ลูกชายผมปีนี้เรียนอยู่ม ๕ โรงเรียนบ้านนอก เค้ารู้ว่าพ่อต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว และผมก็ผมโชคดีที่เค้าไม่ทำให้พ่อแม่ต้องผิดหวัง เค้าตั้งใจเรียน ไม่เอาเวลาเรียนไปทำกิจกรรมไร้สาระ และเค้าไม่อวดเก่ง อวดดี ที่สำคัญ เค้าไม่คิดว่า"ค่านิยม ๑๒ ประการ" เป็นการล้างสมอง "พ่อภูมิใจนะที่ลูกตั้งใจเรียน ไม่ทำอะไรที่มันไร้สาระ"
ไม่ต้องไปโรงเรียนไง... จะได้ไม่ต้อง เคารพธงชาติ สวดมนต์ ท่องค่านิยม ใส่เครื่องแบบ ตัดผม ดักดานอยู่บ้านดีแล้ว
มาดูกัน ค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ ของ คสช. ประกอบด้วย มีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซื่อสัตย์ เสียสละ อดทน กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครูบาอาจารย์ ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรงและทางอ้อม รักษาวัฒนธรรมประเพณีไทย มีศีลธรรม รักษาความสัตย์ เข้าใจเรียนรู้การเป็นประชาธิปไตย มีระเบียบ วินัย เคารพกฎหมาย ผู้น้อยรู้จักการเคารพผู้ใหญ่ มีสติรู้ตัว รู้คิด รู้ทำ รู้จักดำรงตนอยู่โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีความเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยอมแพ้ต่ออำนาจฝ่ายต่ำ คำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง
น่ารำคาญพวกบกพร่องทางปัญญาจริงๆ ล้างสมอง ตามพจนานุกรม แปลว่า ยัดเยียดความเชื่อ ทำให้เชื่อในความเชื่อใหม่ ในขณะที่ค่านิยม 12 ประการ สอนและแนะนำให้ทำความดี ซึ่งเป็นความจริง ไม่ใช่ความเชื่อ ถ้าคิดอย่างนั้น ศาสนาก็ล้างสมองซินะครับ เพราะศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี กฏหมายก็ล้างสมอง เพราะกฏหมายทำให้เราหลีกเลี่ยงความชั่ว คนที่คัดค้านช่วยบอกหน่วยว่าค่านิยม 12 ประการ มันไม่ใช่ความจริงตรงไหน มันแย่ตรงไหน การทำความดีเป็นเรื่องโกหกหรือไง อย่าอ้างปัญญาอ่อนว่ามาจากเผด็จการหรือไม่ได้มาจากประชาธิปไตย ฟังแล้วยิ่งแสดงให้เห็นถึงปัญญาเป็นอย่างดี ปล. ถ้ายึดตามความหมายของคำว่าล้างสมองแล้ว ผมว่าพวกต่อต้านต่างหากล้างสมอง ล้างสมองว่าคนเราเป็นอิสระจากทุกอย่างแม้แต่กฏหมาย ล้างสมองว่าประชาธิปไตยมาจากคนดีโดยคนดี เพื่อคนดี ล้างสมองว่าทหารเลว ล้างสมองว่าปูกับทักกี้ดี ล้างสมองว่ารัฐบาลล้างสมองอีกที
