เช้าวันนี้ (24 พ.ย.) เว็บไซต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เผยแพร่บทสัมภาษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมือง โดยถือเป็นบทสัมภาษณ์ชิ้นแรกของ น.ส.ยิ่งลักษณ์หลังการรัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ผ่านมาเป็นเวลาหกเดือน ในบทสัมภาษณ์ที่ใช้ชื่อว่า Yingluck saw the coup coming น.ส.ยิ่งลักษณ์เปิดเผยว่า เธอรู้ตัวตั้งแต่วันแรกที่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้วว่า จะต้องมีจุดจบด้วยการถูกทำรัฐประหารโดยคณะทหารเหมือนกับที่เคยเกิดกับพี่ชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในปี 2549 “ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วว่า หากไม่มีการดำเนินการอะไรบางอย่างจากองค์กรอิสระหรือศาล ก็ต้องเป็นการรัฐประหาร” น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ พร้อมกับเปรียบเปรยด้วยว่า สถานการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นั้นเหมือนกับการที่ประชาชนยื่นกุญแจรถให้เธอขับและบอกให้เธอขับรถนำพา ประเทศไทย ทว่าอยู่ดีๆ ก็มีคนเอาปืนมาจี้ที่หัวและบอกให้เธอลงจากรถไป ส่วนปัญหาเกี่ยวกับข้อกล่าวหาเรื่องความผิดในกรณีละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่ในกรณีโครงการจำนำข้าว ซึ่งมีผลสรุปว่ามีผลขาดทุนกว่า 6 แสนล้านบาท นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา และยืนยันว่าต้องการจะสู้คดี โดยไม่หลบหนีไปไหน แม้ว่าในช่วงหลังเธอจะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง เช่น ไปยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ซึ่งทุกครั้งเธอยืนยันว่าได้ขออนุญาต กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างถูกต้อง “ก่อนหน้านี้ ดิฉันบอกกับ พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.) ว่า เขาสามารถวางใจได้ว่า ฉันจะไม่หนีไปไหน” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว และยังเปิดเผยด้วยว่า หากไม่ติดข้อกฎหมายหรือปัญหาอะไรเธอก็พร้อมจะลงเลือกตั้งทั่วไปในปี 2559 ในส่วนของชีวิตประจำวันหลังการรัฐประหาร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงระบุว่า เธอพยายามทำตัวให้เงียบเอาไว้ ส่วนใหญ่ใช้เวลาในการอ่านหนังสือ เจอกับเพื่อนฝูง ออกไปทานข้าวนอกบ้าน และชอปปิ้ง นอกจากนี้ก็มีการดูแลบ้าน และดูแลบุตรชาย “น้องไปป์” ศุภเสกข์ อมรฉัตร โดยขณะนี้งานอดิเรกชิ้นหนึ่งของเธอก็คือการ “เพาะเห็ด” ไว้ที่สวนในบ้าน โดยการได้เห็นเห็ดเจริญเติบโตถือว่าช่วยผ่อนคลายได้อย่างมาก ขณะเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเปิดเผยด้วยว่า เธออาจจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับช่วงชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะเขียนจากความทรงจำว่าใครทำอะไรและพูดอะไรไว้บ้าง http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000135323 สู้ ๆ ครับ ท่านยิ่งลัก
เหอๆๆ…ว่าจะเอามาลงแบ่งปันกันอ่าน เพื่อให้ช่วย วิเคราะห์ วิจารณ์ ที่เธอให้สัมพลาด อยู่พอดี... ผมชอบน่ะครับ ที่เธอจะไป 'ปลูกเห็ด เก็บเห็ด'... เธอคงเห็นว่า มันขึ้นง่าย ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก เมื่อครั้งเห็นมันโผล่ขึ้นเองที่ทำเนียบนู่นมั๊ง... หรือไม่ก็ เธออาจจะติดใจเจ้าเห็ดพันธุ์นี้เข้า... เขาว่าว่า เวลามันออกดอกทีนุง มันออกมาทีเดียวพร้อมกันเป็นร้อยๆดอก... เวลามองเห็น เธอคงเลียปากแทบไม่ทันแน่ๆ... https://www.gotoknow.org/posts/97852 ยังไงๆ ก็อย่าเอา เห็ดหัวยักษ์ มาปลูกแล๊ะกัน...
