ที่สยามสมาคมฯ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานประกาศผลรางวัล SVN AWARD ของเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยกล่าวถึงการปฏิรูปประเทศในขณะนี้ว่า รัฐบาลชุดนี้มีความตั้งใจและความพยายามแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันก็ต้องมีการแก้ไขกฎหมายและการเมือง ซึ่งเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัด เพราะไม่สามารถพูดได้ แต่ไม่คิดว่าการรัฐประหารจะเสียของ เพราะอย่างน้อยรัฐบาลก็ตั้งใจและพยายามทำ แม้ว่ายังไม่สามารถทำให้เกิดการปรองดองได้ เพราะยังไม่ได้ค้นหาต้นเหตุที่แท้จริงของความแตกแยก เพราะสิ่งที่สำคัญคือความไม่ยุติธรรมในสังคมและความสัมพันธ์เชิงอำนาจ “การรัฐประหารที่เกิดขึ้น ผมไม่คิดว่าเป็นการทำลายประชาธิปไตย เพราะรัฐบาลชุดที่ผ่านมาหรือประเทศไทยที่ผ่านมา ผมไม่เคยเห็นว่าเป็นประชาธิปไตย แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็เป็นโอกาสให้เกิดการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเชิงอำนาจที่จะทำให้ประชานเข้มแข็ง จัดระเบียบใหม่ระหว่างผู้ปกครองกับประชาชน สร้างความยุติธรรมในกระบวนการยุติธรรม ลดความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ ลดอำนาจรัฐ ลดองค์กรหน่วยงานของรัฐ หลายกระทรวงต้องเปลี่ยนแปลง” เราต้องปรับวิธีคิดของคนไทยซึ่งเป็นอุปสรรค เราเรียกร้องให้มีประชาธิปไตย แต่ฝรั่งเรียกร้องให้เลือกตั้ง เรายึดอำนาจในเมืองไทย ทำในเมืองไทย กระทบต่อการเมืองเศรษฐกิจของไทย ฝรั่งบอกไม่ดี ไม่น่าคบ อย่าไปเชื่อฝรั่ง เพราะฝรั่งในชาติตะวันตกมีความเห็นแก่ตัว สิ่งที่เขาว่าเราไม่ดี เขาทำมาแล้ว 200 ปีเป็นอย่างน้อยทั้งในประเทศของเขาเองและประเทศที่ไปปกครองก็ถูกยุให้แตกแยกกัน มหาอำนาจที่ล่าเมืองขึ้นในอดีตใช้หลักการแบ่งแยกและปกครอง เมื่อพ้นจากการถูกครอบงำประเทศก็ยังแตกแยกตลอดมา เช่น พม่า ปานามา นิการากัว เอกวาดอร์ ชิลี บราซิล อาร์เจนตินา และประเทศทางตะวันออกกลาง “ผมไม่ห่วงเรื่องโรดแม็พ เพราะยืดหยุ่นได้ แต่ต้องพูดให้แน่ชัด แต่ต้องทำให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริงให้ได้ การเลือกตั้งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในกระบวนการประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่เป็นเพียงองค์ประกอบเดียว ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นปัญหาแบบฟีฟ่า เมื่อรัฐประหารมาแล้วขอเพียงอย่างเดียว คือทำการเปลี่ยนแปลง และทำให้เกิดผลลัพธ์ รวมถึงไม่ต่อเวลาอำนาจให้ตัวเองยาวนานเกินไป” นายอานันท์กล่าว http://www.thaipost.net/?q=โซเชียลเขย่ามั่นคง-คสชขู่จัดหนักโพสต์ปลุกปั่น-อานันท์ชมทหาร‘ส’ชนสปช ..................................................................................... ผมเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่อยากเห็นบ้านเมืองเราเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น อาจจะแตกต่างกันในเรื่องวิธีการแต่ละคน ซึ่งตอนนี้รัฐบาลคสช.กำลังทำการปฎิรูปประเทศอยู่ คาดต้องใช้เวลาอีกพอสมควรเพราะปัญหาที่หมักหมมานานมีมากมาย ที่สำคัญบางสิ่งบางอย่างของการปฎิรูปอาจส่งผลกระทบกับตัวเราบ้าง และหากเราอดทนไม่หวั่นไหวต่อกระแสข่าวที่พยายามลดความน่าเชื่อถือของคนที่ตั้งใจทำงาน ประเทศไทยของเราน่าจะผ่านวันที่ยากลำบากช่วงนี้ไปได้ครับ
เมียนมาร์ถูกหลอกยังไม่พอ ทุกวันนี้เมกายังใช้ซูจีเป็นเครื่องมืออีกทุกครั้งที่โอกาสอำนวย เราเองก็ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่เราเป็นประชาชนคนเล็กๆ จะทำไรได้เล่า ได้แค่รอดูผลบั้นปลาย ดูน้ำหน้าของคนที่ถูกโค่นและคนที่โค่น ใครทำไรทั้งดีและเลว ปวศ.ย่อมจารึกไว้ แต่แม้สมน้ำหน้าใครก็ไม่พ้นเสียใจกับประเทศของเรา
กรณี อองซาน ผมไม่แน่ใจว่าจุดยืนจริงๆเป็นอย่างไรครับ แต่ตอนนี้ทั้งจีนและสหรัฐฯทางพยายามหาทางเข้าประเทศ เพราะทรัพยากรเมียนมาร์ ยังคงมีมากมายรออยู่ ส่วนของบ้านเรา ถึงวันนี้ควรมองไปข้างหน้าว่าอนาคตของประเทศจะเดินไปอย่างไร และจะทำอย่างไรไม่ให้เกิด วิกฤตอย่างที่ผ่านๆมาได้แล้วครับ
