาดทุนสะสมถึง 1,400 ล้านบาท จนเหลือ 855 ล้านบาทในปัจจุบัน อันเป็นผลจากการ “เติมเงิน”
    หรือการขยายตัวของสมาชิก ก็ไม่กล้าแจกแจง

    6) ผมยังเชื่อว่า “สตรีสูงวัย” ประสบการณ์มากมายอย่างลดาวัลลิ์ จะมี “ความจุในสมอง” พอที่จะรู้ได้อีกสักเรื่อง นั่นคือ “การปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทย”มูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งอัยการสูงสุด (นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, กรรมการบริหาร, กรรมการสินเชื่อ, เจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารกรุงไทย และกลุ่มบริษัทเอกชน รวม 27 ราย แต่ทักษิณหลบหนี ศาลฎีกาฯ ให้ออกหมายจับ ติดตามตัวมาดำเนินคดี โดยให้จำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของทักษิณไว้เป็นการชั่วคราวก่อนจนกว่าจะได้ตัวมา

    พฤติการณ์แห่งคดี มีการกล่าวหาว่า ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยให้สินเชื่อกลุ่มกฤษดามหานคร ทั้งๆ ที่ มีสถานะหนี้เอ็นพีแอล โดยได้อนุมัติสินเชื่อให้บริษัทในกลุ่มกฤษดาฯ 3 ส่วน ได้แก่ 1.บริษัทแรก 500 ล้านบาท 2.บริษัทที่สอง 9,900 ล้านบาท (วงเงินไฟแนนซ์ 8,000 ล้านบาท วงเงินซื้อที่ดินเพิ่ม 500 ล้านบาท และวงเงินพัฒนาโครงการ 1,400 ล้านบาท) และ 3.บริษัทที่สาม 1,185 ล้านบาท ซึ่งหากดูจากสำนวนต้นทาง ในชั้นของ ป.ป.ช. ได้ระบุถึงผู้ถูกร้อง 31 คน แต่สำนวนที่อัยการสูงสุดนำมาพิจารณาสั่งฟ้องไปที่ศาลฎีกาฯ นั้น มีจำเลย 27 คน ถูกตัดออกไป 4 คน หนึ่งใน 4 ที่ถูกตัดออกไปนั้น มีลูกชายของทักษิณรวมอยู่ด้วย

    นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง เคยแสดงความเห็นว่า “เรื่องนี้มีข้อสังเกตคือ หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ กับพวก ให้ธนาคารกรุงไทยปล่อยกู้เข้าบัญชีส่วนตัวนั้น นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถือว่ารับของโจรกลับไม่โดนฟ้อง ซึ่งรวมถึงนางกาญจนาภา หงษ์เหิน และบิดาของ น.ต.ศิธา ทิวารี คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ และได้รับเงินก้นถุงจากการทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย แต่อัยการสูงสุด กลับไม่ฟ้อง”

    คดีนี้พิจารณากันมา 3 ปี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 26 ส.ค.นี้ เวลา 09.30น. นี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไรยังไม่ทราบ แต่ที่ทราบแล้ว คือทักษิณมีความสามารถสูงมากในการ “หลบหนี” จนไม่ต้องมาขึ้นศาลในคดีนี้

    7) “รถคันแรก” ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ล่ะ ทักษิณคิดให้หรือเปล่า? ล่าสุด นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต
    ออกมาระบุว่า จะทำเรื่องเสนอกระทรวงการคลัง เพื่อขออนุมัติคณะรัฐมนตรีให้เห็นชอบ “ปิดโครงการรถคันแรก” เพื่อเป็นการประหยัดเงินงบประมาณและภาระของเจ้าหน้าที่ เพราะจนถึงขณะนี้ยังมีผู้จองรถอีก 1 แสนคัน ที่ยังไม่ยอมมารับรถ เพราะรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขว่า คนที่ถือใบจองจะต้องมารับรถภายในระยะเวลาเท่าไหร่
    โครงการนี้มุ่งหมายกระตุ้นการบริโภคของประชาชน ด้วยการให้สิทธิคนที่ซื้อรถได้รับการลดหย่อนภาษีถึงคนละ 1 แสนบาท
    (เต็มเพดาน) ตั้งเป้าไว้เพียง 5 แสนคัน ยอดเงินภาษี (ซึ่งเป็นรายได้เข้ารัฐ) ที่จะต้องคืนให้แก่ผู้รับสิทธิคือ 3 หมื่นล้าน ทว่ายอดจองกลับสูงถึง 1.25 ล้านคัน เท่ากับว่ายอดเงินที่ต้องกันไว้เพื่อจ่ายคืนจึงถีบตัวไปที่ 9 หมื่นล้านบาท