14 ต.ค.57 ที่บริเวณด้านหน้ากระทรวงศึกษาธิการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท นำโดย น.ส.ณัฐนันท์ วรินทรเวช เลขาธิการกลุ่มฯ ร่วมกันทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ โดยยืนอ่านบทอาขยาน "ค่านิยม 12 ประการ" เพื่อคัดค้านนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ มีการสวมหน้ากากรูปใบหน้าของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อีกด้วย นอกจากนี้ ยังได้ยืนชูแผ่นป้ายกระดาษ ที่มีข้อความว่า หยุด!!12นิยม"ล้างสมอง" , เปลี่ยนการศึกษา...ต้องฟังเสียงเด็ก , ค่านิยม...คือสิ่งที่เราเป็นเอง ไม่ใช่บังคับให้เราเป็น , "คน"เรียนรู้จาก"ทำ"ไม่ใช่"ท่อง"
ก็ดู 12 อย่างไม่เห็นมีอันไหนส่งผลเสียต่อเด็กเลยนะครับ ถ้าน้องว่าการสอนคนเป็นคนดีเป็นการล้างสมอง หละก็ อย่างนั้นควรสอนเด็กอย่างไรครับถึง ไม่เป็นการล้างสมอง ปล. น้องเอาเวลาไปเรียกร้องให้โรงเรียนเตรียมอุดม เลิกรับเด็ก"เส้น"ดีกว่าครับ
เด็กพวกนี้ คิดว่า ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เลยต่อต้านว่าค่านิยม 12 ประการ ที่ปลูกฝังให้เด็กเป็นคนดีในอนาคต เป็นสิ่งไม่ดี แต่ถามหน่อยว่า เด็กที่เขาเห็นว่าค่านิยม 12 ประการนี้เป็นสิ่งดี และคิดจะนำไปใช้ในอนาคตเนี่ย ก็มีนะ คงไม่ได้มีความคิดโง่ๆ แบบเด็กเวรพวกนี้ทั้งหมดหรอก แล้วทำไมเด็กดีๆ ต้องมาฟังเด็ก ที่ต่อต้านสิ่งดีๆ ด้วย บอกว่าไม่อยากถูกปลูกฝัง เพราะโดยยัดเยียด แล้วที่ตัวมันต่อต้านเนี่ย ไม่ได้ยัดเยียดความคิดตัวเอง มาบังคับเด็กคนอื่นด้วยหรือ
มองดูแล้ว อยากดังซะมากกว่า เวลาจบมาหางานทำ เขียนในใบสมัครด้วยนะ ว่าได้ทำกิจกรรมต่อต้านค่านิยม 12 ประการ เพราะมองดูแล้ว ไม่ถูกจริตตัวมันเอง เลยออกมาต่อต้าน
ใบสมัครงานเป็นการจำกัดเสรีภาพครับ... บังคับให้กรอกตามที่บริษัทต้องการ ที่ไหนให้เขียนใบสมัครต้องต่อต้าน
ผมว่าสมองอย่างน้องคนนี้และพวก สมควรโดนล้างอย่างยิ่ง กับค่านิยม 12 ประการ ยังตีความและสื่อความหมายไม่ออก แต่ตัวเองดันมาแสดงออกให้เห็นถึง ค่าของคน
นั้นคือสาเหตุที่พ่อแม่ถึงยังต้องเป็นห่วงและดูแลลูกอยู่แม้เค้าจะเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม เพราะถึงบรรลุนิติภาวะ ก็ไม่ได้แปลว่าพวกเขาเข้าใจโลกใบนี้มากขึ้นและทำสิ่งที่ถูกต้องเลยซักกะนิด
