โดยเฉพาะที่ วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร... เผื่อไม่ทันได้อ่านป้าย อ่านประกาศ...จะรับเอาคำสาปแช่งไปเต็มๆ... อยากให้ ไปให้ที่อื่น หรือเอาไปเลี้ยงที่บ้าน! และบางที ตามวัดต่างๆ อาจนิยมชมชอบ ขึ้นป้ายสาปแช่ง เอาเยี่ยงอย่างกันตามๆกัน แบบนี้... ***** ***** ***** http://www.posttoday.com/social/hot/494843 ***** ***** ***** เป็นถึงขั้นเทพ ขั้นเจ้าคุณ ยังไงทำอะไร ย่อมใช้เป็นแบบอย่างได้อยู่แล้ว ? หรือเพื่อนๆ ว่าไง?
ความเห็นแบ่งไปตามกรณี 1) จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงต้องคิดให้ดีว่าพร้อมหรือไม่ทั้งทุนทรัพย์ค่าอาหาร และค่ารักษาพยาบาลยามเจ็บป่วย ถ้าไม่พร้อมอย่าริหาเรื่อง รักเอ็นดูอย่างเดียวไม่พอ ของฟรีไม่มีในโลก และอย่าเลี้ยงตามแฟชั่น บางทีลูกอยากเลี้ยงตามคนอื่น วัยรุ่นเห่อเลี้ยงหมากระเป๋า ทำตัวเป็นคุณหนูอุ้มหมาไปโน่นไปนี่ แต่ภายหลังเกิดเบื่อ เป็นภาระของพ่อแม่ผู้แก่ชรา ในที่สุดวันหนึ่งต้องเอาสัตว์เหล่านี้ไปทิ้งให้เป็นภาระสังคม ภาระของวัด 2) เมื่อเกิดสัตว์ถูกทอดทิ้งตามข้างถนน และมีสัตว์จรจัดไร้เจ้าของ บางหน่วยงานเช่นงานดูแลสัตว์ของ กทม จะมีสัตวแพทย์และทีมงานจับสัตว์ที่ไร้ปลอกคอเหล่านี้มาทำหมันเสียเพื่อไม่ให้แพร่พันธุ์ และฉีดวัคซีนสุนัขบ้าในหมาและแมวเพื่อป้องกันการแพร่โรคหากไปกัดประชาชน แต่มีมนุษย์โลกสวยบางเผ่าพันธุ์เอาอาหารไปเลี้ยง ถ่ายรูปเซลฟี่ และมีคนถ่ายรูปชื่นชมสร้างภาพ เช่นทำท่าทางโปรยเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงนกพิราบจรจัด หรือเอาปลาทูไปเลี้ยงแมวจรจัด สัตว์จรจัดเหล่านี้ไม่ได้อยู่ละแวกบ้านพวกคุณ เมื่อนกนับร้อยรวมตัวกัน พวกมันถ่ายมูลรดบ้านคนอื่น และแมวจรจัดไปขับถ่ายที่ซอกหลืบหน้าบ้านคนอื่นจนเหม็นคลุ้งไปทั่ว ต้องเคลียร์พวกมนุษย์ลุง - มนุษย์ป้าโลกสวยเหล่านี้ให้รับรู้ว่า การเมตตานั้นต้องจัดทำให้ถูกเรื่องถูกราว อย่าสร้างปัญหาให้เกิดลุกลามต่อไปอีก หากพวกคุณไม่ไปต่อยอดส่งส่วยอาหารให้สัตว์จรจัดเหล่านี้ หรือมีวิธีการที่ดีกว่านี้ ก็จงอย่าไปสร้างปัญหาให้ชาวบ้านท่านอื่นด้วยความโลกสวยของคุณ กฎการคัดสรรของธรรมชาติจะมีวิธีจัดการกับสัตว์ที่น่าสงสารเหล่านี้ไปเอง 3) เป็นพระนั้นไม่สมควรแข็งกร้าว และก้าวร้าวถึงกับสาปแช่งชาวบ้าน ต้องปล่อยวางให้เป็น ทำตัวให้สมควรกับสมณเพศและสมณศักดิ์จะดีกว่า ปัญหานี้ต่อไปวันข้างหน้าน่าจะเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ความอยากฆ่าสัตว์ที่มารบกวนสมดุลย์เดิมที่สงบสุขของสังคม วันนี้สวนทางกับกฎหมายป้องกันการทารุณสัตว์ ทำให้ผู้คนต้องใช้วิจารณญาณให้ดีในการจะคิดทำอะไรก็ตาม ไม่เช่นนั้นอาจเกิดผลร้ายต่อเราได้หากพลาดพลั้งทำไรลงไปโดยไม่คิดไตร่ตรองให้รอบคอบก่อน http://www.thairath.co.th/infographic/188 เปิดกฎหมาย ทารุณสัตว์
พระเมตตาของพระองค์แผ่ไปถึงหมาแมวด้วย ดังที่ท่านอนิลมานเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อน หมาขี้เรื้อนในวัดเยอะ มีกทม.มาจับ พระองค์เดินในวัดหาหมาไม่เจอ หมาหายไปไหน "พอพระองค์ทราบว่าถูกกทม.จับไป พระองค์กล่าวว่า จับไปได้อย่างไร หมาก็อาศัยวัด พระก็อาศัยวัด พระจะมีสิทธิมากกว่าหมาได้อย่างไร ทรงให้ไปตามเอาหมาคืนมาที่วัด จะต้องเสียตังค์อย่างไร พระองค์ก็บอกว่าให้มาเบิกที่นี่ พระองค์มีเมตตาบอกว่า มันก็อยู่ด้วยกัน ต่างคนต่างอยู่ เขาก็มาพึ่งวัด เพราะวัดมันร่มเย็น"
ตังส์น่ะเอามา อย่างอื่นไม่ต้อง เข้าใจตรงกันน่ะ... ส่วนตัวก็ไม่สนับสนุนให้คนเอาสัตว์ไปปล่อย หรือไปให้อาหารสัตว์ เพราะมีคนให้อาหารก็ยิ่งมีคนมาปล่อย แต่ควรแก้ปัญหากันดีๆห้ามกันดีๆให้สมกับเป็นสถานที่ของผู้ทรงศีล หรือไม่เคยมี?
