ตัวอย่าง อาบัติ (Official Trailer) เผยแพร่เมื่อ 16 ก.ย. 2015... หนังไทย เรื่อง “อาบัติ” นำเสนอเรื่องย่อเอาไว้ว่า “ซัน” เด็กหนุ่มวัย 19 ปีผู้เอาแต่ใจตนเอง ไม่สนใจใคร และใช้ชีวิตคึกคะนองอย่างสุดขั้ว เขาจึงถูกพ่อบังคับให้มาบวชเณรเพื่อดัดนิสัย การบวชอย่างไม่เต็มใจ ไร้ศรัทธา และด้วยความรู้สึกที่ไม่เข้าใจว่าตนเองทำผิดอะไรนักหนา จึงทำให้ซันยังคงใช้ชีวิตเหมือนปกติทั่วไป แม้จะอยู่ในผ้าเหลืองแล้วก็ตาม รวมถึงการแอบคบหากับ “ฝ้าย” สาววัยรุ่นท้องถิ่นผู้โหยหาในความรักซึ่งเหมือนเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวที่ทั้งคู่มีให้แก่กัน และเชื่อมั่นว่าไม่ใช่เรื่องผิดแต่อย่างใด ทุกการกระทำที่ท้าทายการอาบัตินี้ ทำให้เณรซันต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ลึกลับชวนขนหัวลุก ที่ถูกปกปิดไว้ภายในวัด ทั้งเรื่องราวความสัมพันธ์ของสีกากับพระ การเผชิญหน้ากับผีเปรตที่ตามมาขอส่วนบุญ และทวงคืนชีวิตที่ต่างเชื่อมโยงกันอย่างคาดไม่ถึง รวมทั้งความผิดที่เขากำลังวิ่งหนี ก็เข้ามาตอกย้ำให้เขาต้องชดใช้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กรรมใดใครก่อกรรมนั้นตามสยอง...” 1) เมื่อ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์จำนวน 6 คน ตรวจสอบเนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้ มีมติเสียงข้างมาก ไม่อนุญาตให้นำภาพยนตร์เรื่อง “อาบัติ” เผยแพร่สู่สาธารณชน เนื่องจากเห็นว่า เนื้อหาของภาพยนตร์กล่าวถึงพระพุทธศาสนาโดยไม่มีการอธิบายถึงหลักทางพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องพระธรรมวินัยอย่างถูกต้อง ขัดกับข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 29 ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ. สื่อมวลชนรายงานความเห็นของคณะกรรมการเสียงข้างมากด้วยว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีเนื้อหาและภาพบางตอนแสดงพฤติกรรมทางลบของพระสงฆ์ในทางชู้สาว และพฤติกรรมทางลบของพระสงฆ์ จึงมีลักษณะของการประจานความผิด ดูแคลน กดผู้อื่นให้ต่ำลง อันเป็นการแสดงถึงการขาดคาราวะต่อพระสงฆ์ อันเป็นผู้สืบทอดพระพุทธศาสนา ซึ่งผู้สร้างภาพยนตร์ควรคำนึงถึงกาลเทศะ ความเหมาะสม และบริบทสังคมไทยด้วย การนำพฤติกรรมในทางชู้สาวของพระสงฆ์มาแสดงเผยแพร่เป็นจุดขายของภาพยนตร์สู่สาธารณชน ย่อมกระทบต่อความเสื่อมศรัทธาต่อพระสงฆ์และพุทธศาสนิกชน เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์พระสงฆ์โดยไม่มีเหตุสมควร โดยเฉพาะบุคคลทั่วไป ย่อมมีศรัทธา วุฒิภาวะ ปัญญา การใฝ่ใจในธรรมที่ไม่เสมอกัน อาจทำให้เกิดปัญญายิ่งขึ้น หรือเกลียดพระสงฆ์ได้มากขึ้น ทั้งสองทาง 2) น่าคิดว่า หากถือบรรทัดฐานนี้ “เรื่องเล่า” หรือ “เรื่องราว” ที่ปรากฏเป็นข่าวสารสู่สาธารณชนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เกี่ยวกับพฤติกรรมนอกรีตของพระสงฆ์ มิทำให้คนสิ้นศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาไปหมดสิ้นแล้วหรือ? ฉากที่ว่าชั่วร้ายที่สุดในหนัง ยังชั่วร้ายไม่เท่าคลิปภาพจริงที่ปรากฏให้เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เจ้าอาวาสเสพสังวาสสีกา พระเสพยาบ้า พระฉ้อโกงประชาชน ฯลฯ แต่ปัจจุบัน ในสังคมจริง ผู้คนก็ยังไม่สิ้นศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาไปแบบเหมารวม เพราะคนรู้จักแยกแยะ ว่าพระชั่วก็มี พระดีก็มาก เขาก็ทำบุญกับพระที่ยังไม่ปรากฏว่าชั่ว เท่านั้นเอง! 3) ในแง่งานศิลปวัฒนธรรม หากคิดว่าการนำเสนอภาพลบต่อพระเป็นความต่ำทราม ไร้ค่า ไม่สมควรจะให้ได้ผุดได้เกิดในสังคมวงกว้างเลย น่าคิดว่า ในงานวรรณกรรม ศิลปะ มรดกทางวัฒนธรรมของไทยเรา ไม่มีเรื่องพรรค์อย่างนี้อยู่หรอกหรือ ในสื่อสังคมออนไลน์ มีการนำเสนอภาพข้างต้น (ในแฟนเพจ “ละครสะท้อนอะไร”) เพื่อเปรียบเทียบกรณีหนังอาบัติถูกแบน กับวรรณกรรมขุนช้างขุนแผน ที่มีฉากและเรื่องราวของเณรที่มีพฤติกรรมชู้สาว โจ๋งครึ่ม แต่ก็ได้รับการบรรจุในตำราเรียนและได้รับการยกย่องเชิดชูด้วยซ้ำ เฉพาะประเด็นนี้ จึงน่าจะอยู่ที่ “คุณค่าทางศิลปะของการนำเสนอ” เช่น โจ๋งครึ่มเกินไปไหม ไร้รสนิยมหรือเปล่า ละมุนละไมเพียงใด ลึกซึ้งถึงแก่นไหม ฯลฯ ซึ่งผู้เขียนไม่สามารถประเมินได้ เพราะไม่มีโอกาสได้ดู เนื่องจากคณะกรรมการภาพยนตร์ชิงลงกรรไกรไปเสียแล้ว 4) ในเฟซบุ๊คของ “Kornkit Disthan” แสดงความคิดเห็นไว้น่าสนใจ บางตอนว่า “หากจำกันได้เมื่อปี 2553 เราเคยมีกรณีเรียกร้องให้แบนหนังเรื่อง “นาคปรก”เพราะนำเสนอภาพลักษณ์ที่ดำมืดในวัดในวา มาปีนี้มีกรณีเรื่องอาบัติ หนังเรื่องอาบัติทำให้ผมนึกถึงตอนหนึ่งของขุนช้างขุนแผน คือตอนพลายแก้วบวชเณร กับตอนพลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม ซึ่ง “พีคสุดๆ” เป็นตอนที่ขุนแผนยังอยู่ในคราบเณรแก้วเกิดพิศวาสกับนางพิม ถึงขนาด “... ไม่ขาดที่จะแลล่อไปต่อตา ... พอสบพักตร์เณรพยักให้ทันใด ... ด้วยน้ำใจผูกพันกระสันหา ...เชิญกระหยับมานี่เถิดสีกา” จากนั้นพ่อเณรก็ร้อนผ้าเหลือง คิดถึงแต่สีกาอยู่ท่าเดียว ส่วนสีกาโดนมนต์ก็ให้ใจสั่นเร่าๆ เหมือนกัน ต่อมาสองเรานัดพบกัน โดยมีพี่สายทองเป็นแม่สื่อ ซึ่งเณรแก้วครึ้มหนัก รวบหัวรวบหางแม่สื่อเข้าให้ด้วยอีกคน พอนัดกันเสร็จสรรพ พ่อเณรไปแอบสึกชั่วคราว แล้วก็พากันไปเล่นบทอัศจรรย์ที่กลางไร่ฝ้าย ดังบรรยายว่า “... ช้อนคางพลางจูบประคองชม แนบเนื้อแนบนมเจ้าผ่องใส พวยพุ่มตูมตั้งยังเป็นไต อาลัยลูบโลมทั้งกายา ...” (อันนี้แค่เบาะๆ นะครับ บางสำนวนมีติดเรตกว่านี้อีก) พอเสร็จบทอัศจรรย์ เณรแก้วกลับไปขอศีลเป็นเณรอีก สึกเข้าสึกออกอยู่อย่างนี้ แล้วเข้าวัดแบบตัวเบาๆ แถมยังได้เมียมาเชยชม ถ้าเป็นสมัยนี้ได้ถูกถ่ายคลิปประจานไปแล้ว ความบ้าระห่ำของเณรแก้วนั้น ขอให้อ่านบท “พลายแก้วบวชเณร” จนถึง “พลายแก้วเข้าห้องนางสายทอง” เถิด แล้วท่านจะเข้าใจว่าหนังอาบัติยังเทียบไม่ติด ฉากนี้มิตรสหายสายวรรณคดีมักเปรยกับผมอยู่บ่อยๆ ว่า เป็นฉากที่โรแมนติกที่สุดในวรรณคดีไทย แต่ใครที่เคร่งศาสนาอ่านแล้วอาจจะตาเหลือก ซึ่งนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมขุนช้างขุนแผนถึงถูกเซ็นเซอร์ และชำระให้สะอาดเอี่ยมโดยนักปราชญ์ราชบัณฑิตที่รังเกียจเรื่องลามก ถ้าเป็นฉบับชาวบ้านจะอัศจรรย์พันลึกกว่านี้. ผมจะไม่วิจารณ์ความดีความชั่วหนังอาบัติ เพราะยังไม่เคยดู แต่หากถามว่าขุนช้างขุนแผนทำลายศีลธรรมอันดีหรือไม่? ต้องตอบว่า เฉพาะเณรแก้วน่ะใช่ แต่ความผิดไม่ได้ตกอยู่ที่วรรณกรรมชื่อขุนช้างขุนแผน ฉันใดก็ฉันนั้น และในทางตรงกันข้าม พฤติกรรมอันโอหังบังอาจต่อผ้าเหลืองของเณรแก้วทำให้เราเข้าใจว่า ชาวพุทธไทยๆ นั้นมีทั้งเคร่งทั้งหย่อนเป็นธรรมดาสามัญ เณรแก้วพอสึกมารับราชการเป็นขุนแผน ยังไปทำอุบาทว์ในโบสถ์ หลังจากผ่าท้องนางบัวคลี่ ก็เอาลูกอ่อนออกมาแล้วย่างพร้อมร่ายมนต์ทำเป็นกุมารทองต่อหน้าพระประธานกันเลยทีเดียว ใครอยากจะเข้าใจคนไทยสมัยก่อนถึงสมัยนี้ ต้องอ่านขุนช้างขุนแผนนะครับ รวมถึงผู้สร้างหนังด้วย จะได้สร้างผลงานที่ล้ำลึกออกมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าจะสร้างหนังเกี่ยวกับเรื่องไม่ดีงามในพระศาสนา ควรจะศึกษากฎพระสงฆ์ ในกฎหมายตราสามดวงด้วย ในนั้นมีหลายกรณีที่น่าตื่นตะลึงเลยทีเดียว ทั้งเสพกามเลี้ยงสีกา เทศน์ตลกคะนอง อวดอุตริ อาศัยผ้าเหลืองหากิน พระปลอมหลอกเอาเงินคน พระที่ขยันเรี่ยไรเป็น “โจรอันปล้นพระพุทธศาสนา” รวมถึงโยมที่มักง่ายให้เงินพระจนท่านเคยตัว พระที่ไปเหล่สาวเที่ยวสถานที่อโคจร และเจ้ากูที่ชอบฉันสุรายาเมา ฟังแล้วเหมือนสมัยนี้ไหมครับ? กลับมาที่หนังอาบัติ ส่วนตัวเห็นว่าไม่ควรจะแบน รวมถึงหนังเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้านี้ด้วย ควรให้ฉายโดยติดเรต จะดีจะชั่วประการใดสังคมจะตัดสินเอง ถ้ามันดี หมายความให้แง่คิดน่าสนใจมีเหตุผล ชาวพุทธก็ควรนำมาขบคิดต่อ เพื่อหาทางป้องกัน หากมันเป็นหนังที่ใช้ไม่ได้ ไร้เหตุผล มันก็แพ้ภัยตัวเองไป…” 5) อยากจะให้คณะกรรมการเซ็นเซอร์หนังเรื่องนี้ ไปทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจตรา เอาผิดพระในโลกจริง ลองเพ่งไปที่พระปาราชิกแล้วจริงๆ เจ้าลัทธิจานบิน ถึงขนาดสมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิต แต่ทุกวันนี้ก็ยังลอยหน้าลอยตาห่มเหลือง เรี่ยไรเงินทำธุรกิจบุญอยู่นะจ๊ะ อมเงินโกงสหกรณ์นะจ๊ะ ยังไม่เห็นคณะสงฆ์ทำอะไรได้ อย่าว่าแค่ “อาบัติ” เลย! กวนน้ำให้ใส สารส้ม แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา @ Sirisak Borisutsawat ห้ามฉายหนังเรื่อง ‘อาบัติ’ แต่พระปาราชิกจริง ยังปล่อยให้รวยนะจ๊ะ Warut Worajin อาบัติ เสียดายครับ คนแชร์ไม่ระบุพิกัด แต่ฟังสำเนียง น่าจะทางใต้ !!!! รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่น เริ่ดจริงๆ มีนมมีเล็บ แต่งหน้าตาปาก รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่น บ้ากันไปใหญ่แล้ว !!
รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่น แหม่ ? ทำไปได้ เปิดซ่องดีมั้ยพระคุณเจ้า ใครอยากดูภาพที่ไม่เซ็นเซอร์ ให้ขอทาง inbox ของเพจนะครับ แม่โชกุน แม่โมกุน สองคนนี้ ทั้งอายัด วิบัติ บัดซบ... @Rang70 อาบัติ ไม่แสบเท่า อายัด นำแสดงโดย ช่วง ช่วง & น้ำฝน รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่น ไอ้ตัวนี้ละ ที่บอกให้คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดีทัศน์ แบนภาพยนตร์เรื่องอาบัติ รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่น หลวงพี่ตกปลาแป๊บ นะจ๊ะคุณโยม
Warut Worajin อ้าว ปกปิดเหรอ !!! ไม่นึกถึงคนที่มากราบไหว้บ้างเหรอ คนไหว้ นับถือ มีศีล มีศรัทธา แต่ตัวที่ถูกไหว้กับ อาบัติ แล้วปกปิด เจอแบบนี้ กูนี้ งง เลย
เสื่อมหนัก!! พระนัดสีกาในรีสอร์ตมั่วเสพยาบ้า-ร่วมเพศ แฉทำมานานกว่า 3 ปี (ชมคลิป) http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9580000102725 ศูนย์ข่าวขอนแก่น - มารศาสนา! หลวงพ่อตัดกิเลสไม่ขาดยังหลงติดในกาม นัดพบสีกาในรีสอร์ตมั่วเสพยาบ้า ทั้งเตรียมเสพเมถุนกลางวันแสกๆ สารภาพนัดคบหากันมากว่า 3 ปี แอบมีเพศสัมพันธ์ทั้งฝ่ายสามีของสีการู้โดยตลอด พระฤทธิรงค์ หรือหลวงพ่อแก้ว อายุ 57 ปี มั่วสีกาเสพยาบ้า วันนี้ (10 ก.ย.) เมื่อเวลา 14.00 น. พ.ต.ท.เศรษฐศักดิ์ ศรีดี สว.สส.สภ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สืบทราบว่า มีการเปิดห้องพักเสพยาบ้า จึงเข้าตรวจสอบที่สวนคูณรีสอร์ท ห้องหมายเลข 10 หน้าห้องมีรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีแดง หมายเลขทะเบียน ฐบ 9460 กรุงเทพมหานคร และรถจักรยานยนต์ฮอนด้าซีอาร์บี สีดำทะเบียน 1 กฐ 9643 ขอนแก่น จอดอยู่หน้าห้อง เคาะประตูเรียกคนภายในห้องเปิดเพื่อขอตัวตรวจค้น พบว่า ภายในห้องมีพระสงฆ์ 1 รูป และหญิงสาว 2 คน กำลังมั่วสุมเสพยาเสพติด สามารถยึดอุปกรณ์การเสพ และยาบ้า จำนวน 3 เม็ด นำตัวไปตรวจปัสสาวะพบว่า มีสีม่วงทั้ง 3 คน สอบสวนทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุพระฤทธิรงค์ หรือหลวงพ่อแก้ว อายุ 57 ปี จำพรรษาอยู่วัดสว่างโนนงาม บ้านป่าหนองอีเหน ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น ได้นัด น.ส.นวพร ปริญญาพล อายุ 34 ปี และ น.ส.พรวิวาห์ แสนกุล อายุ 23 ปี อยู่บ้านจอมพล หมู่ที่ 10 ต.คำม่วง อ.