ภาพการแสดงออกของเด็กพวกนี้รวมถึงไอ้เด็กหน้าปุๆชื่อนิติไรซักอย่าง สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวร้าวที่ถูกเพาะบ่มจากครอบครัวเป็นอันดับแรก โตมาหน่อยมาเจอครู อาจารย์หัวก้าวหน้าเป็นแบบอย่าง ทำให้เด็กพวกนี้คิดแต่อยากดัง อยากเด่น อยากเป็นผู้นำทางความคิด(เลวๆ) ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีการทำวิจัยที่มาของเด็กเหล่านี้ว่าเป็นอย่างไรในครอบครัว ในสถานศึกษา พ่อแม่ภูมิใจกับพวกเขาหรือไม่ เป็นเด็กที่ให้ความเคารพผู้ใหญ่หรือเป็นเด็กก้าวร้าว เคยเห็นกับตาในครอบครัวเพื่อน พ่อแม่มักคุยด้วยความภูมิใจว่าลูกเป็นเด็กทันสมัยไม่สนใจเรื่องศาสนาและสถาบัน ในขณะที่ต้องมาบ่นให้เราฟังบ่อยๆว่า พูดอะไรกับลูกไม่ได้เลย เถียงตลอด เขามักจะบอกว่า รู้แล้ว โตแล้ว ไม่ต้องมาบอก ไม่ต้องมาสอน บางครั้งก็ขึ้นเสียงตวาดจนแม่ต้องแอบไปร้องไห้
ในพันทิป มีกระทู้แนะนำอันหนึ่งเกี่ยวกับลูกสาวกับแม่ แม่จบ ป6 ส่งลูกเรียนระดับปริญญา แม่ติติงลูกเรื่องแต่งตัวโป้ ลูกสาวไม่พอใจ บอก แม่ไม่ต้องมาสอนหนู แม่มีความรู้น้อยกว่าหนู ลองไปอ่านดูนะครับ เศร้าใจ
เออ คือว่าพวกเค้ายังไม่รู้ตัวน่ะว่าถูก Format สมองมาเรียบร้อยแล้ว อยากเปลี่ยนระบอบเลยกลัวเด็กรักกษัตริย์ อยากขายสมบัติชาติเลยไม่อยากให้เด็กรักชาติ อยากโปรแกรมสมองคนใหม่เลยไม่อยากให้เด็กยึดถือศาสนา...
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมลองตรองดูแล้ว หลายครั้ง ผมว่าไม่ใช่แล้ว นี่คือ ทหาร หรือ นักรบเด็กชัดๆ ที่ฝ่ายตรงข้ามส่งเข้ามา ดูประวัติ ของต่างชาติบางประเทศ เขาใช้เด็กเป็นทหาร แม้ยุทธวิธี หรือ รูปแบบ อาจต่างกัน ทางด้าน กรรมวิธีในการรบ แต่ผมว่า นี่หละ ใช่เลย ทหารเด็ก
เห็นด้วยที่สุดครับ เหมือนกับพวกระเบิดพลีชีพยังไงยังงั้น ยุให้เด็กผูกระเบิด กด ตู๊ม เด็กตาย แต่กรูยังอยู่.....เสวยสุขต่อไป แล้วทำไมต้องเน้นว่า นี่คือเด็ก"เตรียมอุดม" เตรียมอุดมไหน??? "เตรียมอุดมจุฬาฯ" เตรียมอุดมพัฒนาการ" ฯลฯ ต้องคลุมเครือไว้ก่อน เพราะสามสิบกว่าปีที่แล้ว ผมอิจฉาเพื่อนๆที่สอบได้"เตรียมอุดมจุฬาฯ" ผมอยากมีโอกาสเรียน"เตรียมอุดมจุฬาฯ" มาก เพราะคนที่สอบเข้าได้ต้องเรียนเก่งจริงๆ เอนทรานซ์ ติดหมอ เภสัช วิศว และผมคิดว่าปัจจุบันนี้ก็คงยังเป็นยังงั้น ฉะนั้นต้องอ้าง "เตรียมอุดม" ไว้ก่อน อย่าหากินกับเด็กครับ ปล ปิดเทอมแล้วลูกชายไม่ได้ทำเรื่อง"ไร้สาระ" ยังไปเรียน รด. เมื่อวานผู้สอนให้ทดลองยิงปืน คะเเนนเต็ม ๕๐ "มันเก่งมาก (กัดฟันพูด)" ได้ตั้ง ๔ คะแนน แถมยังบอกแม่เค้าว่า "ผมได้ ๔ คะแนนยังดีกว่าบางคนที่ไมได้ซักคะแนน" ถ้าผมอยู่ใกล้ ผมจะตบกะโหลกมัน
