วันที่ 08 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 19:11:12 น. http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1433746771 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน ที่สถานีสูบน้ำคลองเตย นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วยนายกังวาฬ ดีสุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ และเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจระบบระบายน้ำ ภายหลังเกิดฝนตกหนักตั้งแต่ช่วงกลางคืนจนถึงช่วงเช้า ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุด นายสัญญา กล่าวว่า เมื่อเวลา 02.00 น.-06.30 น. เกิดฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ วัดปริมาณฝนสูงสุดได้ที่ 141 มิลลิเมตร ที่บริเวณถนนพระราม4 ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังบนถนนสายหลัก 19 จุด อาทิ พระราม4 อโศกมนตรี เพชรเกษม ศรีอยุธยา ประชาสงเคราะห์ สุขุมวิท เป็นต้น เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเร่งระบายน้ำจนแห้งในเวลาประมาณ 09.30 น. เหลือเพียงในซอยย่อยที่ยังมีน้ำท่วมขังต้องใช้เวลาระบาย ทั้งนี้นอกจากปริมาณฝนที่ตกลงจำนวนมาก จนทำให้ระบายน้ำไม่ทันแล้ว ยังมีอุปสรรคสำคัญคือเรื่องขยะ ซึ่งกีดขวางทางน้ำไหลในระบบระบายน้ำต่างๆ จำนวนมาก ทั้งในท่อระบายน้ำ คลอง ลำราง สถานีสูบน้ำ และอุโมงค์ระบายน้ำ เจ้าหน้าที่สามารถจัดเก็บที่หน้าสถานีสูบน้ำต่างๆ ได้กว่าวันละ 10 ตัน โดยเฉพาะขยะขนาดใหญ่ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ โอ่ง ขอนไม้ ต้นไม้ ที่ไม่สามารถเข้าระบบจัดเก็บอัตโนมัติหน้าสถานีสูบน้ำได้ ถือเป็นปัญหาที่หนักใจมาก กทม.ต้องระดมกำลังเจ้าหน้าที่จัดเก็บตามสถานีสูบน้ำต่างๆ 300-400 คน และขยะบางส่วนยังเข้าไปติดในเครื่องสูบน้ำ สร้างความเสียหายจนต้องหยุดเดินเครื่องเพื่อทำการซ่อมแซม และยังเป็นการเสียเวลา ทำให้ประสิทธิภาพในการระบายน้ำลดลง อย่างที่อุโมงค์ยักษ์พระราม 9 ซึ่งมีเครื่องสูบน้ำ 4 ตัว แต่มีน้ำเข้าระบบจนสามารถเดินเครื่องได้ 3 ตัวเท่านั้น เนื่องจากมีขยะติดอยู่หน้าสถานีจนน้ำไม่เข้าระบบ จึงขอความร่วมมือประชาชนให้ช่วยกันไม่ทิ้งขยะลงในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งกรุงเทพฯ มีคนมากถึง 10 ล้านคน แต่มีคนเก็บขยะไม่กี่ร้อยคน ยังไงก็เก็บไม่ทัน นอกจากนี้ยังได้รับรายงานเกิดเหตุต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้มอีกด้วย นายสัญญา กล่าวว่า ในการเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนตก กทม.ได้เร่งลอกคลองและล้างทำความสะอาดท่อระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง ในภาพรวมมีความคืบหน้าแล้วร้อยละ 60 และได้พร่องน้ำในคลองเพื่อเตรียมรับน้ำฝน พร้อมสั่งการให้หน่วยเบสท์และศูนย์ป้องกันน้ำท่วมเตรียมพร้อม 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามขอเรียนให้ทราบเหมือนทุกครั้งว่าหากเกิดฝนตกมากถึง 100 มิลลิเมตร ระบบต้องใช้เวลาในการระบายน้ำให้แห้งประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นช่วงเช้า จึงส่งผลกระทบต่อการจราจร ทั้งนี้กทม.