แปลกตรงไหนที่นักธุรกิจจะบินไปต่างประเทศ อีกอย่างตอนนี้ผมเห็นแต่ดาวโจรครับ โจรขโมยผลงานเพื่อนเพื่อเงิน 20 บาท
ก่อนมีคสช. ก็มีนักธุรกิจ เงินถุง เงินถังเยอะ บินไปต่างประเทศเหมือนกันนะครับ จนบัดนี้ยังไม่โผล่หัวกลับมาสักที ************************************************************************* หลังจากเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ทักษิณ ไม่เดินทางกลับประเทศไทย เพื่อฟังคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และขอลี้ภัยในสหราชอาณาจักรแต่ถูกปฏิเสธ เขาจึงเดินทางข้ามไปมาหลายประเทศอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นในเดือนตุลาคม ศาลคดีการเมืองตัดสินจำคุกทักษิณ เป็นเวลา 2 ปี จากคดีทุจริตประมูลซื้อที่ดินรัชดาภิเษก https://th.wikipedia.org/wiki/ทักษิณ_ชินวัตร
ยังมีคนเล่นเรื่องนี้อีกหรือครับ สปท.ที่ว่าคือ สมพงษ์ สระกวี แกนนำนปช. ที่ขอลาออกไปสมัคร สปท. เพื่อนนายกที่ว่า นี่เขาไม่รู้เลยหรือ ถึงไปขอคำปรึกษา เพื่อให้เป็นข่าวออกมา
วันที่ 6 มกราคม 2558 นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธาน คตง. คนใหม่ เปิดแถลง “นโยบาย” ต่อสื่อมวลชนว่า สตง. ยุคนี้มุ่งเน้นตรวจสอบกรมจัดเก็บรายได้คู่ขนานกับการใช้จ่ายเงินของหน่วยงานรัฐ โดยมอบหมายผู้ว่าการ สตง. ทำหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลังและอธิบดีกรมสรรพากร ใช้มาตรา 49 แห่งประมวลรัษฎากร ประเมินภาษีนักการเมือง ข้าราชการระดับสูง และนักธุรกิจที่ร่ำรวยผิดปกติ เบื้องต้นให้นำรายการบัญชีทรัพย์สินที่รายงานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มาสอบยันกับแบบแสดงรายการของผู้เสียภาษี (ภ.ง.ด.90-91) หากตรวจพบรายการใดยังไม่เสียภาษี ให้กรมสรรพากรใช้อำนาจตามมาตรา 49 ประเมินภาษี และจัดเก็บภาษีให้ถูกต้อง หลังจากที่หนังสือ สตง. ส่งถึงกรมสรรพากร “นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร” ออกมาให้สัมภาณ์สื่อมวลชนว่า “ที่ผ่านมากรมสรรพากรมีหน้าที่ตรวจสอบผู้เสียภาษีทุกรายอยู่แล้ว แต่ประกาศให้บุคคลภายนอกทราบไม่ได้ว่า กรมสรรพากรตรวจสอบภาษีนักการเมืองคนไหนบ้าง เพราะมาตรา 10 แห่งประมวลรัษฎากร ห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลผู้เสียภาษี หาก สตง. พบเบาะแส นักการเมือง หรือผู้เสียภาษีรายใดเสียภาษีไม่ครบถ้วน ขอให้ส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรตรวจสอบต่อไป” ไทยพับลิก้า: ทำไมกรมสรรพากรไม่กล้าใช้มาตรการภาษีจัดการกับนักการเมืองที่ร่ำรวยผิดปกติ ผมเข้าใจว่าการใช้มาตรา 49 สรรพากรต้องทำงานหนักมาก ตรวจภาษีนักการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบอย่างละเอียด ไม่ค่อยมีใครอยากทำ การตรวจสอบประเมินภาษีนักการเมือง กรมสรรพากรมีระเบียบปฏิบัติรองรับไว้พร้อมทั้งหมดแล้ว ไม่ต้องออกระเบียบอะไรใหม่ หากต้องการทำจริง สามารถดำเนินการได้ทันที สมมติ นักการเมืองมีรายได้จากคอร์รัปชัน 1,000 ล้านบาท จริงๆ ต้องเสียภาษี ซึ่งประมวลรัษฎากรไม่มีข้อยกเว้นว่าต้องเก็บภาษีจากรายได้ที่ถูกกฎหมายเท่านั้น รายได้ผิดกฎหมายก็ต้องเสียภาษีด้วย แต่คงไม่มีนักการเมืองรายใดนำรายได้ 1,000 ล้านบาท มาเสียภาษีกับกรมสรรพากรแน่นอน ถ้ายอมเสียภาษีเท่ากับยอมรับว่าตนคอร์รัปชัน นักการเมืองที่ร่ำรวยผิดปกติจึงต้องปกปิดทรัพย์สินบางส่วนเอาไว้ เงิน 1,000 ล้านบาท ที่ได้มาจากคอร์รัปชัน นักการเมืองทำอย่างไร ก็อาจจะนำไปซื้อบ้านราคาแพง