ช่วงนี้ไอ้พวกแดงมันโดนจับตามอง เลยให้พวกร่านฯออกมาอาละวาดแทน แต่กลยุทธเดียวกันเป๊ะ ชิงพื้นที่ข่าว หาหนังสือพิมพ์ขี้ข้าไปตีให้ใหญ่เพื่อขยายผล เอาจริง ๆ คือ มันมีผลแค่ทำให้คนเห็นว่ามีไอ้พวกต่อต้านอยู่เรื่อย ๆ เลี้ยงกระแสไปก่อนรอโต้กลับ ส่วนมีผลระดับให้คนมาชุมนุมไล่รัฐบาลคงไม่ไหว
เรื่องนี้ผมว่า รัฐบาล คสช. ฟังไว้แล้วทบทวนตัวเองก็จะดี (อีกหลายเรื่องก็ควรฟังเสียงคนเห็นต่างด้วย ไม่ใช่ฟังแต่แฟนคลับ) ก่อนอื่น ผมไม่ได้บอกว่า เนื้อหา 12 ข้อนี้ไม่ดี แต่ผมจะบอกว่า วิธีบังคับท่องทุกวันเป็นวิธีที่ไม่เหมาะกับยุคสมัยแล้ว มันเป็นวิธียุคทหารเก่า เหมือนเพลง "เด็กเอ๋ย เด็กดีต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน ... " ซึ่งอันที่จริงถ้าวิธีแบบนี้มันได้ผลดีจริง สังคมเราทุกวันนี้คงไม่มากปัญหาเท่านี้มั้ง เพราะไอ้คนรุ่นที่ร้องเพลงเด็กดีก็โตมาเป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ถ้าเข้าใจจิตวิทยาเด็ก ปัญหาของวิธีบังคับท่องจำคือ มันทำให้เด็กเบื่อ เบื่อแล้วก็ตามมาด้วยการต่อต้าน เพราะเด็กมีสัญชาตญาณที่จะหาความต้องการของตัวเอง หรือพูดง่าย ๆ ความดื้อมีอยู่ในตัวเด็กทุกคน ยิ่งบังคับ ยิ่งต่อต้าน เป็นเรื่องปกติ และสำหรับเด็กหลาย ๆ คน จากต่อต้านการบังคับให้ท่องจำ ก็จะพัฒนาไปเป็นต่อต้านเนื้อหาของสิ่งที่ท่องจำ (อาการแบบเบา ๆ ก็คือ การแปลงเนื้อหา - ผมเชื่อว่าทุกท่านเคยร้องเพลง "กินแกงเนื้อไม่เบื่อหรือไง" หรือไม่ก็ "เอาแตงโมมาจิ้มน้ำตาล" นั่นคืออาการเบา ๆ ของการต่อต้าน) วิธีที่ได้ผลดีกว่า คือใส่เนื้อหาสาระเหล่านี้ลงไปในสิ่งที่เด็กจะเพลิดเพลิน เช่น หนัง การ์ตูน ฯลฯ มันจะฉลาดกว่า ถ้าให้เด็กดูหนังที่ส่งเสริมคุณธรรม อย่าง ซีรี่ส์ญี่ปุ่น นายกมือใหม่ อะไรนั่น อยากให้รักความเป็นไทย ให้ดูโหมโรงก็ได้ ขนาดทหารเมืองนอกเขายังเปลี่ยนวิธีการไปแล้ว ไปดูเถิด อเมริกาเขาไม่ได้บังคับให้ท่องอะไรแบบนี้ เวลาเขาอยากได้คนเข้ากองทัพ เขาทำโฆษณาซะโคตรดราม่า ผมเห็นเรื่อยเวลาดูกีฬาต่างประเทศ ลองหาดูในยูทูบก็คงมี
พวกร่านเนี่ย มันต่อต้านศาสนา ต่อต้านกฎหมาย แถมยังจะไม่อยากให้มีการอบรมสั่งสอนอีก ถ้ามีพวกนี้มากๆ คนคงฆ่ากันตายหมด
