เอเอฟพี - เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีคนใหม่หน้าเก่าของยิว ย้ำเมื่อวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) ว่าอิสราเอลกับสหรัฐฯต่างเป็นพันธมิตรที่ยิ่งใหญ่ต่อกัน และไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากร่วมมือกันเหมือนเคย ขณะที่อเมริกาที่เย็นชาต่อชัยชนะในศึกเลือกตั้งของนายเนทันยาฮูมาตลอด เริ่มมีท่าทีอ่อนลง และเผยว่า ประธานาธิบดี โอบามา เตรียมต่อสายตรงถึงผู้นำอิสราเอล ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสหรัฐฯเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง นายเนทันยาฮู บอกกับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี ว่า ทั้งสองประเทศอาจมีความเห็นต่างอยู่บ้าง แต่ในท้ายที่สุดแล้ว “เราจะทำงานร่วมกัน เราจำเป็น เพราะเราไม่มีทางเลือกอื่นๆ” ผู้นำอิสราเอลบอกว่า “เราสามารถเห็นต่างได้ แต่มีหลายสิ่งที่รวมเราเป็นหนึ่งเดียว เรามีสถานการณ์ที่อันตรายอย่างมากในตะวันออกกลาง และตอนนี้มันเป็นความท้าทายร่วมสำหรับเรา” เขาบอกต่อว่า “เราจำเป็นต้องปรึกษาหารือซึ่งกันและกัน ไม่ใช่การออกคำสั่งหรือวางข้อกำหนดฝ่ายเดียว เราต้องสนับสนุนกันระหว่างพันธมิตร อเมริกาไม่มีพันธมิตรไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าอิสราเอล และอิสราเอลเองก็ไม่มีพันธมิตรรายไหนที่สำคัญไปกว่าสหรัฐฯ” ความสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอลกับสหรัฐฯดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ หลังนายเนทันยาฮูก่อความฉุนเฉียวแก่รัฐบาลโอบามา ด้วยการปราศรัยอย่างดุเดือดต่อสภาคองเกรส ประณามข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา ทำเนียบขาวโกรธเคืองนายเนทันยาฮูหนักขึ้นไปอีก จากคำสัญญาในนาทีสุดท้ายของการหาเสียงของเขา ที่บอกว่าหากได้รับเลือกเป็นผู้นำประเทศอีกสมัย จะไม่มีวันยอมให้มีการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ ซึ่งถือเป็นการกลับลำแบบ 180 องศา และท้าทายนโยบายที่มีมาหลายทศวรรษของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนสหรัฐฯอีกสำนักในวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) นายเนทันยาฮู ปฏิเสธว่า เขาไม่ได้คืนคำ พร้อมโต้แย้งว่าสภาวการณ์ต่างๆ ยังไม่สุกงอม โดยยืนกรานว่าทางการปาเลสไตน์ต้องตัดความสัมพันธ์กับนักรบฮามาส รับรองความมีอยู่ของรัฐยิว และเข้าร่วมเจรจาสันติภาพกับอิสราเอลอย่างจริงจังเสียก่อน “ผมไม่ได้กลับคำใดๆ ในสิ่งที่ผมเคยพูดไว้ในคำปราศรัยเมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งให้รัฐปาเลสไตน์ปลอดทหารสามารถดำรงอยู่คู่กับรัฐยิว ตอนนั้นผมได้พูดถึงเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งในวันนี้มันไม่สามารถสำเร็จได้” เนทันยาฮู ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ ข่าวคราวเกี่ยวกับการได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัย 4 ของนายเนทันยาฮู เมื่อวันอังคาร (17 มี.ค.) ได้รับการตอบรับอย่างเย็นชาจากทำเนียบขาว ที่ไม่ได้แสดงความยินดีกับเขา เพียงแต่กล่าวแสดงความยินดีต่อชาวอิสราเอลที่ได้ผู้นำประเทศตามกระบวนการประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวเผยในวันพฤหัสบดี (19 มี.ค.) ว่า ในวันนี้ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา จะต่อโทรศัพท์สายตรงถึงเนทันยาฮู จนถึงตอนนี้ โอบามา ยังไม่ได้คุยกับนายเนทันยาฮู นับตั้งแต่ที่เขาได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง ขณะที่ในการหาเสียงโค้งสุดท้าย นายเนทันยาฮู ประกาศชัดเจนว่าตราบใดที่เขายังอยู่ในตำแหน่ง เขาจะไม่ยอมให้มีการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นเรื่องสวนทางกับนโยบายของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้อิสราเอล ยอมรับการมีอยู่ 2 รัฐ ระหว่างอิสราเอล และ ปาเลสไตน์ และเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000032531 ปล หนึ่งในผู้นำไม่กี่ชาติที่กล้าหักหน้าสหรัฐอเมริกา
ยิวมีอิทธิพลอย่างสูงต่อ อเมริกามาตลอด ทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ แทบจะเรียกว่า กุมอำนาจอยู่เบื้องหลัง ก็ว่าได้
ผมเห็นด้วยกับแนวทางสหรัฐที่สนับสนุนรัฐปาเลสไตน์ แต่ไม่เห็นด้วยกับการที่ทำตัวเป็นเจ้าโลก ที่ไม่ได้ดั่งใจอะไรก็เที่ยวไปพาลใส่คนอื่นเขา
เรื่องรัฐปาเลสไตน์ นี้ก็เหมือนกัน คุยกันตั้งแต่ ผมยังไม่เกิด..... สหประชาชาติได้ตกลงกันแล้ว ในที่สุดบิดพริ้วกันหน้าด้านด้าน