คนนี้เสื้อแดงก็โยนเขาเป็นสลิ่มไม่ใช่เหรอ? http://www.pptvthailand.com/news/ประเด็นร้อน/33978 หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 เดินหน้าโครงการเขื่อนแม่วงก์ นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ที่เคยคัดค้านโครงการ พร้อมต่อสู้ทันที หากมีคำสั่ง ถามรัฐบาลจะใช้มาตรา 44 สร้างผลงาน สร้างมิตร หรือสร้างศัตรู วันนี้ (4 ก.ย. 59) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คำยืนยันของนายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ว่านักอนุรักษ์และเครือข่ายต่อสู้คัดค้านโครงการอย่างถึงที่สุด เพราะการสร้างเขื่อนทับผืนป่าแม่วงก์ เพื่อแก้ปัญหาการจัดการน้ำในระดับชุมชนอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด รัฐบาลควรมองหาการบริหารจัดการน้ำแบบอื่นที่ไม่ส่งผลกระทบ อย่างไรก็ตามประธานมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ยังยืนยันแนวทางให้รัฐพิจารณาการจัดการน้ำทางเลือกแบบบูรณาการ โดยการกระจายแหล่งกักเก็บน้ำขนาดเล็กไปตามพื้นที่ต่างๆแทนการสร้างเขื่อนทับพื้นที่อนุรักษ์ ส่วนกระแสข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเสนอใช้มาตรา 44 ผลักดันสร้างเขื่อน นายศศิน เผยว่า ไม่กังวล เพราะเป็นเพียงความคิดเห็น แต่ถ้ามีคำสั่งจริง ก็พร้อมต่อสู้ทันที และมีแผนอยู่ในใจแล้ว
ถ้าเป็นเรื่องเขื่อนแม่วงก์ มั่นใจว่าไม่สร้างหรอกครับ น่าจะสร้างระบบกักเก็บน้ำ อ่างเก็บน้ำขนาดเล็กมากกว่า ลุงตู่กลับมาก็รู้ครับ
ผมอยากให้สร้าง ผมแค่มีความเชื่อว่ามันน่าจะตอบโจทย์เรื่องแก้น้ำท่วม กับเรื่องระบบน้ำในเจ้าพระยา และการจัดการน้ำในระยะยาว ไม่ได้คิดถึงเรื่องปั่นไฟฟ้า ส่วนเรื่องป่าไม้นั้น ผมมองว่าเสียบางส่วนแต่ได้รักษาป่าอีกส่วนนึงที่มากกว่า เพราะทุกวันนี้ก็รักษาป่ากันแทบไม่ได้อยู่แล้ว กับช่วยเรื่องน้ำท่วม ความเสียหายจากน้ำท่วม
ถ้าเรื่องน้ำท่วมคงต้องดูครับว่าท่วมเพราะน้ำจากไหน เพราะที่ท่วม ๆ กันมันก็ไม่ได้มาจากแม่วงก์อย่างเดียว มันมาจากแหล่งอื่นอีกกว่า 80% แถมบางทีมีมือมืดจงใจทำให้ท่วมด้วยการไม่เปิดประตูระบายน้ำอีก เรื่องสร้างเขื่อนเห็นชาวบ้านต้องการมากงั้นก็ขยับสร้างตรงเขาชนกันสิ ได้เขื่อนใหญ่กว่า จุน้ำมากกว่า ไม่กระทบป่า win-win กันทั้งสองฝ่าย ก็หวังว่าคนที่อยู่ตรงนั้นคงฉลาดกว่าเสือมีขาก็หนีน้ำเอาได้
