16 ต.ค. 58 นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนกรณีที่มีกล่าวหา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กับพวก จัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดจีที 200 โดยมิชอบ กล่าวถึงคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า การไต่สวนคดีนี้ข้างลำบาก เนื่องจากเป็นเรื่องลึกลับ แน่นอนว่าประสิทธิภาพของจีที 200 ไม่ได้คุณภาพ แต่การจะวินิจฉัยว่าเจ้าหน้าที่ทุจริตหรือไม่ยังต้องการอะไรมากกว่าเรื่องของประสิทธิภาพ เพราะเรื่องการตัดสินใจและเจตนาการจัดซื้อของเจ้าหน้าที่พิสูจน์ลำบาก ส่วนการแสวงหาพยานหลักฐานก็มีข้อขัดข้องทางเทคนิค โดยเฉพาะการขอความร่วมมือไปยังบริษัทที่จำหน่ายในประเทศอังกฤษก็ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม ตนจะพยายามอย่างเต็มที่ คาดว่าต้นเดือนหน้าจะสามารถวินิจฉัยได้ว่าจะแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกร้องได้หรือไม่ ขอขอบคุณ ข้อมูลจากสื่อดีมีคุณธรรม http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1444995073 อย่างฮากับความเห็นโ่ง่ๅเรื่องGT200ของอภิสิทธิ์
มันเอาที่ไหนมาอธิบายนักหนาว่ะน่ะ เฮ้อ...เพลีย ว่าจะไม่ตำหนิอภิสิทธิ์นะเนี่ย คราวนี้ไม่ไหวจะเคลียร์จริง ๆ ได้ผลขนาดนี้น่าจะทำการ์ดหาผัว ออกมาด้วย รับรองแถวบ้านผมเข้าคิวซื้อ การคำนวณเพื่อทำแผงพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าน่าจะง่ายกว่า
เออ มาอีกแล้วนะครับ คือจะบอกว่า ไอ้เครื่องเนี่ย สมัย สมัคร กับ สมชาย ก็สั่งนะครับ แต่มติชินไม่พูดถึงเลย แล้วการเลือกใช้"เนื่องจากเป็นเรื่องลึกลับ" มาเนี่ยผมว่าค่อนข้างประหลาดนะครับ
ครับ เป็นเรื่องไม่น่าให้อภัยเหมือนเรื่องนี้เลย แต่ทว่าขาดทุน-ย่อยยับ! 6.8 แสนล. ปิดบัญชีจำนำข้าว ประสบความสำเร็จแม้แต่ผู้ดูแลโครงการยังไม่รู้ แล้วคนฉลาดอย่างเจ้าพระยาด่าคนอื่นโง่ ก็แปลว่าตั๊นไม่ผิดใช่ไหมครับ
สื่อดีมีคุณธรรม ประชดปะเนี่ย 5555 ดักคอก่อน ผมไม่ดูสื่อสลิ่มกับสื่อเหลือง ที่เมื่อก่อนเรียก เอ่เอ๊ทีวี
ลงชื่อว่าคนกลางที่แท้จริงอย่างผมเข้ามาสมเพชพฤติกรรมของป๊อบ/ป็อบ(คนกลางแอบอ้าง)จริงๆครับ ในเรื่องนี้ผมให้เจ้าพะยาดูดีกว่าเยอะเพราะอย่างน้อยเค้าก็ไม่ใช่อีแอบ เห้อ คนกลางแท้ๆเพลีย
จีที 200 ใครได้ …แต่ กองทัพเสีย(หาย) โดย ไทยรัฐออนไลน์ 25 เม.ย. 2556 14:45 เป็นที่ฮือฮาอีกครั้งเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้สั่งการไปยังหน่วยทหารในสังกัดกองทัพบก โดยเฉพาะทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ยัง กองทัพภาคที่ 4 กรมสรรพาวุธทหารบก หน่วยอีโอดี หน่วยเฉพาะกิจในพื้นที่ภาคใต้ ให้ยุติการใช้ เครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ จีที 200 ซึ่งการประกาศเสียงดังนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากเมื่อประมาณปลายปี 2554 โดยมั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อผลการพิสูจน์ทราบเป็นที่แน่ชัด ด้วยเครื่องมือวิทยาศาสตร์ว่า จีที 200 ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการจะค้นหา หรือตรวจสอบวัตถุระเบิดได้ จนเมื่อเย็นวันที่ 24 เม.