ในส่วนของมาตรา 168 ที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีนั้น ระบุว่า “มาตรา 168 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่าหนึ่งในห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎรมีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และเมื่อได้มีการเสนอญัตติแล้วจะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรมิได้ เว้นแต่จะมีการถอนญัตติหรือการลงมตินั้นไม่ได้คะแนนเสียงตามวรรคสาม..... แต่อันนี้น่ะซีครับ "กรณีที่มติไม่ไว้วางใจมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมด เท่าที่มีอยู่ของ สภาผู้แทนราษฎรให้นายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่ง และสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงนับตั้งแต่วันที่มีมติดังกล่าว” แล้วใคร หรือ สส.คนใด จะกล้ายื่นอภิปรายล่ะครับ
ยื่นอภิปรายเสร็จ เกิดนายกแม้มติ.......สภาสูญสลาย กลายเป็นไปเลือกตั้งกันใหม่ ก็เข้าอีหรอบเดิม ....เปลืองงบเลือกตั้งกันอีกไม่มีที่สิ้นสุด..................................... จะเอาแบบนั้นจริงเหรอท่าน......
แต่ถ้ามานึกถึงความจริง ก็ยากจะอีกฝ่ายพลิกมาเป็นรัฐบาล เช่น สภา 500 รัฐบาลเดิม 300 ฝ่ายค้าน 200 ฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวต เรื่องนี้ นายกออก สมมุติสภายังมีอายุต่อไปอีก คนโหวตสวนอาจจะหันมาจับกับขั้วใหม่ไม่ได้ ทำให้เสียงก็แพ้ฝ่ายเดิม โหวตเรื่องไหนก็จะแพ้ ดังนั้นฝ่ายเดิมก็เป็นรัฐบาลต่อ แต่เปลี่ยนหัวใหม่
ถ้าใช้แบบเดิม แพ้ลงมติ ฝ่ายค้านได้เป็นนายกและรัฐบาลแทน แต่เสียงน้อยกว่าจะทำงานไปได้กี่น้ำล่ะครับ พรรคร่วมก็ไว้ใจไม่ค่อยได้
การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นหนทางที่ประชาชนจะได้รับรู้รับทราบ ข้อมูลความ ผิดพลาดในการบริหารราชการแผ่นดินของนายกรัฐมตรีได้อย่าง กว้างขวาง แล้วทีนี้ข้อกำหนดดังกล่าวไม่เป็นการปกป้องนายกรัฐมตรี ไม่ให้ต้องถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไปเหรอ แล้วมันจะเป็นประชาธิปไตยได้ยังไง หากจะให้ยุติธรรม สส.ที่ลงมติไว้วางใจและแพ้โหวต ควรจะเป็นฝ่ายสิ้นสภาพ สส.ไปตามนายกรัฐมนตรีที่ตนเองไว้วางใจมากกว่า แล้วแล้ว ส.ส.ที่เหลือ ซาวเสียงตั้งนายกบริหารประเทศต่อไป แต่นี่กลับเป็นต้องพ้นสภาพไปทั้งสภา ไม่ยุติธรรมสำหรับฝ่ายอภิปราย ที่หาข้อมูลมาอภิปราย จนชนะ แล้วต้องมาสิ้นสภาพ สส.ไปด้วย อย่างนี้ สส.ฝ่ายที่แพ้โหวต ไม่หัวเราะเยาะ และ "สมน้ำหน้า" สส.ฝ่ายที่ชนะโหวต เหรอ ฮ่าๆ
เข้าใจครับปู่ยง แต่ด้วยบริบทคณิตศาสตร์การเมืองที่ผมยกมา ก็เป็นข้อจำกัดการให้อีกฝ่ายเป็นรัฐบาล ผมว่าความเห็นปู่ยงก็ดีนะคือ สส อีกฝ่ายสิ้นสภาพ (ฝ่ายนายกที่ไม่ไดรับความไว้วางใจ) ควรเลือกตั้งใหม่ แต่ก็จะมีประเด็นเพิ่มอีก เช่น ถ้าอย่างนั้น สส ฝ่ายนั้นก็ไม่ยกมือสวนแน่ๆ เพราะตัวเองก็สิ้นสภาพด้วย หรือ เปิดสภาไม่ได้ ต้องเลือก สส ให้ได้ปริมาณตามรัฐธรรมนูญก่อนถึงเลือกนายก หรือ จะมีข้ออ้างอีกว่าฝ่ายบริหารกะฝ่ายนิติบัญญัติแยกจากกัน ทำไมลงโทษฝ่ายนิติบัญญัติฝ่ายเดียวที่เข้าข้างรัฐบาล เขียนให้ดีให้มากอย่างไรก็อุดไม่หมด ผมยังยืนยันว่าต้องปฏิรูปคนเลือกมากกว่าไปสร้างข้อจำกัดให้คนถูกเลือก