    โครงการนี้ มองเผินๆ เหมือนจะดี แต่กลับมีผลกระทบหลายด้าน เช่น 1.บิดเบือนกลไกตลาด ดึงกำลังซื้อในอนาคตของประชาชนไปใช้ก่อนเวลา ทำให้ยอดขายรถยนต์หลังปี 2556 เป็นต้นมาซบเซาอย่างหนัก อุตสาหกรรมรถยนต์ที่เคยเป็นดาวรุ่ง ก็กลายเป็นดาวร่วง 2.ส่งผลให้ยอดจัดเก็บภาษีของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าเป้ามาหลายปี และส่งผลกระทบถึงอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น อะไหล่ เม็ดพลาสติก วิทยุติดรถยนต์ ฯลฯ จนทำให้การจัดเก็บรายได้นิติบุคคลของกรมสรรพากรพลาดเป้าตามไปด้วย 3.เกิดความเสียหายจากผู้รับสิทธิที่ไม่ทำตามเงื่อนไข คือ มีการขายรถและโอนรถให้บุคคลอื่นกว่าพันราย เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ต้องไล่ตามทวงเงินงบประมาณคืน บางรายถึงกับต้องฟ้องร้อง เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย บางรายเงินฟ้องร้องคดีสูงกว่าเงินที่จะเรียกคืนเสียอีก แต่ไม่ฟ้อง ก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เสียทั้งขึ้นทั้งล่อง และ 4.หนี้ครัวเรือนสูงขึ้น เพราะผู้ซื้อส่วนใหญ่ใช้สินเชื่อเช่าซื้อเป็นแหล่งเงิน หนี้ที่สูงจากการผ่อนชำระรถคันแรก ทำให้การบริโภคของประชาชนฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดหมายไว้

    8) โครงการแจกแท็บเลต หรือโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพาอีกล่ะครับ คุณลดาวัลลิ์ ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำด้วยหรือไม่? เป็นโครงการแรกๆ ที่ คสช. สั่งยกเลิกเลย เพราะอะไร เครื่องสเปกต่ำ แบตเตอรี่เสื่อมง่าย โครงข่ายอินเตอร์เนตในโรงเรียนไม่มี และไม่ดีพอที่จะใช้เครื่องมือนี้เป็นตัวส่งเสริมการศึกษา “ด้วยค่าตัวของเครื่องที่กำหนดราคากลางไว้แค่ 82 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2,700 บาท จึงไม่สามารถคาดหวังแท็บเลตในฝันได้ เกินครึ่งของแท็บเลตที่ผลิตป้อนโครงการนี้ ล้วนแต่เป็นแท็บเลตสเปกต่ำที่สั่งตัดจากโรงงานในจีน แหล่งผลิตสินค้าราคาถูก ไม่เน้นคุณภาพสูง สุดท้ายแท็บเลตในมือนักเรียนจึงเป็นอุปกรณ์ที่มีข้อจำกัดในการใช้งาน ไม่ต่างจากของเล่นราคาถูก และประเด็นเรื่องคุณภาพของเครื่องนี้เอง เป็น 1 ใน 2 เหตุผลหลักในการยุติโครงการนี้” สุดท้ายผลาญเงินไปเหนาะๆ 7,000 ล้านบาท และทิ้งปัญหา “ขยะอิเล็กทรอนิกส์” ให้หาหนทางกำจัด เป็นภาระบนบ่าของรัฐบาลชุดปัจจุบัน

    เสียดาย มีพื้นที่แค่เท่านี้ ที่จะช่วยสะกิด “หยักสมอง” ให้ลดาวัลลิ์ได้คิดใหม่ ว่าไอ้ที่พูดออกมานั้น “ตรรกะวิบัติกว่า” หรือไม่ ที่จะให้คนหนีคุก หนีคดี หนีหมายจับ หนีผู้สนับสนุน ไปเสวยสุขอยู่ต่างประเทศ มาเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจของรัฐบาลไทย

    ถ้าแกว่างนัก ให้แกเป็นที่ปรึกษาน้องสาว-ยิ่งลักษณ์ เตรียมสู้คดี “จำนำข้าว” ทั้งอาญาและแพ่งให้รอดพ้นเสียก่อนดีกว่า :rofl::D:D
    ****************************************
    ขออนุญาต เน้นตัวดำ ส่วนที่โดนๆ น่ะครับ...:giggle:
     
    Last edited: 3 Aug 2015
    Annekun, AlbertEinsteins, อู๋ คาลบี้ และอีก 9 คน ถูกใจ
  2. hey guys

    hey guys อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    12 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,066
    ให้นายช่วยรับใช้ก็ดีนะ
    นายพูดคำเดียว เรือดำน้ำก็ได้ใช้ละ
    นายพูดคำเดียว เสื้อแดงยังไม่กล้าตด
    เสื้อแดงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงอ่า
     
  3. กีรเต้

    กีรเต้ อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    11,917
    Location:
    เชียงใหม่
  4. อาวุโสโอเค

    อาวุโสโอเค อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    1 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,527
    ทักษิณอาสา คงทำได้แค่ให้ล๊อบบี้ยิสต์ของตนไปพูดที่ยุโรปอเมริกา โน้มน้าว ยัดเงินใต้โต๊ะ

    ตามสไตล์ที่ถนัด เป็นลักษณะเดิม ๆ ไม่ได้มีอะไรมากกว่านั้น แต่ถ้าถามว่าจะได้ผลยั่งยืนหรือไม่

    คงตอบว่ายาก โครงสร้างเศรษฐกิจโลกกำลังเปลี่ยน อย่าว่าแต่ไทยเลย อเมริกาเปลี่ยนตัวเองเป็น

    ศูนย์กลางด้านการเงินโลก จีนญี่ปุ่นเปลี่ยนตัวเองเป็นศูนย์กลางด้านบริการ เขมร พม่า ปรับตัวเป็น

    ฮับด้านโรงงานโลก ไทยอยู่จุดไหนทักษิณไม่มีคำตอบ นอกจากวาทกรรมอำมาตย์ไพร่ให้ย่ำเท้าอยู่กับที่ 5555
     
  5. suraphan07

    suraphan07 อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    15 ต.ค. 2014
    คะแนนถูกใจ:
    8,284
    Location:
    BKK.
    แต่อย่างว่าแหล่ะ...แค่คนเดียว...
    ฉบับย่อ ก็เล่มขนาดนี้แล้ว...
    ความชั่วฉบับย่อ.jpg

    เอาเรื่องของน้องสาว ขี้ข้า บริวาร มารวมอีก
    ถึงแม้จะเขียนได้ลื่น ไม่ติดขัด แต่ก็น่าจะต้องใช้เวลาแหล่ะครับ...ว่ามั๊ย...:giggle:
     
  6. AlbertEinsteins

    AlbertEinsteins อำมาตย์น้อย

    สมัคร:
    13 Dec 2014
    คะแนนถูกใจ:
    4,479
    ผมชอบมาก
    อเมริกาเปลี่ยนตัวเองเป็นศูนย์กลางด้านการเงินโลก
    จีนญี่ปุ่นเปลี่ยนตัวเองเป็นศูนย์กลางด้านบริการ
    เขมร พม่า ปรับตัวเป็นฮับด้านโรงงานโลก
    ไทยอยู่จุดไหน??

    เสื้อแดงเชื่อควายนักโทษหนีคดีหนีคุกทักษิณว่าเป็นกูรู้เทพเศรษฐกิจ
    หลงคารมให้กลุ่มควายมีโอกาสบริหารประเทศนานนับสิบปีเพราะมันอยากมีอำนาจเพื่ออยากกลับบ้านแบบเท่ห์ๆ
    แต่ประเทศไทยถอยหลังจนหาจุดยืนแทบไม่ได้แล้ว
    จากจุดที่จะเป็นเสือตัวที่ห้าหรือศูนย์กลางเศรษฐกิจอาเซียน
    ถอยหลังลงคลองจนแทบล่อนจ้อน
    สักวันจะตามหลังพม่า ลาว เขมร เวียตนาม
     
    Last edited: 3 Aug 2015
    suraphan07, อาวุโสโอเค, JSN และอีก 1 คน ถูกใจ.

Share This Page