ผมว่าสอดคล้องกับคนไทยหรือแม้แต่ คสช เอง ที่ประกาศต่อเนื่องเรื่องการครองอำนาจ ลุงตู่แกย้ำหลายรอบเรื่องแกมีเวลาจำกัด แต่ปัญหาคือ พวกร่านเลือกตั้งจะตีความในทางลบ
“ไก่อู” เผย ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ยกระดับ ป.ป.ท.เป็นองค์กรใกล้เคียง ป.ป.ช. ให้มีประสิทธิภาพปราบโกงภาครัฐ ตามแนวทาง คสช. มีวาระ 7 ปี ขีดเส้นพิจาณาเรื่องร้องเรียนให้เสร็จ 3 เดือน สั่งฟ้องเองได้ คุณสมบัติต้องได้ ป.เอกกฎหมาย-สอบเนติฯ อยู่ ป.ป.ท.ไม่ต่ำกว่า 8 ปี ส่วนผู้ถูกกล่าวหาต้องโดนพักราชการ-ย้าย พร้อมผ่าน 3 ร่างกฎหมายเศรษฐกิจดิจิตอลชง สนช. พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ยังกำหนดให้ ป.ป.ท.มีระยะเวลาพิจารณาเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนให้เสร็จสิ้นภายใน 3 เดือนหลังจากรับการกล่าวหา และมีอำนาจฟ้องคดีได้เอง หากพนักงานอัยการเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง ภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ได้รับสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ทั้งนี้เพื่อปรับปรุงกระบวนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ ป.ป.ท. และสำนักงาน ป.ป.ท.ให้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังได้ปรับปรุงสถานะของสำนักงาน ป.ป.ท.ให้ส่วนราชการระดับกรมที่ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อให้การทำงานของสำนักงานเป็นอิสระและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงาน ป.ป.ท.ตามโครงสร้างใหม่นั้น ต้องเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกทางกฎหมาย และสอบเนติบัณฑิตได้แล้ว โดยต้องมีประสบการณ์ในการสอบสวนข้อเท็จจริงและวินิจฉัยคดีไม่น้อยกว่า 1 ปี ส่วนกรณีผู้สำเร็จการศึกษาระดับต่ำลงมานั้น ต้องรับราชการในสำนักงาน ป.ป.ท. มาแล้วไม่น้อยกว่า 8 ปี สำหรับผู้ที่ถูกกล่าวหานั้น ร่างกฎหมายใหม่ได้กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาของผู้ที่ถูกกล่าวหาต้องใช้มาตรการทางวินัย ในส่วนของการพักราชการหรือย้ายออกจากพื้นที่เดิม ในระหว่างที่ถูกสอบสวนด้วย http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000068136 .............................................................................................. อันนี้น่าสนใจดีครับ น่าจะแก้ปัญหาเรื่องทุจริตที่ล่าช้าได้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลนี้เอาจริง
ผมว่าในใจอองซานก็ไม่ได้ชอบ UN หรอก เพราะเป็นชาตินิยม แต่เห็นว่าเป็นแบ็คคอยช่วยหลายอย่างเลยไม่พูดอะไร เหมือนติมอร์ที่กวนบาทามาก ยืมมืออเมริกามาร่วม พอเป็นเอกราช กลับบอกให้ไสหัวไป อองซานก็อาจถีบหัว UN ส่ง หากพม่ากลับสู่ปชต. ก็เป็นได้
เรื่องเดียวกันหรือปล่าวเนี่ย ฮงจริงๆ มติชน “รัฐบาลชุดนี้มีความตั้งใจและความพยายามที่ดี แต่หลายที่มีมาตรการออกไปทั้งด้านกฎหมายและการเมือง ทำให้คนจำนวนไม่น้อยพูดไม่ได้ และเริ่มรู้สึกอึดอัดอีกแล้ว ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องจะเสียของหรือไม่ หรือทำไมยังไม่เกิดความปรองดอง แต่ผมคิดว่าเรายังไม่พยายามค้นหาสาเหตุขอความแตกแยกที่แท้จริง” นายอานันท์ กล่าว http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1434511033 ไทยโพสต์ "อดีตนายกฯ ผู้นี้ยังระบุว่า รัฐบาลชุดนี้มีความตั้งใจและความพยายามแก้ไขปัญหา ขณะเดียวกันก็ต้องมีการแก้ไขกฎหมายและการเมือง ซึ่งเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัด เพราะไม่สามารถพูดได้ แต่ไม่คิดว่าการรัฐประหารจะเสียของ เพราะอย่างน้อยรัฐบาลก็ตั้งใจและพยายามทำ แม้ว่ายังไม่สามารถทำให้เกิดการปรองดองได้ เพราะยังไม่ได้ค้นหาต้นเหตุที่แท้จริงของความแตกแยก เพราะสิ่งที่สำคัญคือความไม่ยุติธรรมในสังคมและความสัมพันธ์เชิงอำนาจ.