ผมมองข้าม สส.ครับ ถ้าเมื่อไรประชาชนเป็นล้านๆไม่ต้องการรัฐบาลไหน หมายถึงไม่เอาสภานั้นด้วย ก็วัดใจสส.กัน จะเลือกฝ่ายไหน จะได้รู้กัน ไหนๆก็ไหน เพราะงั้นไง ไม่ไว้วางใจปาหี่กันมากๆ ปาหัวฝ่ายค้านแม่ม เพราะงี้เลือกฝ่ายรัฐบาลแม่ม หมั่นไส้
ถ้ามติไว้วางใจ ก็อยู่กันต่อ รอยกต่อไป เสนอใหม่ตามสิทธิ-หน้าที่ ถ้ามติไม่ไว้วางใจ ก็ให้สส.คนที่โหวตไว้วางใจสิ้นสภาพตามนายก เพราะเดิม แม้เรื่องมันชัดเจนมากจนมีแววควรจะเด้ง ปกติก็ตะแบงอุ้มกันไป ไม่เสี่ยงอะไรนี่นา ถ้าแบบคุณปู่ยงนี้ สส.ฝ่ายนั้นก็ต้องวัดใจเลือกไงครับว่าจะแปรพักตร์มาอยู่กับเสียงข้างมาก เอาตัวเองรอด สังเวยนายกไปซะ หรือทนแถอุ้มนายก แล้วตัวเองก็โดนหามไปด้วย
อิ...อิ....ขอเป็นฝ่ายค้านครับ ปฎิรูปคนเลือกหมายถึง ****ต้องให้คนทั้งประเทศ เข้าใจถึงข้อดีข้อเสีย ของการเลือกตั้ง เข้าใจระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งรวมถึง ให้งดขายเสียง งดคิดถึงระบบอุปถัมภ์ งดคิดถึงพวกพ้อง อันนี้มีปัญหาเห็นๆ ว่ายากกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา และใช้เวลามาก จนเราอาจจะไม่มีการเลือกตั้งไปเลยเป็นสิบๆปี ผมขอเสนอแนวทางที่ทำได้ง่ายกว่า ใช้เวลาน้อยกว่า ถ้าคิดจะทำจริงๆ ***ปฏิรูประบบยุติธรรม เอากันตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ(ตร. อัยการ ศาล องค์กรตรวจสอบอิสระ) เล่นงานคนทำผิดกฏหมายได้รวดเร็ว เที่ยงตรง เด็ดขาด(อิ....อิ...เลียนแบบป๋า) โดยเฉพาะคดีโกงกิน ทุจริต ต้องรวดเร็วพอให้คนเลวมันกลัว ***ปรับปรุงระบบจัดเก็บภาษีให้จัดการ เอาโทษ กับพวกที่ร่ำรวยผิดปกติได้ ***ข้อที่กำหนดผู้สมัครเป็นนักการเมืองต้องแสดงเป็นหลักฐาน ---ทรัพย์สินที่มีอยู่ปัจจุบัน(ให้แจ้งทั้งหมด ลูก เมีย(สามี) เจ้าตัวเอง) ---อาชีพการงาน ---หลักฐานการเสียภาษี(ใว้ให้สรรพากรตรวจสอบอีกครั้ง) ผมว่าแค่นี้ คนเลวๆที่คิดจะสมัครเข้ามาเป็นนักการเมือง ก็แหยงกันพอสมควรอะครับ การปฎิรูปที่ผมเสนอ ถึงจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นแสนล้านก็คุ้มครับ
เพิ่งอ่านเจอ.....ขอให้เอาจริงสักทีเหอะ -------------------------------------------------------------- ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประกาศจุดยืน "คตง.ไม่ใช่เสือกระดาษ" สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถือเป็นหนึ่งในองค์กรอิสระที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของชาติ แต่เนื่องจากองค์กรแห่งนี้ไม่สามารถแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ทำให้องค์กรแห่งนี้ตกอยู่ในสภาวะ “สุญญากาศ” ขาดผู้นำมาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา รักษาการผู้ว่า สตง. ส่งหนังสือถึงหน่วยงานรัฐหลายแห่งที่ทำผิดระเบียบข้อบังคับของทางราชการ โดยขอให้แก้ไขและปรับปรุงให้ถูกต้อง ปรากฏว่าหน่วยงานเหล่านี้กลับเพิกเฉย ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของ สตง. มีเรื่องทำนองนี้ตกค้างถึง 8,000 เรื่อง ทำให้คนภายนอกมององค์กรแห่งนี้ว่าเป็นแค่ “เสือกระดาษ” คสช. ออกประกาศฉบับที่ 