ย.ได้สั่งการอย่างเร่งด่วนให้ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ทบ. ออกมาชี้แจงผ่านสื่อมวลชน ถึงหน่วยกองทัพบก โดยเฉพาะพื้นที่กองทัพภาคที่ 4 ยุติการใช้งานเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด หรือ จีที 200 หลังพบว่าสิ่งที่พิสูจน์ตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ ระบุตรงกันว่าเครื่องดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้ นอกจากนี้ นายเจมส์ แม็คคอร์มิค เจ้าของขายเครื่องตรวจสอบวัตถุระบิด จีที 200 ถูกศาลอาญากลาง ณ กรุงลอนดอน ตัดสินว่ามาตรฐานของเครื่องดังกล่าวไม่สามารถใช้การได้จริง โดยที่มีการพิสูจน์ออกมาว่าไม่มีประสิทธิภาพ จึงถูกข้อกล่าวหาจากรัฐบาลว่า เป็นผู้ที่ฉ้อโกง หลอกขายเครื่องมือดังกล่าวให้กับกองทัพ และหน่วยงานตำรวจหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งกองทัพไทย และอีกหลายหน่วยงาน ซึ่งจากการตรวจสอบของไทยรัฐออนไลน์ พบว่า การจัดซื้อเครื่องตรวจสอบวัตถุระเบิด จีที 200 เกิดขึ้นในสมัยที่กองทัพอากาศได้ให้บริษัทตัวแทนเข้าทำการทดสอบเป็นหน่วยงานแรก โดยได้นำไปพิสูจน์ทดลอง ซึ่งจากการเปิดเผยของ น.อ.สมภพ ปีตะเสน อดีตหัวหน้ากองทำลายวัตถุระเบิด กรมสรรพาวุธทหารอากาศ ระบุว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว กองทัพอากาศรับการทดสอบเก็บวัตถุระเบิดเบื้องต้น จากระยะไกล จากบริษัทเมื่อปี 2546 ซึ่งกองทัพอากาศไม่ได้ผลีผลาม ใช้เวลาในการตรวจสอบเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง และมั่นใจในเบื้องต้นว่า จีที 200 สามารถทำงานได้จริง จากนั้นเมื่อปี 2548 กองทัพอากาศได้จัดการซื้อเบื้องต้นมาใช้งานที่สนามบินกองทัพอากาศ เนื่องจากมีพื้นที่กว้างใหญ่มากเป็นเรื่องยากที่จะรักษาความปลอดภัยได้ทั่วถึง และมีหลายกรณีที่เครื่อง จีที 200 นำไปใช้ได้ผล ต่อมากองทัพอากาศได้ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบวัตถุระเบิดไปใช้งาน ซึ่งในเวลานั้นไม่มีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดในระยะไกล ทำให้กองทัพอากาศได้รับการร้องขอเป็นจำนวนมาก และมีการจัดซื้อในที่สุด กระทั่งปลายปี 2548 กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) โดยสมัย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ.ได้ทดลองใช้ เครื่องตรวจจีที 200 ซึ่งปรากฏว่าพบอาวุธในมัสยิดที่ อ.รามัน จ.