เขาสวนกวาง ให้มาพบที่สวนคูณรีสอร์ท เพื่อทำการเสพยาเสพติด และทำกิจกรรมทางเพศ ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นพบว่าทั้ง 3 คน กำลังเสพยาเสพติดอยู่นั้น เพื่อรอเวลาเสพเมถุน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาตรวจค้นพอดียังไม่มีกิจกรรมทางเพศเกิดขึ้น ด้านพระแก้ว ให้การรับสารภาพว่า ตนบวชเป็นพระมาได้ 3 พรรษา และมีภรรยาแล้ว สาเหตุที่บวชเนื่องจากภรรยาจับได้ว่ามีกิ๊ก คือ น.ส.นวพร จึงได้ให้บวชเพื่อให้ศาสนาขัดเกลากิเลส แต่ก็อดคิดถึง น.ส.นวพร ไม่ได้ จึงได้นัดหมายพบกันมาตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยนัดกันเสพเมถุนกันตลอด ซึ่งสามีของ น.ส.นวพร ก็ทราบเรื่องนี้แต่ก็ยังแอบได้เสียกันเป็นประจำจนถูกจับได้ในที่สุด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวพระแก้ว ทำการสึกที่วัดบ้านเสียว ต.วังชัย อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ก่อนจะดำเนินคดีแจ้งข้อหาทั้ง 3 คน ในข้อหาร่วมกันเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามกฎหมายต่อไป Kong Puttiringsimapron พระครูภาวนาจริยคุณ เจ้าคณะอำเภอบางคล้า ร่วมกับ พระครูนันทสิทธิกร เจ้าคณะตำบล , พ.อ.สุรินทร์ เจริญชีพ หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปรามจังหวัดฉะเชิงเทรา , นายธีรพงธ์ อินทร์พันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดฉะเชิงเทรา , ที่เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองอำเภอบางคล้า ได้ร่วมกันตรวจหาสารเสพติดในพระสงฆ์จำนวน 8 วัด ในอำเภอบางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อให้ทุกวัดในอำเภอบางคล้า เป็นวัดสีขาว ปลอดยาเสพติด สร้างความเชื่อมั่น ความศรัทธาของญาติโยม ได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเหมือนเช่นในอดีต # โดยในเบื้องต้นพบพระสงฆ์ที่เข้าข่ายจำนวน 10 รูป รับสารภาพว่าเสพยาบ้าจริง จำนวน 4 รูป ทางเจ้าอาวาสจึงให้ลาสิกขาจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์ เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัด ส่วนอีก 6 รูปที่เหลือ ทางเจ้าหน้าที่ได้ส่งผลตรวจปัสสาวะให้กับโรงพยาบาลเพื่อตรวจแยกสารเสพติดอย่างละเอียดอีกครั้ง / ในขณะที่พระบางรูป ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจค้นภายในกุฏิ แต่ไม่พบสิ่งเสพติด กับพบสื่อ CD ลามกอนาจารจำนวนมาก โดยหลวงพี่อ้างว่ามีไว้ชมเพื่อปลง....?
รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่น ยังโสดจีบได้นะค่ะ แถมมีนมด้วยนะเอ่อ (ล่าสุดนางเปลี่ยนภาพโปร์ไฟล์แล้ว) ลิงค์นาง https://www.facebook.com/minna.love.71 **** ยังไม่นับ ส่วนที่ต้อง spoiler ไว้หลังกุฏิ
สุรพล ร้อยแก้ว เรื่องจริงยิ่งกว่า อาบัติ มันวิบัติแน่นอนหากยังปล่อยให้พวกโล้นห่มเหลืองอาศัย ศาสนาบังหน้า..หากิน
คลิปสายมืด ร่วมกันแชร์เพื่อนำไปสู่การจับตัวมาลงโทษ !!! 18+ ซักบ้องไหมโยม??? "อย่าแบนกูบ่อยเลยกูไหว้ล่ะ"
ผมนะอยากให้ออกกฎหมายโดยเฉพาะไปเลย ใครเป็นบุคคลต้องห้ามในศาสนา ไม่เฉพาะแค่พุทธฯนะ ทุกศาสนาต้องควบคุมหมด ถ้ามีกรณีเกิดขึ้น ให้องค์กรทางศาสนาเป็นผู้ควบคุม และตัดสินก่อน แล้วถ้าผิดจริง ให้ถือว่าบุคคลนั้น เป็นบุคคลต้องห้าม ห้ามยุ่งเกี่ยวกับศาสนา ห้ามบวช ห้ามตั้งลัทธิ ห้ามเผยแพร่ศาสนา ถ้ากระทำตามนี้ ให้ถือว่ากระทำผิดตามกฎหมาย ให้มีโทษจำคุก เป็นคดีอาญา นำคดีขึ้นโดยศาลยุติธรรมปกติ ในกรณีที่บุคคลทำผิดกฎหมายอาญาในขณะอยู่ในศาสนาจักร ให้เพิ่มโทษไปจากเดิมด้วย ผมว่ามันน่าจะช่วยแก้ปัญหาพระสงฆ์ปลอม หรือพระสงฆ์ที่กระทำผิดแล้วถูกสึก แต่แอบกลับไปบวชใหม่ ครูสอนศาสนาที่มีแนวคิดสุดโต่งรุนแรง แต่รัฐฯ ก็ไม่สามารถไปจัดการอะไรได้
เพื่อชาติ เพื่อพ่อหลวง เอาที่สบายใจผ้าเหลืองไปเลยนะ เจริญทั้งพวง !! เจ้าคณะจังหวัดเป่าเค้ก ผู้ว่าฯ นำทีมตบเท้าร่วมเบิร์ดเดย์ แชร์แบบเนี้ย จะโดนย้ายมั้ยน๊อ....ปู้ด ปู้ด !! http://www.naewna.com/local/158960
เรื่องจริงบางทีมันก็เจ็บปวดเกินที่จะรับได้ ไม่อยากให้เขาประจานเพราะอายแต่ทีตอนทำชั่ว กลับไม่อายทั้งที่ตัวเองเป็นพระเป็นผู้มีศีล227 ถามจริงปัจจุบันพระรักษาศีล227ได้สักกี่ข้อ พระบางองค์แตกต่างจากฆราวาสแค่โกนหัวอยู่วัดห่มเหลือง
ไม่รู้นะ ผมว่าหนังไม่ได้ช่วยอะไร เอาเรื่องพระเลวๆ คนห่มเหลืองมาเป็นจุดขายเพื่อทำกำไร ส่วนหนังเรื่องนี้จะฉายหรือไม่ฉาย พระเลวๆ คนห่มเหลืองก็ยังมีอยู่ดี แถมประชาชนก็ได้รับรู้ ผ่านข่าวสาร โซเชี่ยล กันมากมายเหมือนเดิม ประเด็นคือ มีพวกร่านฯ อยู่กลุ่มหนึ่งที่ไม่รู้ว่าจะดูหนังเรื่องนี้หรือเปล่า เกิดอาการเสรีภาพเข้าสิง รับไม่ได้ที่หนังถูกห้ามฉาย ริดรอนเสรีภาพ พยายามอย่างยิ่งที่จะดึงเรื่องนี้ให้เป็นเรื่องการเมือง ระดับประเทศ สร้างกระแสกะลาแลนด์บ้าง เผด็จการบ้าง เจอข่าวพระเลวรับกันไม่ได้ เจอหนังพระเลวบอกให้แง่คิด
สิ่งที่ทำลายศาสนาได้ดีที่สุดคือคนในศาสนานั้น ๆ ต่อให้คนภายนอกทุบหรือทำลาย สักเพียงไหนก็ไม่มีวัน จะทำลายได้ หากแต่คนในศาสนานั้นจ้องทำลายกันเอง