ประกาศ "สาปแช่ง"... ท่านช่างมีเมตตาอันสูงส่ง เสียนี่กระไร … อ้าวววว...บ๊ะแล้ว... ตอนนั้นพูดอย่าง มาตอนนี้ทำอีกอย่าง... ***** ***** ***** ***** ***** ***** ลูกศิษย์ลูกหาผู้ใกล้ชิด น่าจะทำอะไรบางอย่างแล้วแหล่ะ ?... ตอนนู้น เป็นศิษย์พระพุทธเจ้า แต่ตอนสาปแช่งนี่... ม่ายน่าจะช่ายพระ ?…กลับกลอก ตลบแตลง กลิ้งไปกลิ้งมา ? ...
เป็นพระแต่มีจิตใจพยาบาทสาปแช่งผู้อื่นแบบนี้ไม่สมควรเลย เจ้าคุณพิพิธรูปนี้ก็เชียร์วัดธรรมกายมาแต่ไหนแต่ไรแล้วด้วยน่ะนะ วัดธรรมกายก็ฝ่ายเดียวกะแม้ว ตกลงฝ่ายนี้จะหาดีได้สักคนไหมเนี่ย
ส่วนตัวผมนะ เห็นด้วยกับท่าน เรื่องไม่ควรนำสัตว์ไปปล่อยที่วัด เพราะจะทำให้วัดสกปรก อันนี้ ผมเข้าใจ เพราะพระต้องเดินเท้าเปล่าด้วย แต่ที่ผมคิดว่า มันน่าจะมาจากการ ยึดติดทรัพย์สินไปหน่อย ก็เพราะผม เคยไปวัดสุทัศน์ ตรงบริเวณรอบพระอุโบสถ ทำหินขัด ผมไม่แน่ใจว่าวัดอื่นทำหรือเปล่า เพราะวันนั้นผมไปซื้อยาลูกกลอนให้แม่ ผมถือคริสต์น่ะ ดังนั้นผมไม่ค่อยมีประสบการณ์ ไปวัดมากนัก แต่ส่วนตัวคิดว่าวัดสุทัศน์ ดูหรูหรา แล้วก็พอเข้าใจว่า ถ้าพระต้องเห็นพื้นที่สวยงาม เปื้อนเปรอะ ด้วยมูลสัตว์ ก็คงไม่พอใจ อันที่จริง ถ้าจะดีควรออกกฏให้วัดอื่นด้วย ผมว่ามันไม่เหมาะหรอก ที่จะให้สัตว์เข้าไปอยู่ ในวัด เพราะสัตว์เราก็รู้อยู่ว่ามันถ่ายไม่เป็นที่ ถ้าเราไม่ได้มีกรงให้มันอยู่น่ะ แต่การมีเมตตากับสัตว์ ก็ดูเหมือนจะแยกออก ไม่ได้จากพระแล้วล่ะ ผมก็เห็นว่ามีพระที่ตั้งใจเลี้ยงดู สัตว์ที่ไม่มีคนเอาก็มากอยู่ เอาเป็นว่าพูดแบบกลาง ๆ เห็นด้วยที่ไม่ควร นำสัตว์มาไว้ในวัด แต่ก็คิดว่า ไม่ควรมองว่า ศาสนสถานเป็นที่ ๆ ต้องสวยงามมากเกินไปนะ เพราะว่าผมมองว่า คนเราต้องปล่อยวางอะ พระก็ต้องปล่อยวางอยู่แล้วด้วยล่ะ
ผมว่าเจ้าคุณพิพิธบวชเพื่อเฝ้าของวัดสุทัศน์ มันไม่มีประโยชน์หรอกครับ พรมราคาหลายแสนที่หวงนักหวงหนา ถึงหมาแมวไม่ขี้ใส่ วางไว้อย่างเดิม ก็ย่อมเสื่อมสลายตามกาลเวลา แม้แต่ร่างกายเจ้าคุณเองก็ย่อมไปตามเวลา ของมีค่ามีราคาก็ทำช่องประตูปิดให้นกหนูแมลงเข้าไม่ได้ ปัญหาก็เบาบาง ของเลอะเทอะสกปรก ล้างเสียหน่อยก็ดีขึ้น แต่จิตใจเจ้าคุณเลอะเทอะ เอาของไร้สาระเป็นสาระ อันนี้ล้างยากนะขอรับ ขนาดพระมาปักป้ายสาบแช่ง เพราะคนเอาอาหารมาให้หมาแมวเพราะสงสารก็เกินไป จัดระเบียบซะหน่อย ภาพเจ้าคุณจะงดงามกว่านี้