บอกเป็นตัวแทนนักเรียน นักศึกษา คนรุ่นใหม่... แต่อ่านแค่นี้แล้วบอกว่าไปละเมิดสิทธิ... ... ถ้าท่องแล้วไม่ดี... แสดงว่าพ่อง, แม่งคงไม่เคยท่อง ไม่เคยร้องเพลงชาติ เลยไม่รู้ว่า... เค้าให้ร้องทำไม? เค้าให้ท่องทำไม?... ลูกแม่มถึงไม่ได้มี "สำนึก" ความเป็นมนุษย์อริยะที่เที่ยวประกาศว่ากรูเป็นกูรูแต่ไม่รู้แม้ที่มาที่ไป... ... ถ้าท่องแล้วไม่ดี... พระศาสดาคงสอนผิด... เพราะพระศาสดาตรัสถึงการทรงจำ... เป็นอุปการะอย่างยิ่งต่อการใคร่ครวญให้เกิดปัญญา... ของเหล่า "มนุษย์" ... ... ท่องจำยังไม่ได้... แล้วพวกเมิงเอา "ปัญญา" มาจากที่ไหน... ??? หรือจะบอกแค่ว่าไม่มีปัญญากรูคงไม่ได้เรียนเตรียมฯ... ??? ถ้าเรียนเตรียมฯแล้วเป็นมนุษย์สมองหมาปัญญาอ่อนขนาดนี้... กรูให้ลูกกรูเป็นควายนั่งฟังธรรมอยู่บ้านดีกว่า...
เริ่มตั้งแต่กระทรวงศึกษาห้ามลงโทษนักเรียนโดยการตี จำได้ว่าช่วงนั้นครูดี ๆ ท้อถอยไปเยอะ บ่นกันว่า ถ้าไม่ตัดไฟแต่ต้นลม วันข้างหน้าจะยิ่งหนักข้อ ซึ่งก็เป็นตามนั้น
คนฉลาด มากๆ ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆ คำตอบคือ อีโก้ไง ยิ่งฉลาดมากๆ ยิ่งอีโก้สูง ฉลาดเฉพาะทางก็ควรใช้งานเฉพาะทาง หากประยุกต์เข้ากับคนอื่นเมื่อไหร่ บรรลัยเมื่อนั้น
ที่ไม่ดีไม่ใช่การท่องจำ แต่เป็นการ "บังคับให้ท่องจำ" ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ ถ้าท่านมีลูก ลองเขียนหน้าที่ลูกดี ๆ 10 อย่าง แล้วบังคับให้ลูกท่องทุกเช้าก็ได้ เขาโตมา ก็จะเห็นกันว่ามันได้ผลตามนั้นหรือตรงข้าม
เท่าที่ผมดูความเห็นของเพื่อนๆ สมาชิกบางคน ให้ความเห็นทำนองที่ว่า "ค่านิยมมันดี แต่วิธีการนำเสนอมันไม่เหมาะกับโลกปัจจุบัน" เด็กที่มีแนวคิด ร่านๆ จะรู้ตัวมั้ยนะว่า ถูกล้างสมองมาอีกชั้นหนึ่งโดยที่ยังไม่รู้ตัว
ไม่รู้สิขอรับจะเรียกบังคับหรือไม่... ถ้าไม่บังคับ ให้จำแต่สิ่งที่อยากจำ อันไหนไม่อยากจำก็ไม่ต้องสนใจ... แล้วคนเป็นครูบาอาจารย์ หรือพ่อ แม่ ผู้ปกครองจะวัดผลกันด้วยอะไร? จะสอนเด็กสมัยนี้ต้องเอาความชอบของเด็กเป็นบรรทัดฐาน? งั้นเด็กสมัยนี้ที่เรียกติ่งเกาหลี ท่องแต่ประวัติผัว (ในฝัน) ท่องแต่เนื้อเพลงที่บางคนยังไม่รู้เลยแปลว่าอะไร... นั่นหรือคือสิทธิของเค้า? ... ชาติเจริญ ไม่ได้เริ่มจาก ปชต. กระพ๊มอาจแก่เกินไปที่ร่ำเรียน, เรียนรู้มาว่า "วินัย" นั่นแหละสร้างคน... คนสร้างชาติ... ถ้าความอยากมันสร้างชาติได้... บ้านเมืองมันคงไม่ชิหายวายป่วงขนาดนี้มั้งขอรับ...