ดร.โสภณ รักป่า รักสัตว์และรักเพื่อนมนุษย์ จึงสนับสนุนการสร้างเขื่อนแม่วงก์ ครับ ดร.โสภณ ยื่นหนังสือร้องนายกฯ ใช้ม.44 สร้างเขื่อนแม่วงก์
ผมว่าถ้าไม่ใช่จขกท.ก็เป็นนายจ้างของแก ที่มีอาการทางจิต Masochism คือชอบถูกทำร้าย คืออยู่ดีไม่ว่าดี เอาหน้าตัวเอง(หรือหน้านายจ้าง)ไปถูตีนคนอื่นเขา
นั่นคือสิ่งที่ต้องมาชี้แจงแจกแจงกัน ถอยจากจุดยืนอีโก้กันคนละก้าว มองดูภาพรวมและข้อมูล การวิจัย ด้วยเหตุผล ด้วยมุมมองที่มีประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และประเทศชาติ จะได้คำตอบที่ดีที่สุด คนไทยเราพอเชื่อแล้วมักไม่ยอมถอย ยึดมั่นถือมั่นกันสุดๆเกินไป ไม่ใช่พอมีคำว่าเขื่อน ก็วาดภาพต้นไม้ล้มตาย ออกมาโวยวายไม่ยอมรับ ไม่ใช่มีคำว่าน้ำท่วม ต้องสร้างเขื่อน แต่มีอำนาจแล้วจะทำ ต้องหาความพอดี อย่าขรี้ตามช้าง แค่อ้างว่าโลกเราเลิกสร้างเขื่อนมันไม่พอ แค่อ้างบริหารจัดการน้ำแล้วต้องสร้างเขื่อนมันก็ไม่พอ สร้าง win-win นะถูกต้อง เหมือนเรื่องโรงไฟฟ้าถ่านหิน แบบเดียวกัน
ฝ่ายค้านเขาเสนอไปหลายทีแล้วครับ แต่ฝ่ายจะสร้างเขาไม่สนครับ ล่าสุดลองอ่านข่าวนี้เอาเองละกันว่าใครกันแน่ที่อีโก้สูงไม่ยอมถอย http://www.naewna.com/local/233800
โครงการเขื่อนแม่วงก์ อนุมัติงบก่อสร้าง เมื่อวันทีี่ ๑๐ เม.ย. ๒๕๕๕ ในสมัยรัฐบาลปู ขวัญใจชาวเสื้อแดงครับ เค้าเรียกว่ารัฐบาลปูพร้อมสร้างเขื่อนแล้วครับ เค้าจึงคัดค้านโครงการกันใหญ่ จนรัฐบาลปูยอมระงับโครงการเพื่อลดกระแสความตึงเครียดถึงทุกวันนี้ แต่กรมชลประทาน รวมทั้งรัฐบาลปูเอง ก็พยายามชงเรื่องให้อนุมัติใหม่อยู่ตลอดมา แต่สุดท้ายก็โดนประท้วงตลอด จนกระทั่งประยุทธรัฐประหารรัฐบาลปู โครงการก็ถูกนำมาพูดอีก แต่คราวนี้ต่างกันที่ ประยุทธสั่งให้กรมชลฯ นำกลับไปศึกษาใหม่ เพื่อลดความขัดแย้ง ความแตกต่างคือ รัฐบาลประยุทธบอกให้กรมชลฯ ไปแก้ไขปัญหา หมายความว่ารัฐบาลประยุทธยังไม่เคยบอกอย่างชัดเจนว่าจะสร้างหรือไม่ คือตอนนี้โครงการยังค้างอยู่ที่รัฐบาลว่าจะสร้างหรือไม่ ประชาชนยังไม่ต้องออกโรง ส่วนในสมัยรัฐบาลปูร่วมกับกรมชลฯ ผลักดันโครงการ คือ รัฐบาลจะสร้างแล้ว ดังนั้นจึงเหลือด่านประชาชนด่านเดียว ถ้าผ่านก็ตอกเสาเข็มโครงการทันที จึงต้องมีการประท้วงไง ปล. คสช.ยังไม่บอกจะสร้างนะ คนที่บอกจะสร้างมีแค่กรมชลฯ
