วันนี้ (10 ก.ย.) นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม ได้เผยแพร่สาระสำคัญและหลักเกณฑ์การพระราชทานอภัยโทษในโอกาสสำคัญ หรือพักการลงโทษกรณีอ้างเหตุรับประโยชน์เกี่ยวกับอายุและภาวะการเจ็บป่วยของผู้ต้องขัง โดยระบุว่า สาระสำคัญและตามหลักเกณฑ์เกี่ยวกับอายุของผู้ต้องขังนั้นต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดอายุ 70 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป หรืออายุตั้งแต่ 60 ปีบริบูรณ์แต่ไม่เกิน 70 ปี ที่เหลือกำหนดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีของโทษตามกําหนดโทษ เช่น พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2559 ที่ผ่านมาบัญญัติว่า “ต้องได้รับโทษจําคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษตามกําหนดโทษ และต้องมีโทษจําคุกตามกําหนดโทษที่จะต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกิน 3 ปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ” เป็นต้น และยังต้องดูว่าการกระทำความผิดที่ต้องรับโทษนั้นเป็นฐานความผิดต้องห้ามไม่ให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษตามบัญชีแนบท้ายพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษด้วยหรือไม่อีกด้วย ส่วนการพักโทษของผู้ต้องขังที่มีอายุเกิน 70 ปี ต้องเหลือโทษไม่เกิน 5 ปี และต้องถูกจำคุกมาแล้ว 1 ใน 3 ของโทษตามกําหนดโทษ ก่อนหน้านี้นักเลงคีย์บอร์ดได้โพสต์ข้อความสร้างความเข้าใจผิดให้กับสังคม โดยระบุถึงกรณีที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ถูกศาลพิพากษาจำคุก 20 ปี ในคดีความผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ฯ และนายสนธิยอมติดคุกไม่หนีออกนอกประเทศว่าเพราะเหลือเวลาอีกเพียง 58 วัน นายสนธิจะมีอายุครบ 70 ปี จึงยอมรับโทษไปอีกไม่กี่วัน ก็ขอใช้สิทธิพักโทษกลับออกมาอยู่บ้าน แต่ถ้าหลบหนี อายุความคดีอาญา 20 ปี อายุ 90 ปี นายสนธิถึงจะได้กลับเมืองไทย ซึ่งเป็นการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จ เพราะนอกจากกรณีของนายสนธิจะไม่เข้าเกณฑ์แล้ว นายสนธิยังไม่มีอายุครบ 70 ปีในอีก 58 วันข้างหน้า http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000091031 .......................................................... กรณีบิดเบือน สร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม รัฐฯน่าจะลงโทษให้เป็นตัวอย่างป้องกันการกระทำผิดซ้ำซากแบบนี้เสียที ก่อนที่จะกลายเป็นสังคมแห่งการบิดเบือนไปจริงๆ
Chuchart Srisaeng .....กรณีนายสนธิ ลิ้มทองกูล ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 20 ปี มีผู้นำเรื่องนี้มาโพสต์และแชร์กันอยู่ว่า ที่นายสนธิไม่หลบหนีทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่า ศาลฎีกาคงพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้ลงโทษจำคุก 20 ปี นั้น .....เนื่องจากนายสนธิเกิดวันที่ 7 พฤษจิกายน 2490 วันที่ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา นายสนธิมีอายุ 69 ปี 10 เดือน กับอีก 2 วัน อีก 1 เดือน 28 วัน หรือ 58 วัน นายสนธิก็จะอายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ .....เมื่อนายสนธิอายุครบ 70 ปี ก็สามารถขอใช้สิทธิเป็นผู้พักโทษ ตามกฏหมายของกรมราชทัณฑ์ เดินกลับออกมาอยู่บ้าน ออกทีวีด่าทักษิณต่อไปอย่างสบายอารมณ์ ตราบจนวันตาย .....ถ้าหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งมีอายุความ 20 ปี อายุ 90 ปี นายสนธิถึงจะได้กลับเมืองไทย นี่คือคำตอบว่าทำไมนายสนธิจึงยอมเดินเข้าคุกด้วยรอยยิ้ม .....ขอเรียนให้ทราบกันว่า ตาม พ.ร.บ. ราชทัณฑ์ ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน ได้บัญญัติเกี่ยวกับการพักโทษไว้ดังนี้ .....มาตรา ๓๒ นักโทษเด็ดขาดคนใดแสดงให้เห็นความประพฤติดี มีความอุตสาหะ ความก้าวหน้าในการศึกษาและทําการงานเกิดผลดี หรือทำความชอบแก่ราชการเป็นพิเศษ อาจได้รับประโยชน์อย่างหนึ่งหรือหลายอย่างดั่งต่อไปนี้ .......(5) พักการลงโทษภายใต้บังคับเงื่อนไขตามที่รัฐมนตรีกําหนดไว้ แต่การพักลงโทษนี้ จะพึงกระทําได้ต่อเมื่อนักโทษเด็ดขาดได้รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามของกําหนดโทษตาม หมายศาลในขณะนั้นหรือไม่น้อยกว่าสิบปีในกรณีที่ต้องโทษจําคุกตลอดชีวิตและระยะเวลาที่จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นให้กำหนดไม่น้อยกว่าหนึ่งปีแต่ไม่เกินกว่ากําหนดโทษที่ยังเหลืออยู่ .....ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ไม่ได้มีข้อความกล่าวไว้เลยว่า ถ้าผู้ต้องโทษจำคุกที่ถูกคุมขังอยู่มีอายุ 70 ปี แล้วจะขอพักโทษได้ .....มีตัวอย่างผู้มีอายุเกิน 70 ปี ที่ยังถูกจำคุกอยู่คือนายชูชีพ หาญสวัสดิ์ อายุ 72 ปี อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ นายวิทยา เทียนทอง อายุ 75 ปี อดีตเลขานุการ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 6 ปี ขณะนี้ก็ยังอยู่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ .....ดังนั้นผู้โพสต์ว่า เมื่อนายสนธิอายุ 70 ปี จะได้รับการพักโทษ จึงเป็นการนำเรื่องที่ไม่เป็นความจริงหรือความเท็จมากล่าว อาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1) ได้ รวมทั้งผู้นำมาเผยแพร่หรือแชร์กันต่อก็อาจมีความผิดด้วย ครับ