ซื้อหุ้น เพชร พลอย ทองคำ หากเป็นทรัพย์สินที่จดทะเบียนอยู่ในระบบ กรมสรรพากรตรวจสอบได้ทั้งหมด รวมทั้งทรัพย์สินที่ใช้ชื่อภรรยา ลูก ญาติพี่น้อง เป็นผู้ถือครอง กรมสรรพากรตามไปตรวจสอบได้ แค่ถามว่าเอาเงินที่ไหนมาซื้อทรัพย์สินเหล่านี้ เสียภาษีหรือยัง แต่ถ้าไม่เสียภาษีมีความผิด ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 มีโทษจำคุก 3 เดือน-7 ปี ปรับ 2,000-200,000 บาท ดังนั้น หากกรมสรรพากรใช้มาตรา 49 ประเมินภาษีนักการเมือง ข้าราชการ ดำเนินคดีอาญาจนกระทั่งศาลสั่งจำคุก ก็จะทำให้นักการเมืองที่คอร์รัปชันขาดคุณสมบัติ เข้ามาเล่นการเมืองไม่ได้อีก วิธีนี้เป็นวิธีการสกัดนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชันไม่ให้เข้ามาเล่นการเมืองนั่นเอง http://thaipublica.org/2015/02/chaiyasith/
รายนี้ก็เผ่นเหมือนกัน เผ่นเอาเงินมาให้เผด็จการทหารซะงั้น?? มาสด้า ประกาศทุ่ม 7,000 ล้านบาท ขยายกำลังการผลิตและสร้างโรงงานแห่งใหม่ในไทย พร้อมปั้นไทยเป็นฐานการผลิตเครื่องยนต์ป้อนตลาดโลก โดยมาสด้า มอเตอร์ คอปอร์เรชั่น ได้ทุ่มงบกว่า 22.1 พันล้านเยน หรือราว 7,200 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานประกอบเครื่องยนต์ที่โรงงานมาสด้าฯ ชลบุรี เป็น 122,000 เครื่องต่อปี และจะก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ สำหรับการขึ้นรูปผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ เพื่อขยายสายการผลิตให้สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น โดยจะเพิ่มสายการผลิตเครื่องยนต์เบนซิน เพื่อส่งออกไปยังฐานการผลิตอในกลุ่มประเทศอาเซียน ได้แก่ มาเลเซีย และ เวียดนาม โดยมาสด้าฯ ตั้งใจที่จะพัฒนาต่อยอดโรงงานที่จังหวัดชลบุรีของไทย เป็นฐานการผลิตแห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น สำหรับการส่งออกเครื่องยนต์ ซึ่งจะช่วยยกระดับเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตระดับโลก และส่งเสริมความก้าวหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
หนีออกต่างประเทศไปอีกรายแล้ว เวียดเจ็ท แอร์ รุกเข้าไทย จับมือกับผู้ร่วมทุนชาวไทย เปิดสายการบินใหม่ ชื่อ "ไทยเวียดเจ็ท แอร์" พร้อมเปิดเส้นทางบินแรก เชียงราย-ภูเก็ต กลางเดือนกันยายนนี้ โดยผู้บริหารสายการบินเวียดเจ็ท แอร์ จะแถลงข่าวเปิดตัวสายการบินโลว์คอส น้องใหม่ "ไทย-เวียดเจ็ทแอร์" อย่างเป็นทางการ ในช่วงบ่ายวันนี้ (15.00 น.) พร้อมเปิดเผยกลยุทธ์ และแนวทางการทำธุรกิจโลว์คอสแอร์ไลน์ในประเทศไทย ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของอุตสาหกรรมการบิน โดยไทยเวียดเจ็ท แอร์ จะประเดิมด้วยการเปิดตัวเส้นทางบินแรก เชียงราย-ภูเก็ต ในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ ที่น่าจับตา คือ ไทยเวียดเจ็ท แอร์ จะใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นฐานปฏิบัติการบิน เนื่องจากมองเห็นโอกาสที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังไม่มีสายการบินโลว์คอสให้บริการ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้โดยสาร ทั้งนี้ ระยะเริ่มต้นไทยเวียดเจ็ท แอร์ จะใช้ผู้บริหารชาวเวียดนาม ซึ่งก็ต้องจับตามองกับการเข้ามาของเวียดเจ็ท แอร์ ที่ จะส่งผลให้ตลาดโลคอสในบ้านเรา แข่งขันกันดุเดือดมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีผู้ให้บริการหลัก ๆ อยู่ 3 ราย โดยมีไทยแอร์เอเซีย เป็นเป็นผู้นำตลาด