งั๊นก็จัดกลุ่มเป็นกลางที่สามที่มาศึกษาและสรุป ให้ผลดารศึกษาเป็นเอกสารเปิดเผยและวิจารณ์กันทั้งสองฝ่าย โดยตั้งเป้าหมายประโยชน์ของอะไรสูงสุดเป็นตัวตั้ง จะประโยชน์ของเสือ จะประโยชน์ของคน จะประโยชน์ของต้นไม้ จะประโยชน์ของการแก้ภัยแล้ง จะประโยชน์ของการแก้น้ำท่วม สร้างสมการให้น้ำหนักแยกแต่ละส่วน ผมว่ามันจะเห็นผล จากข่าวผมก็เห็นทั้งสองฝ่ายก็ยืนอยู่จุดเดิมไม่ขยับกันทั้งสองฝ่าย เมื่อไม่ถอยคนละก้าว ไม่ร่วมกันมองภาพรวม คนมีอำนาจก็ได้เปรียบเสมอ ต้องลดท่าทีลงทั้งสองฝ่ายครับ ถ้ายอมรับการศึกษาจากฝ่ายเป็นกลาง มีทางเลือกรับได้ ผมว่าก็ไปได้ ไม่ใช่อะไรก็ค้าน อะไรก็ไม่ยอม ผลมันก็เห็นๆ
อะไรคือกลุ่มเป็นกลางครับ มันไม่มีครับ เพราะแค่บอกว่าไม่ควรสร้างตรงจุดอุทยานก็กลายเป็นค้านไปหมดแล้ว ที่โดนว่าเป็นฝ่ายค้านนะเขาเสนอที่ได้ประโยชน์ที่คุณว่ามาทั้งหมดแล้วครับ แต่กรมชลโดนปัดทิ้ง แล้วกรมชลล่ะได้เสนอที่ได้ประโยชน์ที่คุณว่ามาทั้งหมดรึยัง นายกให้ ngo มีส่วนรวมแล้วไงครับ มาบอกไม่ต้องมาคุย กระทรวงทรัพยฯเองก็ตั้งคณะกรรมการมาพิจารณา EHIA ที่กรมชลส่งมา แบบนี้ถือว่าเป็นกลุ่มเป็นกลางไหม ดูแล้วไม่น่าใช่เพราะพิจารณาไม่ให้ผ่าน กลายเป็นกลุ่มค้านไป http://download1595.mediafire.com/i...%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9
นายพลตัดแปะ ...คุณว่าสิ่งที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำที่ผ่านมา สมบูรณ์ตามกฎหมายไหม...ไม่ใช่เอาเสียงมากลากไป ถ้าทำดี ทำถูกก็สู้ได้ ถ้าทุจริต ก็ตัวใครตัวมันล่ะครับ แผ่นดินไทย ไม่ใช่เลือกตั้งเข้ามาได้จะทำอะไรก็ได้ ทุกประเทศนั่นก็เหมือนกัน นักการเมืองทุจริต ตายไม่ดีสักคน หรือพี่แม้วว่าไง...
เมื่อไม่มีความเชื่อใจทั้งสองฝ่าย รายงานของแต่ะฝ่ายมันก็ไม่ได้รับการยอมรับ มันเรื่องปรกติครับ ถึงต้องมีคนกลางที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับเข้ามาศึกษา ผลที่ได้ก็ต้องยอมรับทั้งสองฝ่าย ผมถึงบอกต้องถอยกันคนละก้าว หาฝ่ายที่สามที่เป็นกลางเข้ามาศึกษาที่ยอมรับกันทั้งสองฝ่ายโดยไม่มีการแทรกแทรงจากทั้งสองฝ่าย เป็นอิสระจากทั้งสองฝ่าย ผลที่ได้ก็ยอมรับทั้งสองฝ่าย ถ้าศึกษาว่าทำก็ทำ ไม่ให้ทำก็ไม่ทำ ให้ย้ายที่ทำก็ต้องย้ายที่ทำ โน่นเลย จ้างที่ปรึกษาจากต่างประเทศ โยนรายงานศึกษาของฝ่ายตนเองทิ้งไม่เอากลับมาแย้ง ที่มันมีปัญหาเพราะพอฝ่ายรัฐเขาทำวิจัยมาก็บอกใช้ไม่ได้ไม่ถูกต้อง