ผมไม่อยู่ในฐานะที่จะกล่าวได้ว่า สิ่งที่ทำไปผิดหรือถูก แต่สิ่งที่ผมแน่ใจ คือ คนจำนวนไม่น้อยเบื่อระอา และมีความดีใจอย่างเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบางสิ่งบางอย่างในเมืองไทยที่ให้โอกาสใหม่กับคนไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเวลาผ่านมาหลายเดือนแล้ว รัฐบาลชุดนี้มีความตั้งใจดีและพยายามอยู่ หลายสิ่งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นด้านกฎหมายหรือการเมือง รู้สึกว่า คนจำนวนไม่น้อย ซึ่งขณะนี้ส่วนใหญ่พูดไม่ได้ มีคนจำนวนไม่น้อยรู้สึกอึดอัด ผมไม่พูดถึงเรื่องจะเสียของ และไม่พูดถึงสาเหตุยังไม่เกิดความปรองดอง แต่สิ่งหนึ่ง คือ เรายังไม่พยายามค้นหาเหตุที่แท้จริงของความแตกแยกในเมืองไทย "เราเรียกร้องให้มีระบอบประชาธิปไตย ฝรั่งเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง เรามีการยึดอำนาจคนไทย ทำในเมืองไทย กระทบกระเทือนชีวิตคนไทย กระทบกระเทือนระบบการเมืองไทย ฝรั่งบอกไม่ดี ไม่น่าคบ อย่าไปเชื่อฝรั่ง เป็นความเห็นแก่ตัวของฝรั่งตะวันตก" “ผมไม่ขอให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา เพราะไทยไม่เคยมีประชาธิปไตย แต่ต้องทำให้เกิดประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่แตกต่าง สังคมไทยพูดไม่จริงตลอดเวลา ถ้าเผื่อเป็นสังคมต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้มแข็งขึ้น และประชาชนเข้าถึงความรู้” “ขออย่างเดียวเมื่อยึดมาแล้วให้ทำจริง ทำทุกอย่างเพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่แท้จริง จะใช้เวลานานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่อย่ายืดเวลาให้ตัวเองมากเกินไป และหากมีคอร์รัปชันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วไม่แก้ปัญหาอย่างแท้จริง ความน่าเชื่อถือหรือความนิยมที่คนมีในขณะนี้จะหายไป เมื่อถึงตอนนั้นแล้วการปฏิรูปจะไม่เกิดประโยชน์” อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในที่สุด . http://isranews.org/thaireform/thaireform-talk-interview/item/39299-svn-award_392991.html ........................................................................................... ของ อิศรา ค่อนข้างกลางๆนะครับ
เอามาลงเพิ่มเติมหน่อยครับ เพื่อความต่อเนื่อง สื่อฯถามนายกฯเรื่องที่ท่านอานันท์พูดเมื่อวันก่อน วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณที่นายอานันท์ ปัญยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่าการแก้ปัญหาของรัฐบาลขณะนี้สามารถแก้ไขปัญหาความสงบเรียบร้อยได้เพียงผิวเผินว่า “ต้องขอบคุณนายอานันท์ ส่วนที่บอกว่าความสงบจะไม่ยั่งยืนนั้น ก็ต้องขอถามกลับว่าแล้วสื่อว่าอย่างไร ผิวเผินมันอย่างไร วันนี้มันไม่ใช่ฉัน คนที่ทำให้บ้านเมืองไม่เรียบร้อยไม่ใช่ฉัน ฉันมีหน้าที่ดูแลคนทั่วๆ ไปทุกคน ผมดูแลคนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้ให้มากที่สุด ทั้งๆ ที่รายได้ก็จะไม่มี วันนี้พยายามทำ พยายามคิดเพื่อแก้ปัญหาไปจนถึงอนาคต ถามว่าสิ่งที่ผมทำมันผิดตรงไหน หรือผิดมาตั้งแต่เกิด” ผู้สื่อข่าวพยายามถามซ้ำว่า