"สถานการณ์เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นั้นเหมือนกับการที่ประชาชนยื่นกุญแจรถให้เธอขับและบอกให้เธอขับรถนำพา ประเทศไทย ทว่าอยู่ดีๆ ก็มีคนเอาปืนมาจี้ที่หัวและบอกให้เธอลงจากรถไป" เหมือนไฟแนนซ์มายึดรถคืนเพราะขาดผ่อนมากกว่า... หนี้หัวบานเลย โชคดีมีคนมาผ่อนต่อให้
ทุกวันนี้ไอ้คนยื่นกุญแจให้ขับรถเนี่ย มันรู้หรือยังว่า เจ๊ขับรถไม่เป็น เจ๊ถึงได้ชนเละเทะ ยับเยินขนาดนี้ แถมดันพาคนรอบข้างเขาซวยไปด้วยนี่สิ
บอก กงกง เลยน๊ะ... ยิ่งพืด ยิ่งโชว์ง่าว โชว์สติปัญญาที่ ไม่มีอยู่เลย... ทำเป็นมาอุปมา อุปมัย อย่างนู้น อย่างนี้ ให้ฟังแล้วดูดี... ที่ไหนได้...ไม่ได้รู้ 5 อะไรเลยนี่หว่า... โดยเฉพาะที่ว่า... ไม่ได้ฟังคลิปถั่งเช่าหรือไง...แม่คู้น...
ก็คุณอยากยุบสภาเอง พอเลือกตั้งใหม่ก็เป็นโมฆะ ตอนนั้นคุณไม่ได้เป็นแม้แต่นายกรักษาการ แล้วคุณถูกเอาอะไรไปหรอ คนไทยทั้งชาติต่างหากที่ถูกปล้นไปไม่รู้เท่าไหร่จากนโยบายผลาญชาติ ทั้งหลาย
ผมบอกแล้วอย่าไว้ใจประยุทธ์ และสุเทพสุดท้าย คลิปถั่งเช่าแม่มท่าจะจริง ผมเหรอชาตินี้จะไม่ไปเลือกตั้ง จนกว่าตระกูลชินจะหายไปจากการเมืองไทย รอเวลาออกมาชุมนุมไล่ คสชไม่ต้องรอให้ถึงวันเลือกตั้งเอาปูเน่ากลับมาอีก
กำหนดวุฒิการศึกษาแค่ ป.4 ก้อพอ เด็กๆ จะได้ลงสมัครได้ จะได้มีตัวเลือกมากขึ้น มีคนเก่งเข้ามาบริหารแยอะขึ้น แพรต ก้อลงสมัครได้ เพราะเก่งกว่า E'Ngo แน่นอน
อีเจ๊นี่ ขับรถไม่เป็น คนไปไล่ ไม่ให้ขับ เพราะชนคนอื่นแหลกราญ ยังโง่และดื้อ จะขับท่าเดียว ต้องใช้ตำรวจจับไปสงบสติอารมณ์ในคุก น่าจะเหมาะกับมันจริงๆ ถ้ายังบ้าอยู่ ก็จับส่งศรีธัญญาไปเลย ส่วนควายแดงโง่ๆ ที่ยื่นกุญแจให้ขับ ยิ่งกว่าโง่และบ้า พวกนี้ต้องเอาไปฝังอย่างเดียว เชื้อโง่ ไม่มีวันหาย
เราเฉยๆ นะ ไม่กระวนกระวาย เวลาออกไปกันก็เอาใจช่วยทุกคน แต่เธอเอง พยายามเก็บอารมณ์ตัวเองไว้บ้าง และฟังข่าวให้รอบด้าน มองโลกด้วยสายตายาวๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ได้สนองตัณหาของตัวเองซะทั้งหมด ยิ่งหมกมุ่นมาก ยิ่งทุกข์มาก จำไว้ คำสอนอันนี้ ถ้าเธอคิดได้ สังคมรอบข้างก็ยังให้อภัยอยู่ เราพูดแค่นี้แหละ ไม่ต้องตอบเราแล้ว
เข้าไปอ่านในเพจ มีคนโพสต์ว่า อีโง่ขับรถจะตกเหวแล้ว ยังจะขับรถไปต่อ คนเขาเตือนบอกให้หยุด ก็ไม่หยุด นี่แค่เอาปืนจี้ให้ลงจากรถก็ดีตายแล้ว ดีไม่เอาปืนยิงแสกหน้า ก็บุญแล้ว