ยะลา ทำให้เห็นว่าเครื่องนี้สามารถใช้การได้ จึงเสนอขอเครื่องมือดังกล่าวในปี 2550 จากบริษัทเอวีเซคคอม จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าสามารถป้องกันอันตรายจากการใช้ระเบิดของผู้ก่อการร้าย เพื่อรักษาชีวิตทั้งของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ได้ กองทัพบกจึงจัดหาให้ตามขั้นตอน โดยจัดซื้อขั้นต้น 26 เครื่อง ให้เฉพาะ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นำไปใช้ในพื้นที่ ซึ่งเกิดผลงานหลายครั้ง ทางหน่วยย่อยหน่วยเฉพาะกิจต่างๆ จึงเสนอขอเครื่องมือนี้ในหน่วยปฏิบัติบ้าง กองทัพบกจึงจ่ายให้ กองร้อยละ 2 เครื่อง ซึ่งได้ผลเช่นกัน กระทั่งปี 2550 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. ได้จัดหาให้กองทัพภาคที่ 3 สองเครื่อง เพื่อนำไปใช้ในพื้นที่ภาคเหนือ เพื่อตรวจหาสารเสพติด ซึ่งจากการค้นหาข้อมูลจึงพบว่า เครื่องจีที 200 มีการจัดซื้อในสมัยของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็น ผบ.ทบ. เป็นจำนวนมากที่สุด โดยแยกเป็นในสมัยรัฐบาลดังนี้ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 59 เครื่อง สมัยของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 107 เครื่อง สมัยของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี จำนวน 44 เครื่อง และสมัยของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จำนวน 547 เครื่อง การจัดซื้อในช่วงนั้นเพิ่งผ่านพ้นการปฏิวัติมาทำให้การจัดซื้อ ได้เสนอความต้องการเป็นการจัดซื้อด้วยวิธีพิเศษ ทั้งสิ้น และมีการจัดหาอย่างต่อเนื่องตามรัฐบาล โดยมีการพิจารณาจากผลงาน เพื่อใช้ให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดยใช้งบประมาณจาก 3 ส่วน คือ 1.เงินบริจาค 2.เงินสนับสนุนจาก กอ.รมน. และ 3.งบประมาณปีของกองทัพบก ให้ทางกรมสรรพาวุธเป็นผู้จัดซื้อจากผู้ผลิต การจัดซื้อทั้งหมดแบ่งเป็น 12 ครั้ง จำนวน 757 เครื่อง แบ่งใช้ในพื้นที่ภาคใต้ 524 เครื่อง กองกำลังตามแนวชายแดน 180 เครื่อง และตามหน่วยต่างๆ อีก 20 เครื่อง ส่วนเจ้าหน้าที่อีโอดี มีใช้ประมาณ 23 เครื่อง และเก็บไว้ที่คลังสรรพาวุธอีก 10 เครื่อง โดยครั้งแรกจัดซื้อ 2 เครื่อง ราคาเครื่องละ 9.5 แสนบาท และครั้งที่สองซื้ออีก 24 เครื่อง ราคาเครื่องละ 9.5 แสนบาท พร้อมการ์ดจำนวน 10 ใบ หลังจากนั้นจัดซื้ออีกลอตใหญ่จำนวน 731 เครื่อง ราคาเครื่องละ 9 แสนบาท พร้อมการ์ด 18 ใบ โดยขณะนั้นบริษัทเอวีเอฯ ได้ชี้แจงว่า ราคาแต่ละเครื่องมีความแตกต่างกัน เนื่องจากการ์ดที่ใส่ไปในตัวเครื่องจีที 200 ไม่เท่ากัน เพราะการ์ดที่บรรจุในเครื่องจีที 200 จะมีอยู่ทั้งหมด 18 การ์ด โดยจะมีการ์ดที่สามารถตรวจหาวัตถุต้องสงสัยต่างๆ ได้ทั้งวัตถุระเบิด, ยาเสพติด ดังนั้นจะเห็นว่าการจัดซื้อ จีที 200 จะอยู่ในช่วงรอยต่อของของรัฐบาลที่มาบริหารต่อจาก คณะมนตรีเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) จึงอยู่ในช่วงของกลิ่นไออุ่น และอุณหภูมิอันร้อนฉ่าของกองทัพ ที่นั่งบัลลังก์อยู่โดย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่ดำรงตำแหน่งเป็น ผบ.ทบ. ทำให้การจัดซื้อ จึงเป็นไปด้วยวิธีพิเศษ ที่รัฐบาลขณะนั้นต้องเออออไม่สามารถปฏิเสธ พลังของกองทัพในช่วงของการปฏิวัติเพิ่งจบลงได้ ผลลัพธ์ที่ได้จึงปรากฏผลในเวลานี้ ที่ใครจะเป็นผู้ได้ แต่ที่แน่ๆ กองทัพจะเป็นผู้ที่เสียหาย.