อดีตนายกรัฐมนตรีระบุว่าการแก้ปัญหาปัจจุบันทำให้เกิดความสงบเพียงผิวเผินเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์โมโหว่า ใครล่ะ มันอยู่ที่ใคร ตอบสิว่าใครที่ทำให้เกิดความไม่สงบ รัฐบาลหรือ การปรองดองต่างๆ มันก็ไม่ใช่ตน แต่คนในชาติต้องปรองดอง จะไปบังคับให้ปรองดองทำไม่ได้ จะใช้มาตรา 44 ไปบังคับก็ไม่ได้ เราบังคับคนด้วยความดีในสิ่งที่มองเห็นถึงอนาคตว่าอนาคตประเทศจะเดินหน้าอย่างไรและประชาชนจะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ตนทำให้แก่ทุกคน ไม่ได้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง เพราะฉะนั้นก็ต้องไปเลือกว่าจะฟังใคร ถ้าสื่อมัวแต่ไปฟังทางโน้นแล้วเอามาตีตน ปัญหาก็จะเป็นอยู่แบบนั้น “ความหมายของท่านอานันท์ ท่านบอกว่าสิ่งที่ทำวันนี้ทุกอย่างดี แต่ต้องทำให้เร็วเพราะสถานการณ์มันไม่สงบนัก ท่านต้องการเตือนพวกเรา เพราะบ้านเมืองยังไม่สงบ ท่านยังรู้เลย แล้วทำไมพวกคุณไม่รู้ สื่อฯ เอาคำพูดของท่านมาเล่นงานผม เพราะท่านไม่ได้เล่นงานผม ผมคุยกับท่านอยู่แล้วและผมก็คุยกับทุกคน อะไรที่ท่านเสนอหรือแนะนำมา ผมก็ฟังเป็นแนวทางในการปฏิบัติ พิจารณา ผมไม่ได้คิดเอง ฟังความเห็นจากทุกคน สื่อเองก็หัดฟังคนอื่นเขาบ้าง ฟังแล้วก็อย่าเอามาตีกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว เมื่อถามว่า นายอานันท์แสดงถึงข้อห่วงใยที่อยากให้มีการเปิดโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้นเพื่อนำไปสู่การตรวจสอบที่โปร่งใสอย่างมีหลักธรรมาภิบาลที่ถือเป็นกระบวนการประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า แล้ววันนี้มันถึงเวลาแล้วหรือยัง สื่อต้องไปถามไอ้พวกที่ทำให้เกิดความวุ่นวายไม่ใช่ตน ตนมีหน้าที่ในการบริหารงานของประเทศจำเป็นต้องใช้อำนาจที่มีอยู่ ใครจะทำได้ถ้าไม่มีอำนาจอย่างที่ผ่านมาทำกันได้หนือไม่เหล่า “แล้วมันจะอะไรกับผมอีก ทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย มีการจัดกิจกรรมดีๆ บ้านเมืองสงบสุข ไปถามประชาชนบ้างว่าวันนี้ต้องการอะไร ถ้าเลือกตั้งขึ้นมาแล้วบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายก็เป็นเรื่องของท่านแล้ว ผมไม่เกี่ยวแล้วจะมาไอ้โน้น ไอ้นี้กับผม ผมไม่รับแล้ว ไปว่ากันมาอยากได้อย่างไรก็ไปเลือกกันเข้ามาแล้วกัน อยากได้อะไรก็เอาแบบนั้น ผมก็เหนื่อยใจกับบรรดาความคิดแบบนี้ ท่านอานันท์ไม่ได้ว่าอะไรผมเลย เพียงแต่บอกว่า อยากให้เปิดมากขึ้น แต่ถามว่ามันเปิดได้หรือยัง แล้ววันนี้รัฐบาลเปิดพื้นที่ให้หรือเปล่า แล้วคนเหล่านี้พูดหรือไม่มีการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ จะให้เปิดมากกว่านี้หรือ เปิดเวทีมาปลุกระดมหรือไง ถ้าสื่อถามคำถามแบบนี้อย่ามาถามผม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000068978 ..................................................................................................... อ่านคำสัมภาษณ์ท่านประยุทธแต่ละวันดูเหมือนเหนื่อยหน่ายกับปัญหาที่ประดังเข้ามาเหลือเกิน ส่วนมากไร้สาระทั้งสิ้น สงสัยว่าอยากให้ถึงวันเลือกตั้งเร็วๆเสียที จะได้พักผ่อนกับครอบครัว เพราะได้ทำดีที่สุดแล้ว บางทีประเทศไทยอาจจะเหมาะที่มีนายกฯแบบทักษิณก็ได้