ลืมพิจารณานั่นนี่โน่น ใช้แบบจำลองไม่ครบขาดตกบกพร่อง ของผมถูกต้องเก่งกว่า สรุปไม่สร้างดีที่สุด ให้ทำฝายเล็กๆที่เก็บน้ำย่อมๆ ไม่ยอมรับผม ผมเดินเท้าผมประท้วง รัฐบาลผิดรัฐบาลทำไม่ถูก ไปว่าเขาด่าเขาใครเขาจะไม่เสียความรู้สึก ไปหักหน้าเขาบอกที่ทำมาทำไม่ถูกใครเขาไม่เสียความรู้สึก และประวัติพวก ngo นี่ก็เห็นกันประจำ โลกสวย ค้านลูกเดียว บางพวกค้านเพื่อรับเงินต่างชาติทำมาหากิน บางทีหลอกรับเงินบริจาคก็มี ฝ่ายรัฐก็คิดว่ากรูศึกษามาแล้ว พวกค้านนี่เปรี้ยว หาเรื่องไม่มีเหตุผล นั่นนี่โน่น ฝ่ายค้านก็คิดว่ากรูดูแลป่ามาตลอดชีวิต แนวกรูถูก ศึกษามาก็หมกเม็ด ฝ่ายรัฐอยากทำหากินกะโครงการ หาเรื่องไม่มีเหตุผล นั่นนี่โน่น ผมคนนอกก็มองเห็นว่าป่าหายไปทุกปี เสือลดลงทุกปี น้ำท่วมซ้ำซากทุกปี ถ้าจะคิดแบบไม่ดีก็คิดได้ แต่ไม่อยากคิด ถ้าทั้งสองฝ่ายคุยกันตกลงกัน จ้างฝ่ายเป็นกลางที่สามมาศึกษา ตั้ง criteria ให้ชัดว่าพิจารณาประโยชน์ด้านไหนบ้าง โมเดลใดที่ต้องศึกษาต้องคิดถึง แบบจำลองอะไรที่ต้องเอามาพิจารณา ผลออกมาอย่างไร ก็ทำตาม ไม่งอแงทั้งสองฝ่าย ผมว่ามันเดินต่อได้ ผมว่ารัฐบาลเขาน่าจะรับได้ เอาคนใหม่เข้ามาเจรจา ทำข้อตกลงที่ชัดเจนในเรื่องการยอมรับ มันไปต่อได้ มีความจริงใจกัน ไม่ใช่ผลออกมาไม่ตรงใจ กรูค้านกรูเดิน นี่ตั้งป้อมกันแต่แรก เมิงแรงมากรูแรงกลับ ก็อย่างที่เห็น สุดท้ายคนเดือดร้อนก็ประชาชน และ การเสียโอกาสของประเทศ สุดท้ายรัฐเขาจะทำเขาก็ทำ เพราะอำนาจในมือเขา ก็กลายเป็นขัดแย้ง ไอ้ที่ค้านๆมาเสียเวลา
สำหรับประเทศไทย เอาฝ่ายที่เป็นกลางเข้ามาร่วมก็ยากที่จะแก้ปัญหานะครับ เราฟังแต่สิ่งที่เราต้องการได้ยิน เจ้าพวก"กูรู้"ทั้งหลายนั่นแหละตัวดี
จริงครับ อันนี้ไม่เถียงเลย ผมถึงอยากให้พยายามประมาณนี้ 1 คัดสรรคนกลาง องค์กรกลางเข้ามาศึกษา โดยเป็นที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย อย่างน้อยมีความเป็นกลางพอที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าไม่เอนเอียงไปข้างใดข้างนึงจนเกินไป ยิ่งเป็นต่างชาติน่าจะพอรับกันได้ และหวังว่าเขาคงอาจไม่ทรยศวิชาชีพ เอนไปฝ่ายใด 2 ทั้งสองฝ่าย กำหนด criteria แง่มุมที่ต้องศึกษา วิธีการ กระบวนการ และ โมเดล ให้เป็น requirement ที่ต่างคนต่างให้เลย เขาจะได้ศึกษามาครบถ้วน จะได้ไม่มีข้อครหาโต้แย้งทีหลัง เพียงแต่การสรุปอาจต้องสรุปร่วมกันว่ามีเกณท์ใดบ้าง