ก็ได้ศึกษาแนวทางพัฒนาระบบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะประสานจังหวัดปริมณฑลในการบูรณาการร่วมกัน เนื่องจากเมืองได้มีการพัฒนาขยายออกไป "ผู้ว่าฯกทม. ได้มีความเป็นห่วงถึงสถานการณ์ฝนตกที่เกิดขึ้น แต่ไม่สามารถลงพื้นที่ติดตามได้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างไปราชการที่เมืองเดลฟท์และร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อไปศึกษาและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับระบบระบายน้ำ ซึ่งเมืองเดลฟท์มีพื้นที่ลุ่มต่ำมาก แต่มีระบบระบายน้ำดีเป็นอันดับ1 ของโลก ซึ่งผู้ว่าฯ ก็ได้โทรศัพท์สอบถาม สถานการณ์เป็นระยะ"นายสัญญา กล่าว ด้านนายกังวาฬ กล่าวว่า สถานีสูบน้ำคลองเตย ทำหน้าที่รับน้ำในพื้นที่ถนนสุขุมวิททั้งหมด รวมถึงอโศกมนตรีด้วย เพื่อระบายออกไปยังสถานีสูบน้ำอุโมงค์พระโขนงและลงแม่น้ำเจ้าพระยา แต่พบว่ามีขยะเข้ามาติดตะแกรงหน้าสถานีจำนวนมาก จึงขอความร่วมมือประชาชนที่อาศัยอยู่ริมคลองไม่ทิ้งขยะลงน้ำ ทั้งนี้คาดการณ์ว่าในช่วงนี้พื้นที่กรุงเทพฯ จะมีฝนตก จึงได้เตรียมรับมือด้วยการพร่องน้ำในคลองให้อยู่ในระดับค่ำ เพื่อรอรับน้ำฝน และเตรียมพร้อมหน่วยเคลื่อนที่เร็ว24ชั่วโมง เพื่อเข้าแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังโดยเร็วที่สุด ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วยนายอดิศักดิ์ ขันตี รองปลัดกทม. ในฐานะกำกับดูแลสำนักการระบายน้ำ และคณะผู้บริหาร ได้เดินทางไปยังเมืองร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อนร่วมประชุมนานาชาติ Policing Global Cities ระหว่างวันที่ 6-12 มิถุนายน ในหัวข้อการป้องกันอุทกภัยและการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งเข้าร่วมประชุม Delft-FEWS ในหัวข้อการจัดการน้ำและการป้องกันอุทกภัย อย่าง ไรก็ตาม แหล่งข่าวจากศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างร่วมประชุมนานาชาติ The 2nd Policing in Global Cities ในหัวข้อการป้องกันอุทกภัยและการรับมือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่เมืองร็อตเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตามคำเชิญของนายกเทศมนตรีเมืองร็อตเตอร์ดัม พร้อมศึกษาดูงานที่เมืองอัมสเตอร์ดัมและและเมืองเดลฟท์ เพื่อดูการจัดการน้ำและการป้องกันอุทกภัย ระหว่างวันที่ 6-12 มิถุนายน เตรียมเดินทางกลับจากประเทศเนอเธอร์แลนด์ ซึ่งสาเหตุที่ต้องเดินทางกลับด่วนนั้น เนื่องจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุด วัน เดียวกัน นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ในฐานะพลเมืองกรุงเทพฯ ได้ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดผู้ว่าฯกทม.ออกโดยทันที โดยแถลงการณ์ระบุว่า ตามที่เกิดฝนตกจนน้ำท่วมขังบนและเกิดเหตุต่าง ๆ ท้องถนนหลายพื้นที่ของกทม. อาทิ สะพานภูมิพล 1 ลงพระราม 3 ช่องซ้ายต้นไม้ล้มไม่มีเจ้าหน้าที่มาเร่งตัดเคลื่อนย้าย ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพลินจิตน้ำท่วมนอง ต้นไม้ล้มปากซอยหัวหมาก 21 ไม่มีเจ้าหน้าที่มาเคลื่อนย้าย น้ำท่วมหนักเลยขอบฟุตบาทถนนพระราม 4 ขาเข้าและออกจากคลองเตย ถนนใต้ทางด่วนพระรามสี่ สัญญานไฟเสีย ถนนสุขุมวิท 22 กลายเป็นคลองรถเล็กผ่านไม่ได้ ถนนเพชรบุรีขาเข้าน้ำท่วมเป็นระยะทางกว่า 100 เมตรก่อนขึ้นสะพานลอยอโศกถึงสี่แยกน้ำท่วมขังทุกช่องทาง รถเล็กผ่านได้เฉพาะสองช่องขวา ฯลฯ ปัญหาต่าง ๆ ก่อให้เกิดวิกฤตจราจรวินาสสันตะโรไปทั้งเมืองนั้น "ปราก ฎการณ์ฝนตกแม้เป็นเหตุตามฤดูกาล แต่ทว่าการที่ฝนตกเพียงชั่วอึดใจก็เกิดเหตุทำให้น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ดัง กล่าวนั้น เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพและการเตรียมการที่เหลวของผู้ บริหารกรุงเทพมหานครโดยชัดแจ้ง ทั้ง ๆ ที่เพิ่งจะเข้าสู่ฤดูฝนเท่านั้น และอีกนัยยะหนึ่งคือเป็นการประจานให้เห็นว่า ไม่มีการเตรียมการขุดลอกท่อระบายน้ำ หรือเตรียมความพร้อมในการระบายน้ำไว้ก่อนเลย ทั้ง ๆ ที่โฆษณาชวนเชื่อมาโดยตลอดว่ามีศูนย์สั่งการ มีหน่วยฟองน้ำ และอีกสารพัดหน่วยที่ตั้งขึ้นมาเท่ห์ ๆ แต่ไร้ประสิทธิผล ผลาญภาษีประชาชนไปวันวันโดยไม่คุ้มค่า จึงขอ หัวหน้า คสช. ให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 44 ปลดผู้ว่ากทม.คณะผู้บริหาร และผู้อำนวยการเขตที่เกิดปัญหาทั้งหมดออกจากตำแหน่งเสียโดยทันที ตามที่เคยได้ลั่นวาจาไว้เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา พร้อมกับแต่งตั้งผู้รู้ ผู้ชำนาญการหรือผู้มีประสบการณ์ มาเป็นผู้บริหารชั่วคราวแทน เพื่อเตรียมการรับมือกับปัญหาฝนตกหนัก และน้ำทะเลหนุนที่อาจจะเกิดขึ้น หลังจากนี้ แต่หากข้อเรียกร้องนี้ไม่เป็นผล คสช. และกระทรวงมหาดไทย ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเดือดร้อนและเสียหายแทนผู้ว่า กทม." แถลงการณ์ระบุ
ฝนตกนานกว่า 4 ชั่วโมง... หนักสุด 141 มิลลิเมตร มากกว่าที่รับได้มากสุดกว่า 2 เท่า ขยะอีกเป็นหลายตัน... ใช้เวลาระบายน้ำจากถนนสายหลักแค่ 3 ชั่วโมง
ผู้ว่าสมุทรปราการ ผู้ว่านนทบุรี ผู้ว่าปทุมธานี ... ไม่ออกมาช่วย ผู้ว่า กทม. เลยนะ ท่านรองปลัด สุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็ซ้ำเติม... http://www.nationtv.tv/main/content/social/378459194/ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ชี้ปัญหาน้ำท่วมขังใน กทม. เกิดจากขาดความพร้อมบริการจัดการน้ำ แนะปรับระบบโลจิติกส์น้ำไหลลงท่อให้เร็วที่สุดรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เปิดเผยถึงปัญหาน้ำท่วมขังระบายไม่ทันในเขตพื้นที่กทม.จากกรณีฝนตกหนักเมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า สาเหตุยังคงเกิดจากระบบการระบายน้ำจากฝนที่ตกหนักของ กทม.ซึ่งยังยังขาดความพร้อมในการบริหารจัดการน้ำ โดยปริมาณฝนที่ตกหนักเกิน 100 มิลลิเมตรในเขต กทม.เป็นฝนปกติที่ตกหนักในช่วงหน้าฝน แต่เนื่องจากเกินขีดการระบายน้ำที่ กทม.เตรียมไว้แค่ 60 มิลลิเมตรเท่านั้น และส่วนใหญ่ยังใช้ระบบปั้มดูดน้ำไปติดตั้งในจุดที่น้ำท่วมขังไม่ได้ตั้งถาวรในพื้นที่เสี่ยง โดยระบบอุโมงค์ระบายน้ำยังไม่แล้วเสร็จการปรับแก้คือต้องเดินระบบโลจิติกส์น้ำให้ไหลลงท่อลงคลองเร็วที่สุดเพื่อลดการท่วมขัง แต่เนื่องจากคลองสายต่างๆ ใน กทม.ยังมีปัญหาขยะอุดตันทำให้น้ำไหลไม่สะดวก ดังนั้นจึงส่งผลต้อการระบายน้ำโดยตรง ทั้งนี้ทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความช่วยเหลือทางด้านอุปกรณ์ในการระบายน้ำกับทาง กทม.หากขอความช่วยเหลือมา