คือผมไม่แน่ใจที่บอกว่า "บังคับให้ท่องจำ" นี่ ต้องบังคับให้ท่องทุกวัน ทุกอาทิตย์ หรือทุกเดือน??? สำหรับผมการ"บังคับ" มันต้องมีบทลงโทษหากไม่ทำตาม ในกรณีนี้ผมว่าคงจะเป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้น สมัยเด็กๆผมอยู่โรงเรียนก็ท่อง เช้ามา ยืนตรง ร้องเพลงเคารพธงชาติ สวดมนต์ เข้าเรียนทุกศุกร์ก็ท่อง "ศีล ๕" มันไม่ใช่การ"บังคับ" แต่มันเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนต้องทำ เมื่ออยู่ในวัยเรียน
บังคับไม่จำเป็นต้องลงโทษด้วยการตีอย่างเดียวครับ บางโรงเรียนมาเข้าแถวช้า ตัดคะแนนความประพฤติก็มี ลงโทษทางสังคมก็มี เช่นครูพูดประจาน ท่องจำมีวิธีอื่นเยอะแยะครับที่ไม่ต้องบังคับทางตรงหรือทางอ้อม เช่น แต่งเป็นเพลงก็นับว่าสร้างสรรค์ขึ้นหน่อยนึง หรือหนังบางเรื่อง การ์ตูนบางเรื่อง นิทานบางเรื่อง เล่าครั้งเดียว ดูครั้งเดียว จำวลีเด็ด คติสอนใจไปตลอดชีวิตได้เลย แต่ผู้ใหญ่ต้องคิดเยอะหน่อย ว่าวิธีแบบไหน จูงใจแบบไหนจะเหมาะสม
ทุกวันนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วมาก พื้นฐานของสังคมในครอบครัวและภายนอกก็เปลี่ยนไปจนยากที่จะหยุดยั้ง เด็กทุกวันนี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เรียนรู้จากพ่อแม่ แต่พวกเขาเรียนรู้จากโซเซียลฯ เป็นสังคม ก้มหน้า กลับมาบ้านต่างคนต่างก้มหน้า ไปทานข้าวกับครอบครัวข้างนอกก็เหมือนกัน ไม่มีใครใส่ใจกับสิ่งรอบข้าง ทุกหนทุกแห่งมีแต่ก้มหน้า
คำถามง่ายๆสำหรับน้องๆเขา... ไอ้ที่ว่าเด็กคิดเองได้ คิดเองเป็นนี่มันคิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของเด็กไทยทั้งประเทศ? น้องเอาอะไรมารับประกันว่าทุกคนจะคิดได้เหมือนน้องๆครับ?
ผมยังให้ราคาและมองในแง่ดีอยู่ว่ามีอยู่จริง เด็กที่สำนึกได้เองแต่มันกี่เปอร์เซ็นต์ล่ะ? ข้อนี้น้องเขาไม่รู้หรอกอาจจะไม่เคยออกมาอยู่ต่างจังหวัดหรอกมั้งเนี่ย!!