ใช้สูตรใด ให้น้ำหนักอะไร เพื่อออกมาเป็นผลลัพท์ที่จะไม่โต้แย้งกัน เป็นข้อสรุปที่ทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับ 3 ให้อิสระกับคนกลางเต็มที่ ไม่มีการแทรกแซง ให้ข้อมูลเต็มที่ไร้การปกปิด ถ้า requirement ไม่เมคเซ็นส์ก็ชี้แจงแถลงไข ผลรายงานต้องแจงออกสู่สาธารณาชน 4 ทั้งสองฝ่ายมี agreement ร่วมกันว่าจะยอมรับผลสรุปนี้ไปอย่างน้อย 20 ปี คือ ถ้าสร้างก็ยอมรับ ถ้าไม่สร้างก็รอไปอีกยี่สิบปี(ตัวเลขสมมุติ) (เพราะอนาคตเงื่อนไขเปลี่ยนตัวแปรเปลี่ยนอาจมีความจำเป็นขึ้นมาก็ได้) เผลอๆ ต้องมีการผ่านสภาทั้งสองสภาร่วมอย่างเอกฉันท์ 3 ใน 5 (ตัวเลขสมมุติ) เพื่อหยิบยกเรื่องนี้มาทำใหม่ ไม่ผ่านสภาก็ทำไม่ได้แม้จะครบยี่สิบปี ถือว่าจบอย่างอแง ใช้วิทยาศาสตร์ ดีกว่าใช้จำนวนผู้สนับสนุนไม่สนับสนุนมาห้ำหั่นกัน และที่สำคัญ ทั้งสองฝ่ายต้องจริงใจกัน ยอมรับในกันและกัน ผมเชื่อว่าอาจเสียเวลาเพิ่มอีกปีหรือสองปีเพื่อศึกษา และขอให้เงินจ้างคนกลางถึงพอระดับนึง มันจะได้หมดข้อโต้แย้งกันสักที
ได้อ่านเอกสารที่ผมให้ไว้จริง ๆ รึเปล่าเนี่ย ถ้าได้อ่านจริง ๆ ไม่น่าใช้ฝ่ายรัฐนะครับ เพราะที่ว่ารายงานกรมชลประทานใช้ไม่ได้ก็คณะกรรมการจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วกระทรวงนี้มันฝ่ายรัฐไหมล่ะครับหรือจะให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็น ngo ไปด้วยล่ะ ตีรายงานกลับให้กรมชลประทานไปแก้ไขรายงานจุดที่บกพร่องแทนที่จะแก้ไขจุดนั้นกลับจะใช้ ม.44 เป็นวิธีลัด เรื่องด้านทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าไม่ผ่านนี่ยังไม่เท่าไหร่ แต่ด้านการบริหารจัดการน้ำดันไม่ผ่านด้วยก็จบเห่ครับ ส่วนด้านเศรษฐศาสตร์ปล่อยไปก็ได้ และไอ้ที่เดินประท้วงครั้งก่อนก็มาจากนักการเมืองเข้าแทรกแซงเปลี่ยนตัวคณะกรรมที่เชี่ยวชาญออก
ผมอ่านแล้ว มีข้อติติงเยอะแยะไปหมด สับรายงานเดิมเสียจนไม่มีชิ้นดี จนกลายเป็นขยะ แต่จุดนี้ผมว่ามันเลยมาไกลจนไร้ความเชื่อถือซึ่งกันและกัน ตอนนี้มันอารมณ์เหนือเหตุผลกันทั้งสองฝ่าย ผมเชื่อว่า ฝ่ายรัฐก็มองว่ารายงานเขาครบถ้วน อีกฝ่ายป่วนหาเรื่อง อีกฝ่ายก็อย่างที่เห็นในรายงาน ก็ว่าอีกฝ่ายไร้ความจริงใจ ผมถึงบอกให้ถอยกันออกมาคนละก้าว เปลี่ยนคนเจรจา ให้ทั้งสองฝ่ายเข้ามาร่วมโดยผ่านคนกลางอีกครั้ง ครั้งนี้ให้สองฝ่ายร่วมกันเลือกคนกลางให้พอใจทั้งคู่ไง