71/2557 กำหนดหลักเกณฑ์การสรรหา คตง. และผู้ว่าการ สตง. จากนั้น กระบวนการคัดเลือกได้ดำเนินการมาจนกระทั่งได้ผู้นำ สตง. ชุดใหม่เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2557 มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม อดีตประธานศาลอุทธรณ์ เป็นประธาน คตง. พร้อมกับกรรมการ คตง. อีก 6 คน โดยมีนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส เป็นผู้ว่าการ สตง. วันที่ 6 มกราคม 2558 นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธาน คตง. คนใหม่ เปิดแถลง “นโยบาย” ต่อสื่อมวลชนว่า สตง. ยุคนี้มุ่งเน้นตรวจสอบกรมจัดเก็บรายได้คู่ขนานกับการใช้จ่ายเงินของหน่วยงานรัฐ โดยมอบหมายผู้ว่าการ สตง. ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลังและอธิบดีกรมสรรพากร ใช้มาตรา 49 แห่งประมวลรัษฎากร ประเมินภาษีนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และนักธุรกิจที่ร่ำรวยผิดปกติ เบื้องต้นให้นำรายการบัญชีทรัพย์สินที่รายงานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาสอบยันกับแบบแสดงรายการของผู้เสียภาษี (ภ.ง.ด.90-91) หากตรวจพบรายการใดยังไม่เสียภาษี ให้กรมสรรพากรใช้อำนาจตามมาตรา 49 ประเมินภาษี และจัดเก็บภาษีให้ถูกต้อง “ผมมั่นใจมาตรการภาษี สามารถปราบคอร์รัปชันได้ดีกว่ามาตรการอื่นๆ แน่นอน ยกตัวอย่าง เจ้าพ่ออัลคาโปน ประเทศสหรัฐอเมริกา เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดำเนินคดีกับแก๊งอัลคาโปนได้ แต่ในที่สุด เจ้าพ่ออัลคาโปนก็ต้องติดคุกในข้อหาหลบเลี่ยงภาษี” http://thaipublica.org/2015/02/chaiyasith/
เราลืมปัญหาไปข้อ หนึ่ง หรือเปล่าครับ การซื้อ สส. ก็มีนี่ครับ จริงอยู่ ถ้าโหวตชนะ แล้วฝ่ายใหนจะชนะหละครับ พวกนี้ยี่หระ เหรอครับ ในการเลือกตั้ง ก็แค่ซื้อเสียงใหม่ ในเมื่อเงินจัดเลือกตั้ง เป็นเงินแผ่นดิน ยิ่งซ้ำเติมเข้าไปใหญ่ ซื้อเสียงเท่าไหร่ ก็แบบเดิม ร้อย พันเท่าที่เอาคืน บวกเก็บไว้เป็นทุนงวดต่อไป ผมว่ามันเอื้อ ให้พวก ทักษิณแบบเดิมๆ เต็มที่เลย ก็ใครละครับ จะซื้อ สส. ได้ อีกพรรคคงไม่มีหวัง เขาเรียกปิดประตูแพ้ ให้เพื่อไทยเลย อ้าวถ้าเพื่อไทยเลือกตั้งแพ้เหรอ รอกำหนดอภิปรายไม่ไว้วางใจซะเลย ซื้อกัน ลงคะแนนโหวต เลือกตั้งใหม่ ไม่ได้ข่าวกันบ้างเหรอครับ เงินสดๆ เป็นหลายพันล้าน ในช่วงนั้น เอาไปใหน
จริงอยู่ อภิปราย ได้ข้อเท็จ จริง หรือ ความผิด ข้อบกพร่อง ของรัฐบาล อันนั้นมัน สมัยเก่าครับ สส.บางคนอาจกลับ หรือเปลี่ยนใจ เลือกข้างที่ถูก หรือมีข้อมูลเพียงพอ ทุกวันนี้พวกท่าน หวังได้หรือครับ คุณธรรม จริยธรรม ถามหาจากใคร มันเป็นไปแล้ว นี่คือผู้ทรงเกียรติ
ถ้าจะปฎิรูปคนเลือก ผมว่าออกกฎหมายยาแรง ขายเสียงติดคุก 5 ปี ตัดสิทธิ์เลือกตั้งตลอดชีวิต ให้ไปเล่นงานที่คนขายเสียง
ลองคิดดูก็อาจจะใช้ได้นะครับ ถ้าแบบนี้ หากจะมี ส.ส. รัฐบาลที่โหวตไม่ไว้วางใจ ก็ต้องเป็น ส.ส. ที่ตั้งใจจะโหวตจริงๆ ไม่ใช่ต่อรองผลประโยชน์มา แล้วถ้าส.ส. ฝ่ายรัฐบาลจะโหวตให้ฝ่ายค้านก็ต้องคิดอีกตลบด้วยว่าถ้าไม่ไว้วางใจแล้วยุบสภา ประชาชนจะสนับสนุนตัวเองจริงๆ ในการเลือกตั้งที่จะมาถึงครับ