ดูจากประกาศสาปแช่งแล้ว เหมือนเป็นความขัดแย้งภายในวัดเอง เพราะจำเลยที่หนึ่งคือ พระ จำเลยที่สองคือ เณร จำเลยที่สามคือ ประชาชน และที่สำคัญคือ ข้อสุดท้ายที่เขียนเหมือนท้าทายประชาชนว่าถ้าไม่พอใจก็ไปทำบุญที่อื่น ผมมองว่า จำเลยทั้งสามกลุ่มนี้ คือกลุ่มที่ขัดแย้งกับ เจ้าคุณ เพราะฉะนั้น ประชาชนจึงน่าจะหมายถึง ญาติโยมที่ไปทำบุญกับวัดนี้ แต่ไปทำบุญกับพระรูปอื่น หรือ คณะอื่น ที่ไม่ใช่ทำบุญกับ เจ้าคุณ หรือ คณะที่ เจ้าคุณดูแลอยู่ เพราะถ้าทำบุญกับ เจ้าคุณ โดยตรง เจ้าคุณก็คงจะบอก ห้ามปราม ได้อยู่แล้วโดยไม่ต้องมาเขียน สาปแช่ง แต่ที่กล้าเขียน สาปแช่ง ก็เพราะ ญาติโยมกลุ่มนี้ไม่ได้ทำบุญกับ เจ้าคุณอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะไปทำบุญวัดอื่น มันก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากที่เป็นอยู่ อีกทั้ง ถ้าเป็นประชาชนทั่วไป ถ้าเขาจะเอาอาหารไปให้ หมา แมว ในวัด แต่ไปเห็นป้ายห้าม เขาก็คงไม่กล้าให้หรอก เพราะฉะนั้น ป้ายสาปแช่งนี้ คงไม่ใช่ป้ายแรก อาจมีป้ายห้ามธรรมดา ๆ ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ปรากฎว่าถูกมือดี ฉีกทิ้ง เลยอาจลุแก่โทสะ ประกาศสาปแช่งเลย แถมยังสำทับโดยการสาปแช่งคนที่จะมาฉีกทิ้งเข้าไปอีก มันเป็นเรื่อง โลภ โกรธ หลง ตามธรรมดา่ของ ปุถุชน อย่าง เรา ๆ ท่าน ๆ ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้ตัวเราแค่ไหนว่าเราอยู่ในฐานะใดทางสังคม อะไรควรอะไรไม่ควรกับสถานะที่เราดำรงอยู่ เพราะบางครั้งเรื่องเดียวกัน แต่คนทำมีสถานะทางสังคมที่แตกต่างกัน ก็ถูกมองไปคนละอย่าง เช่น แม่ค้าในตลาดตะโกนด่ากัน กับครูในโรงเรียนตะโกนด่ากัน การกระทำคือ ด่าเหมือนกัน แต่สังคมมักจะเพ่งเล็ง ตำหนิ ครูในโรงเรียนที่ตะโกนด่ากัน มากกว่าแม่ค้าในตลาด การประกาศสาปแช่งนี้ ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเป็นชาวบ้านทั่ว ๆ ไปเขียนประกาศไว้ สังคมอาจมองเป็นเรื่องตลกขบขันก็ได้ แต่ถ้าเป็นพระมีระดับมาเขียนบ้าง สังคมอาจไม่ตลกด้วยก็ได้
หมาแมววัดไม่เอา แต่สิ่งเหล่านี้วัดได้ จตุปัจจัย เงินทอง วัสดอุปกรณ์ ยานพาหนะ ลาภยศสรรเสริญ วัดรับไว้หมดแบบไม่อั้น รับแม้กระทั้งคนเลวๆที่เอาผ้าเหลืองมาห่มทำมาหากิน หลอกญาติโยม มอมเมาพุทธศาสนิกชน ....!!!