ที่เหลือก็แบบที่ผมบอก เซ็นต์ข้อตกลงออกสื่อเลย ทั้งคู่เจรจาใหม่จูงมือกันไปหานายก เล่าแจ้งแถลงไขในข้อตกลงแบบนี้ ผมว่านายกก็ฟัง จะได้จบ นี่ตั้งป้อมเมิงรายงานมาไม่ดี ไม่ถูก และไม่ถูกใจ กรูเดินกรูประท้วงกรูเรียกมวลชน พออีกฝ่ายเขายันกลับด้วย ม 44 บอกซ่านักกรูจะทำ แล้วจะทำไม มันก็อย่างที่เห็น
แล้วอะไรคือกลางล่ะครับท่าน ขนาดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเองที่เป็นฝ่ายรัฐแท้ ๆ ถ้าไม่มีการเมืองแทรกแซงยังโดนมองเป็นฝ่ายค้านพวกเดียวกับ ngo
ฝ่ายรัฐครับ แล้วไงครับ ผู้ตรวจการรัฐสภาก็ฝ่ายรัฐ คณะอนุกรรมการก็ฝ่ายรัฐ มีผลผูกพันธ์กับรัฐไหม ไม่ทุกเรื่องครับ ในรัฐก็มีการเมืองภายใน ทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายปฏิบัติ และเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายการเมือง ประชาชนก็มีทั้งสนับสนุน เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย โดนมัดมือชก ช่างมัน อะไรก็ได้ แล้วจะยังไงต่อครับ ถ้าเป็น ม 44 จะเดิน เกณท์คนไปล้อมที่ก่อสร้าง เผา หรือ นั่งบ่นกับสื่อ เขียนออกเน็ต สุดท้ายก็สร้าง ข้อเขียนผมแค่แนวคิดหาทางออกตรงกลางให้ทั้งสองฝ่าย และคิดว่ายุติธรรมเป็นกลาง ทั้งๆที่ผมเองก็คิดว่าสร้างเขื่อนดีกว่า แต่ก็ไม่รังเกียจที่จะย้อนไปศึกษาใหม่ ดีกว่ามานั่งเกลียดชังกัน ของกรูดีที่สุด
ในเมื่อคุณบอกว่าได้อ่านแล้ว มีข้อติติงเยอะแยะไปหมด สับรายงานเดิมเสียจนไม่มีชิ้นดี แต่คนที่สับมันก็เป็นฝ่ายรัฐ แล้วจะบอกว่ารายงานครบถ้วนได้ไงมิทราบครับ แล้วที่อีกฝ่ายป่วนหาเรื่องมันจะฝ่ายไหนอีกล่ะในเมื่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมันก็ฝ่ายรัฐ
มันมีมิติอื่นอีกที่เราไม่รู้ครับ ข้อติติงมั่วป่าวก็ไม่รู้ เขียนติงเอาประโยชน์เข้าตัว การเมืองภายในรัฐ การหักหน้า การดื้อด้านค้านลูกเดียว ที่กรรมการศึกษามาเป็นข้อติติง ไม่มีผลทางกฏหมายที่ใช้ยับยั้ง นายก ค.ร.ม. ฟังรายงานมา เขาอาจยอมรับข้อสรุปรายงานมากกว่าจากคณะทำงานติติงก็ได้ เขาเป็นผู้บริหาร แล้วจะยังไงต่อ เมื่อท่วงท่า ท่าทีการเจรจาที่แรงใส่กัน ผลมันก็แบบนี้ ม 44 กันไป