GT200 ไม่สนใจเท่าไร เพราะเป็นเรื่องทางยุทธศาสตร์การทหาร เรา สนใจ เรื่อง G to G 500,000 ล้านที่ ฉิบหาย และมีผลกระทบกับภาษีของคนทั้งประเทศ กันตอนนี้มากกว่า
ไอ้เรื้อน ไอ้นี่ก็ยิ่งกว่าโง่อีกสิว่ะ มันบอกว่าใช้ได้จริง ทั้งๆ ที่คุณอภิสิทธิ์ เขาเลิกเชื่อแล้ว หลังจากทดสอบประสิทธิ์ภาพแล้ว
เรื่องนี้บอกได้เลยว่าโดนหลอกกันทั้งประเทศ ทหาร ตำรวจ มหาดไทย โดนหมด พวกโจรมันยังโดนหลอกเลย กลัวไอ้เครื่องนี้ หัวหดกันหมด เวลาจะเอาปืนผ่านด่าน มันต้องเอาไปห่อฟลอย อย่างก่ะปลาช่อนอบเกลือ ในแง่ของวิธีการ เป็นวิธีที่ดีนะครับ แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม และก็เสียค่าโง่แพงมากไปหน่อย จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้เป็นจุดด่าง เรีื่องหนึ่งของการจัดหายุทธโปกรณ์ของกองทัพ มันปฎิเสธไม่ได้หรอกว่า เป็นเรื่องกองทัพที่ทำพลาด ถ้าทำพลาดก็จริงก็ต้องยอมรับ พลาดคือพลาด ถ้ามีเงิน 1 แสนทำหายไป 1 พันบาท ก็ถือว่าผิด ฉะนั้นถ้ามีเงิน 4 ล้าน ทำหายไป 6 แสน ก็ต้องถืิอว่าทำผิดเหมือนกันนะครับ
จีที200เนี่ย ระงับการซื้อโดยอภิสิทธิ์ไม่ใช่เหรอ จารย์เจษนั่นล่ะตัวดี จ้ำจี้จ้ำไชจนมีการตรวจสอบ พอทดสอบแล้วได้ผลว่าของใช้ไม่ได้ อภิสิทธิ์เลยระงับการสั่งซื้อ ทำไมถึงลืมกัน
ยอมรับเลยว่าโง่. กันเกือบทั้งประเทศ แต่เงินหลวงตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้. เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ ถ้าปปช.ปล่อยผ่านก็ไม่ควรทำงานในตำแหน่งนี้
อย่างฮา กับคำพูดโง่ๆเรื่องGT 200ของสุกำพล อุ้ย มติชนนะเหรอสื่อดี ก๊ากกกก คราวก่อนเอาข่าวเต้ามาลงกลับลำแทบไม่ทัน สื่อคุณตะพาบจริงๆครับพี่น้อง นายเวรรับประกัน ถ้าไม่จริง เผาไปเลยพี่น้อง เวรรับผิดชอบเอง ก๊ากกกกกกกกกก
ก๊ากกกก จะมีสักครั้งมั้ยที่นายเวรไม่โดนสวน อ่อนหัดหว่ะ ไอ้น้อง http://www.komchadluek.net/detail/20100217/48848/อภิสิทธิ์พร้อมสอบจัดซื้อจีที200ของทุกหน่วย.html อภิสิทธิ์พร้อมสอบจัดซื้อจีที200ของทุกหน่วย "นายกฯพร้อมสอบสวนการจัดซื้อGT200 ของทุกหน่วย วอนจนท.รัฐยุติการใช้เครื่องมือเพราะพิสูจน์เเล้วว่าไม่ได้ผล พร้อมสอบถามอังกฤษว่าจะรับผิดชอบอย่างไร ส่วนการละเมิดสิทธิปชช.ในสามจังหวัดภาคใต้ที่อ้างว่าโดนละเมิดสิทธินั้น ร้องเรียนได้ตามช่องทางที่รัฐเปิดทางไว้ให้" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 17 ก.พ. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ออกเดินทางจากบ้านพักซอยสุขุมวิท 31 มุ่งหน้าเข้าทำเนียบรัฐบาล จากนั้นเวลา 09.00 น.นายกฯเดินทางเข้าร่วมประชุมสภา โดยนายกฯกล่าวสั้นๆกับสื่อมวลชนว่า “ ไว้ช่วงบ่ายค่อยให้สัมภาษณ์ ” และนายกฯเข้าประชุมสภาเเละนั่งทำงานอยู่ในห้องรับรองนายกฯ ชั้น 2 อาคารรัฐสภา 1 ตลอดทั้งวัน โดยวันนี้นายกฯเปลี่ยนกลับมาใช้รถยนต์ประจำตำแหน่งคันเดิมคือ เมอร์เซเดส เบนซ์เอส 600 สีดำ กันกระสุน ทะเบียน ษห 3834 กทม.ที่มีมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยระดับ 7 ที่เป็นระดับสูงสุด หลังจากที่นายกฯเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ Range Rover สีดำกันกระสุน ทะเบียน ฌอ 5999 กทม. ที่มีระดับความปลอดภัยระดับที่ 4 เป็นเวลา 1 วันเพราะมีการนำรถยนต์เมอร์เซเดสเบนซ์คันดังกล่าวไปใช้รับรองนายกฯเคนยาที่เดินทางมาเยี่ยมคารวะนายกฯในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา จากนั้นเมื่อเวลา 17.00 น.นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์กรณีที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทดสอบเครื่อง GT-200 แล้วปรากฏว่าใช้ไม่ได้ผลและนายกฯสั่งให้ยกเลิกการใช้เครื่องมือนี้ว่า อยากย้ำอีกครั้งว่าที่ผ่านมาการใช้เครื่องมือนี้ไม่ได้ใช้การโดยลำพังเช่นการตรวจค้นต่างๆเพราะเป็นตัวที่ใช้เบื้องต้นเท่านั้น ฉะนั้นหากคนที่สมมติว่าถูกไปค้นไม่มีตัวสารหรือวัตถุระเบิดหรือของต้องห้ามใดๆก็ไม่มีการดำเนินการใดๆ และใครที่เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถร้องเรียนมาได้เพราะในตอนนี้ได้วางระบบการร้องเรียนเกี่ยวกับการใช้อำนาจต่างๆในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่แล้วและขอให้ร้องเรียนมาเพราะมีคณะกรรมการอยู่ ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ภาคใต้ไม่ได้ใช้เครื่องมือนี้แล้วและเลือกใช้ตะเกียบในการตรวจค้นวัตถุต่าง ๆ แทน และมีความเสี่ยงสูง นายกฯกล่าวว่า อย่างที่เรียนไปแล้วว่าทุกกรณีหากมีปัญหาในการเข้าไปใช้อำนาจหรือกระทำการใด ๆ ที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมก็มีศูนย์ร้องเรียนอยู่และรัฐบาลนี้ได้เริ่มต้นขึ้นมาใหม่โดยมีระบบซึ่งมีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯดูแลและมีการกำกับลงมาโดยจะช่วยดูแลให้เกิด ความเป็นธรรม หากเห็นว่ามีความจำเป็นและเสียหายก็จะช่วยเหลือเยียวยาได้ ส่วนแนวปฏิบัติของเจ้าหน้าที่นั้นก็มีการซักซ้อมตลอดเวลา ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้ไม่ใช่การละเมิดสิทธิประชาชนแต่เป็นกรณีที่เจ้าหน้าที่นำเครื่องมือ GT200 มาใช้ นายกฯกล่าวว่าเมื่อสักครู่ถามตนในอีกเรื่องหนึ่ง แต่มันก็มีอีกกลุ่มหนึ่งที่ร้องเรียนในอีกกรณีหนึ่งว่ามีการนำเครื่องมือ GT200 ไปละเมิดสิทธิ ตนก็ขอพูดในเรื่องเดียวกัน ส่วนการแก้ปัญหาเพื่อนำเครื่องมือใหม่มาใช้แทนเครื่องมือ GT200 เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เสี่ยงภัยนั้น ขอเรียนว่าตนเข้าใจ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ตนได้เชิญพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.มาพบในช่วงการประชุมครม.และบอกไปว่าให้เร่งจัดทำแผนรองรับและจัดทำแนวปฏิบัติหลังจากที่ไม่ใช้เครื่องมือ GT200 แล้ว ฉะนั้นตอนนี้อยู่ระหว่างการลงไปดูและจัดทำแผน รวมทั้งดำเนินการทำความเข้าใจ เมื่อถามว่านางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ เสนอว่ารัฐบาลหรือนายกฯควรขอโทษหรือแสดงความเสียใจกับประชาชนในการใช้เครื่องมือนี้ละเมิดสิทธิประชาชนในการตรวจสอบ นายกฯกล่าวว่าขอย้ำตามที่ตนชี้แจงไปแล้ว 1. ตนได้รับการยืนยันจากหน่วยปฏิบัติว่าการปฏิบัติกับประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ไปบอกว่าการใช้เครื่องมือนี้และไปดำเนินคดีต่าง ๆ นั้น ไม่มีกรณีแบบนั้นเพราะไม่ได้ใช้เครื่องมือ GT200 แล้วเป็นข้อยุติ เพราะมันเป็นอุปกรณ์เบื้องต้น 2. เราจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติแสดงความเชื่อมั่นและไม่ทราบจริงว่าเครื่องมือนี้มีปัญหาและเหตุที่มีปัญหานั้นเพิ่งมาแพร่หลายในช่วงปลายเดือนธ.ค. 2552- ต้นเดือนม.ค. 2553 ที่ต่างประเทศเผยแพร่เรื่องนี้ขึ้นมา แต่รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะสิ่งที่รัฐบาลกระทำทันทีคือขอให้ทดสอบและทดลองเพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับได้ และตนถือว่าเราได้แสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจนแล้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนปัญหาอื่น ๆ ที่ต้องติดตามต่อไปนั้นต้องดูจากผลการรายงานการใช้เครื่องมือนี้ทั้งหมดและเราคิดว่าใครที่โดนละเมิดสิทธินั้น ตามที่ตนบอกไว้ในข้างต้นเพราะมีช่องทางอยู่และจะให้ความเป็นธรรมรวมทั้งให้การเยียวยา