จับแล้ว "เณรกระเทยแสบ" ก่อคดีมา ยาวเป็นหางว่าว พ้นโทษจากสถานพินิจฯ แอบไปบวชอีก ออกลายเดิมลักทรัพย์ ก่อคดีซ้ำ ไม่เว้นแม้เจ้าอาวาส และโยมอุปถัมย์ของตัวเอง พอได้เงิน กลางคืนถอดผ้าเหลือง แต่งชุดกระเทยเกาะอก ออกดื่ม-เที่ยวตามสถานบันเทิง http://www.cm108.com/bbb/topic/3030-คลิป-จับได้แล้วเณรแสบเข้าร้/ ชาวเน็ตจวกยับ !! "หนุ่มนะยะ" ห่มเหลือง เป่าเค้กฉลองวันเกิด ซัดแรงทำพุทธศาสนาเสื่อม! http://social.tnews.co.th/content/164016/ "พระตุ๊ด - เณรแต๋ว" ความอัปยศของวงการพระพุทธศาสนาไทยจริงหรือไม่? http://pantip.com/topic/31761583
ล่าสุดเปิดผ่านช่อง voice ปัญญาอ่อน สัมภาษณ์ใครก็ไม่รู้บอกประมาณว่าไม่ควรผูกขาดความคิด อย่ามองศาสนาว่าสูงส่งจนจับต้องไม่ได้ เหมือนรัฐบาล คือเผด็จการ วกเข้าการเมืองและเนียนด่าได้งี่เง่าจริงๆ
สีกาอมนกเขาพระคาผ้าเหลือง ข่าวฟรีทีวีตายแล้ว หนังเรื่องอาบัติ พศ และกระทรวงวัฒนธรรม งดฉายฉบับเต็ม ต้องตัดบางฉากออก อ้างว่า ทำร้ายศาสนานั้น หารู้ไม่ว่า เรื่องจริงบางเรื่องหนักกว่านี้อีกใช่หรือไม่???? เณรมั่วสีกา จัดเซ็กส์หมู่เอาท์ดอร์ริมชายป่า เจอสายตำรวจบุก! ผ้าเหลืองสะดุ้งหนี ทิ้งชะนีนั่งสะอื้น http://news.boxza.com/view/39860 เป็นอีกหนึ่งคลิปเหตุการณ์ที่ชาวเน็ตอยากตะโกนดังๆ ว่า "อาบัติมั้ยล่ะโยม" ก็เพราะเณรน้อยวัยกลัดมันแห่งวัดดังเมืองขอนแก่น 3 รูป ไม่รู้ว่าเกิดอาการกำหนัดขนาดไหน ถึงขั้นนัดแนะสีกาสาวมาที่ชายป่า 2 คน ก่อนจะเริ่มปฏิบัติภารกิจเซ็กส์หมู่พุ่มไม้สะบั้น แต่กระนั้นก็ยังมีชายคนหนึ่งซึ่งอ้างว่าเป็นสายตำรวจ บุกเดี่ยวทลายรังรักครั้งนี้! ทำเอาเณรหนุ่ม 3 รูป รีบเนียนวิ่งหนีผ้าเหลืองปลิวไสว ในขณะที่สาวน้อยสีกาก็แสนอับอาย นั่งก้มหน้างุดสะอื้นไห้คาชายป่า วันที่ 20-10-58 เวลา 11.00 ประมาณ ที่สวนสาธารณะเเห่งนึ่ง ในจังหวัดขอนเเก่น ผมเห็นเณร เเละสาวๆ ไปอยู่ที่ลับมา นานๆๆๆ มาก ผมก้เลยไปเเอบถ่ายดู เพราะมันไม่เหมาะสมครับ ทุกอย่างตามภาพเลยครับ ดูเอาโลด ลืมบอก ผมไม่ใช่สายตำหนวดนะ ผมพูดไปงั้นๆครับ และนี่ก็เป็นเหตุการณ์สะทึกใจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และก็ยังไม่มีใครทราบว่าจะเป็นเช่นไรต่อไป เนื่องจากฝ่ายเณร 3 รูปนั้น ก็วิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่จะได้เห็นใบหน้าในคลิป ส่วนหญิงสาวทั้งสองคนก็คงได้รับการอบรมสั่งสอนและปล่อยตัวกลับบ้านต่อ
หนังเรื่องนี้ ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ดูแล้ว บอกได้แต่ว่า เป็นหนังผีที่มีพล็อตเรื่องเป็นพระทุศีล และที่อาบัติก็ไม่ใช่เณรตัวเอกในเรื่อง