เรื่องสร้างหรือไม่สร้างอำนาจอยู่ที่รัฐ ทำไมสมัยรัฐบาลปูไม่ยอมทำเพราะกลัวมีผลกระทบกับคะแนนเสียง ทำไมรัฐบาลประยุทธกล้าหักดิบเพราะไม่ได้อิงกับคะแนนเสียง ส่วนเรื่องผลกระทบทุกโครงการมีผลกระทบหมด โครงการใหนจะดีจะเลวเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ บางโครงได้มีการสำรวจออกมาว่าไม่น่าสร้างแต่แท้ที่จริงแล้ว ประชาชนเสียผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการนั้นๆไปก็เยอะ บางโครงการมีการสำรวจว่าทำแล้วคุ้มแต่พออยู่ไปนานๆสภาพแวดล้อมเปลี่ยน สถานะการณ์เปลี่ยนกลายเป็นว่าโครงการนั้นกลับไปสร้างความเสียหายความเดือดร้อนให้กับคนในพื้นที่ ก็เยอะหลายโครงกลายเป็นโครงการละลายงบเล่นไปเฉยๆเหมือนเป็นการย้ายปัญหาจากที่หนึ่งไปไว้อีกที่หนึ่ง ส่วนตัวผมตัดสินอะไรไม่ได้ตอนนี้ว่าดีหรือไม่ดี กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในวันข้างหน้า ใครที่ทำผิดพลาดมีผลกระทบกับคนหลายชีวิตจะเป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต อย่ามาอ้างแค่ว่าทำเพื่อชาติอย่ามาอ้างว่าทำเพื่อประชาชน เพราะวันเวลาผ่านไป แต่ส่วนมากโครงการที่มีผลกระทบไม่เห็นมีคนที่อนุมัติสร้างโครงการนั้นออกมารับผิดชอบสักคน อะไรคือเดือดร้อน อะไรคือไม่เดือดร้อน กฏของการทำประชาคมของคนในพื้นที่การรับรู้ข้อมูลข่าวสาร เรื่องผลดีผลเสียหรือผลกระทบ มีรองรับอยู่แล้วทำให้ถูกขั้นตอน โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนในพื้นที่รับรู้แบบทั่วถึงอย่าไปแอบทำประชาคมแบบ เหงียบๆหรือเรียกเอาแต่ฝ่ายสนับสนุนมาทำประชาคม
เรื่องผลทางกฎหมาย พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาสิ่งแวดล้อมระบุให้รายงานต้องผ่านกระทรวงทรัพยากรก่อนครับ ถ้านายกอยากฉีกกฎหมายนี้อีกฉบับก็ตามใจครับ แล้วถ้าดูคำสั่ง 493/2556 นั่นมันก็เป็นการตั้งคนกลางนั่นแหละครับ หลายคนเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย คุณคิดว่าเขาเหล่านั้นจะทรยศวิชาชีพตัวเองไหมล่ะ ถ้าบอกว่าไม่เป็นกลางทำไมทั้งกรมชลทั้ง ngo ที่มีรายชื่อเป็นคณะกรรมการตามคำสั่ง 427/2556 ถึงไม่แย้งกันล่ะ
สมัยเสรีนิยมประชาธิปไตยเบ่งบาน (ตามที่เสื้อแดงอ้างนะ) หักมาแล้วครับ เรื่องยังไม่ผ่าน แต่อนุมัติงบไปก่อน
ที่ประท้วงใหญ่โต ส่วนหนึ่งก็มีเรื่องการเมืองเข้ามาร่วมผสมโรงด้วยแหละครับ มาตอนนี้เลยเห็นแต่กลุ่มดั้งเดิมจริง ๆ ส่วนพวกผสมโรงเนื่องจากการเมืองนี่ยังเห็นเงียบ
ที่ลอยหน้าอยู่ได้ทุกวันนี้ จขกท.คงคิดว่าตอนนี้แดงคุมอำนาจอยู่สินะ หลงลืมอะไรไปหรือเปล่าถ้าหลับอยู่ก็ให้รีบตื่น