ผมสังเกตุว่า ชาวนาไทย หากมีรัฐกำหนดหรือบังคับให้ทำ ผลงานจะออกมาค่อนข้างหน้าพอใจ แต่ถ้ารัฐแค่ส่งเสริม แล้วปล่อยอิสระ เละทุกที แพ้นายทุนตลอด แล้วก็เข้าวงจรอุบาทว์เรื่อยไป โครงการพระราชดำริ มักมีผลงานที่น่าพอใจ เพราะเครดิตของจ้าว ทำให้เกษตรกรมีความมุ่งมั่นเพิ่มขึ้น และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลใกล้ชิด แต่โครงการพระราชดำริ ขยายมากก็ไม่ได้ เพราะจ้าวเองก็มีข้อจำกัดมากมาย หากรัฐบาลไม่คิดจะทำ มันก็ได้แค่นั้น ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ ก็รัฐแค่ส่งเสริม แล้วปล่อยชาวบ้านไปตามยถากรรม อิสระตามความเชื่อของลัทธิทุนนิยม มันง่ายดี เสรีประชาธิปไตยฝุดๆ เลยนี่นะ
ชาวนาที่ประสพความสำเร็จในอาชีพก็มีครับ ส่วนใหญ่พึ่งตนเอง ปลูกเอง ขายเอง หรือเป็น contract farming แต่ส่วนใหญ่ทำตามแบบเดิมๆ ขายแบบเดิมๆ หนักกว่านั้นอีก ก็คือรอความช่วยเหลือตลอด ทำกินอย่างอื่นไม่เป็น พวกนี้เป็นภาระของชาติครับ แต่ชอบอ้างว่ามีบุญคุณที่ปลูกข้าวให้คนอื่นกิน มันลืมไปรึเปล่าว่าข้าวเราต้องซื้อทุกเมล็ด ไม่เคยมีหมาตัวไหนมาแจกฟรี ถ้าลำบากนักก็ไปหาอาชีพสุจริตทำเหอะ
เกษตรกรที่รวยก็มีนะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นมีทุนที่ดินอยู่แล้วมีหัวการจัดการที่ดี ใช้วิธีทำการเกษตรแบบผู้บริหาร ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกคนพวกนี้ว่าเกษตรกรดีหรือเปล่า เพราะไม่ได้ไปออกแดดปลูกพืชหรือเก็บเกี่ยวเอง คนพวกนี้ดูเหมือนพวกผู้บริหารจัดการฟาร์มมากกว่า
คนที่รู้ปัญหาชาวนาหรือเกษตรกรดีที่สุด คือตัวเกษตรกรเอง อย่าโกหกตัวเอง ลองคิดดูว่าปัญหา เป็นหนี้สินมาจากอะไรเป็นตัวที่สำคัญที่สุด ถ้าไม่ใช่ ขี้เกียจ เล่นการพนัน ใช้จ่ายเกินตัว ถ้าเป็นแบบนี้ เทวดาก็ช่วยไม่ได้ จนดักดานต่อไปเหอะ แต่ถ้าปัญหาอื่นๆ รัฐบาลที่เก่งๆ สามารถช่วยได้ทั้งนั้น เพราะมีตัวอย่างการแก้ปัญหาอยู่ทั่วประเทศ รัฐบาลเพียงแค่รู้จักนำมาปรับปรุง ให้เหมาะกับปัญหา แค่นั้นเอง แต่ถ้าเลือกรัฐบาลโง่ๆ ก็แก้ไม่ได้เหมือนกัน แต่เกษตรกรต้องช่วยตัวเองด้วย ไม่ใช่รอแบมือรับอย่างเดียว
จากที่สัมผัส ตจว มา ผมว่า ถ้าไม่ลงขวด เล่นการพนัน บ้าพวกขายตรง จนโดนหลอก ต่อให้เช่าที่ทำ ก็มีเงินเก็บครับ
พอดีเมื่อไม่นานมานี้ ผมเจอพวกขายตรงที่ตระเวนขายตามบ้าน 2 กลุ่ม(ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่อยๆ แต่ผมไม่สนใจ) กลุ่มแรกเข้ามาขาย พอดีช่วงนี้ผมขายของได้น้อยมาก เลยมีเวลาว่างเยอะ เลยคุยเล่นกะเขา แต่ก็บอกเขาก่อนนะครับว่า ช่วงนี้ผมบ่จี๊ คงไม่ซื้อหรอก ไว้เศรษฐกิจดีค่อยอุดหนุน น้องคนนั้นก็เข้าใจ และบอกผมว่าทำไมไม่ลองทำขายตรงแบบเขา เขารับประกันว่าโอกาสขาดทุนน้อยมาก เขาบอกว่างวดแรกให้เอาค่ามัดจำไว้ก่อน ที่เหลือจะผ่อน 3 เดือน 5 เดือนก็ได้ เคล็ดลับคือค่ามัดจำ ก็คือราคาสินค้าที่เรารับมา บวกเพิ่มนิดหน่อย พอเป็นค่าน้ำมัน เช่นหม้อนึ่งความดันใช้ไฟฟ้า ที่เขาจะชวนผมซื้อนั้น เขาขอค่ามัดจำ1500 บาทต้นทุนคือ1200บาท ผ่อนต่ออีกเดือนละ500บาท รวม6เดือน สรุปผ่อนอีก3000บาท นั่นคือกำไรล้วนๆ ถ้าโดนเบี้ยวก็ถือว่าได้ต้นทุนมาแล้ว ไม่เป็นไรไม่ขาดทุน ผมฟังแล้วอึ้งเลย...โอเขาเอากำไรกันขนาดนี้เลยเหรอ ต่อมาอีกประมาณ 5-6 วัน มีอีกกลุ่ม มาขายอีกแล้ว คราวนี้เป็นเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงแบบพกพา ใช้ไฟฟ้าเหมือนกัน บอกราคา 6500 บาท ขอมัดจำงวดแรก 1500บาท แล้วผ่อนเดือนละ1000บาทอีก 5 เดือน ผมเลยคิดในใจว่า ราคาที่ซื้อมาคงไม่เกิน 1500 บาท เอากำไรเราตั้ง 5000 บาท โหดจริงๆ สรุปผมก็ไม่ซื้อเหมือนกัน ใช้เหตุผลเดียวกันคือ ช่วงนี้บ่จี๊