ผมโชคดีนะที่ลูกผมรู้จักคิด เพราะผมพยายามสอนให้เค้ารู้จักคิด ผมสอนเค้าถึงหน้าที่ของพ่อ ของแม่ และหน้าที่ความรับผิดชอบของลูกในช่วงวัยเรียน ลูกผมอาจจะไม่ใช่คนเก่ง ไม่ใช่คนดี เค้าไม่ใช่อัจฉริยะ แต่ผมรู้ว่าเค้าเอาตัวรอดอยู่ในสังคมได้ และไม่ทำให้สังคมเดือดร้อน ผมบอกเค้าว่าผมคือเพื่อน ไม่ใช่พ่อ ไม่ใช่ผู้ปกครอง ดังนั้นเค้ามีปัญหาอะไรคุยกับผมได้ตลอด ผมไม่เคยลงโทษลูกด้วยการตี และผมบอกเค้าว่าที่พ่อไม่ตีเพราะลูกเป็นคนดี คนดีคือคนที่ไม่พูดโกหก ไม่อยากได้ของคนอื่นฟรีๆ ไม่ร้องขอออนวอนให้ใครมาช่วย ตราบเท่าที่เรายังไม่ลงมือ สุดท้าย ผมเชื่อว่าลูกผมจะไม่เก่งเกินตัว ไม่คิดอะไรนอกกรอบ"ไร้สาระ" รู้จัก"กตัญญู" ผู้มีพระคุณ สุภาษิตเวียตนาม ไข่เป็ดจะฉลาดกว่าเป็ดได้ยังไง
ที่เราๆรุ่นพ่อ รุ่นแม่พูดๆกันนี่... ก็เพราะเราเป็นเด็กมาก่อนทั้งนั้นแหละขอรับ... บางครั้งการยัดเยียดความคิดด้วยที่ว่าเคยโดนมาก่อน... กับทำให้เด็กเชื่อว่าสิ่งที่เราผ่านมาแล้ว โดนมาแล้ว รู้แล้วว่ามันเป็นเหว... มุมมองมันต่างกันนิดเดียวจิงจิ๊ง... แต่อย่างน้อยในสมัยยังเป็นเด็ก ก็ยังมีสัมมาคารวะมากกว่าเด็กเดี๋ยวนี้ล่ะมั้งขอรับ... มันถึงเอาตัวรอดกันได้ในสังคมปัจจุบัน... -*- แต่เห็นแล้วขัดหูขัดตา คันขาหน้า, กีบหลังตะหงิดๆ...
ต้องโทษผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองช่วงที่ผ่านมา เอาอนาคตเยาวชนชนของชาติมาปู้ยี่ปู้ยำ จนได้ผลผลิตที่เห็นแก่ทรัพย์สินเงินทอง ระบบการศึกษาสมัยใหม่เหมือนแดนลับแล พ่อแม่จะสอนยังปากค้างสอนลูกไม่ได้ ไม่ใช่ว่าสอนลูกไม่ได้ แต่ความคับแคบของผู้ ออกแบบเนื้อหาการเรียนการสอนเน้นที่วิธีการที่จะได้คำตอบ ทำให้เด็กเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสูตรสำเร็จในการดำเนินชีวิต การสร้างวิชาที่ไม่สามารถตอบโจทย์ให้กับการสร้างความมั่นคงของชาติ ซึ่งพื้นฐานคือครอบครัว มันคือหายนะในวันข้างหน้า หากครอบครัวไม่สามารถเป็นที่พึ่งของเด็กได้ ประเทศจะอยู่กันแบบไหน น่าเป็นห่วงจริง ๆ
เด็กพวกนี้ แถวบ้านผมเขาเรียกว่า เรื่องโง่ๆ พวกนี้ฉลาดกันนักที่จะทำ ไม่ต้องไปทำอะไรพวกนี้ ให้มันรู้ไป ว่าพวกมันอยู่ได้ในสังคมที่พวกมันคิดว่า ป่าเถื่อน ล้าหลัง ถ้าลูกหลานเรียนชั้นเดียว กับเด็กพวกนี้ แน่นอน ผมคงต้องสั่งให้เลิกคบหา กัับพวกนี้ หนักที่สุด ผมก็ย้ายลูกหลานผมไปเรียน ที่อื่นๆ ที่มีการปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องดีงาม ได้แต่เป็นห่วงเด็กพวกนี้ ในอนาคตคงเป็นได้ แค่สวะสังคมอย่าง อั้ม เนโกะ แน่นอน