เห็นนาน่วมออกมาดริฟท์แล้วว่า ได้ไปอยู่ในวงคุยกะอิเห็ดสดเลยเอามาเขียนเองเพื่อเป็นสีสรร (ซะงั้น) จริงๆแล้ว อิเห็ดสดทำท่าถอดใจแล้ว บอกว่า ไม่รู้อนาคตจะเป็นอย่างไร จะไปลงเลือกตั้งได้อย่างไร แล้ววอยซ์ทีวี กะอีกหลายเวบก็ลบข่าวนี้แล้วด้วย
ผมอ่านข่าว บางกอกโพสต์ 2 รอบแล้ว ก็ไม่มีตรงไหนเรียก นะ สมกับเป็นสาวกน้ำเหลวดักดานของไอ้แป๊ะจริง ๆ เรื่องพาประเทศไปสู่หายนะเค้าด่านังปูทั้งบ้านทั้งเมือง แต่ phat หน้าขนอ่อนก็ยังดักดานจัญไรโทษว่าเป็นความผิดคนอื่น (ที่ต่อต้านนังปูว์) ได้อยู่ดี อ้อแล้วเรื่องไอ้รอเวลาออกมาชุมนุมน่ะ ขอบอกข่าวร้ายว่าที่แป๊ะเคยเห่าหอนออกไปนั่นน่ะ แค่เป็นการ เคาะกะลาให้หมาดีใจ เล่น ๆ ไปงั้นแหละ แต่ก็นั่นแหละสาวกดักดานประเภท phat ก็โง่เกินเยียวยาไม่งั้นคงไม่มุดอยู่แต่ในรูนอนอ้าปากรอแด๊กน้ำเหลวลิ้มไปวัน ๆ หรอก จึงไม่รู้เลยว่าไอ้แป๊ะมันตกใจแค่ไหน เพราะไม่นึกว่าสาวกน้ำเหลวจะกระเหี้ยนกระหือรือจริงจังขนาดนี้ ดูดิว่าหลังจากวันนั้น ไอ้แป๊ะไม่กล้าพล่ามเรื่องออกมานำม็อบลุยเองอีกเลยยยยยยย
สมองนางเพี้ยนตั้งนานละ ถ้าไม่บ้าก็เล่ห์ร้ายสุดๆ คนเราจะจำผลงาน พฤติกรรมอะไรสักอย่างได้แม่นๆ ถ้าไม่ใช่เรื่องดีสุดขั้วก็ชั่วสุดตรีน รธน. ปี 50 ซึ่งเป็นฉบับที่เพิ่งถูกฉีกไปเกือบทั้งหมดก็เคยกำหนดคุณสมบัติ ส.ส. แบบว่าไม่จำกัดวุฒิการศึกษา หญิงเหล็กจริงๆ ครับ แต่เหล็กขึ้นสนิม สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน ผมมีข้อสังเกตว่า รัฐประหาร 2 ครั้งหลังในบ้านเรา ยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการ ไม่ใช่รัฐบาลอำนาจเต็ม ครั้งนี้ไม่อยากให้เสียของนะ ถ้าเสียนี่ อาจมีครั้งต่อไป
โดว์ ปชป คมช และคสช ไม่เคยทําคามสัญญาจะขุดรากถอนโคนไอ้แม้วว่ะ สิ่งที่เรียกร้องล้วนแลว้ทําเพื่อชาติมีแต่พวก ปชปมุบมิบ ปชปตอนนี้ปฏิรูปพรรคคิดเรื่องเปลี่ยนหัวหน้า ปชปยังมาร์คตอนนี้เป็นหัวหน้าพรรคมานานแล้วได้เวลาเปลี่ยนหาคนรีุ่นใหม่ได้แล้วเผื่อผมจะได้มาเลือกปชปมั่ง ถ้า กปปส หรือ คสชขุดรากถอนโคนแม้วก็ไม่ต้องมานั่งสงสัย คสชหร้อก ผมเนี่ยอัดอั้นรอดู คสชมานานแระ
เดี๋ยวนะ ปชป คมช คสช เคยสัญญา (หรือมีระบุกำหนดเวลาว่าจะทำให้เสร็จ) ตอนไหน เวลาไหน ว่าจะขุดรากถอนโคนไอ้แม้ว phat หน้าขนอ่อนไปหาหลักฐานมาแปะไว้หน่อยดิ พ่นเรื่องนี้ออกมาเอง ก็ควรจะหาหลักฐานมาเอง อย่าหน้าตัวเมียทำแถไถตะแบงไปเรื่องอื่นกลบเกลื่อนเหมือนที่เคยทำซ้ำซากมานะ
ตกลงพูดตอนอยู่ ปชป. หรือพูดตอนอยู่ กปปส. แล้ว คมช คสช ไปสัญญาเรื่องขุดรากถอนโคน เมื่อไหร่ ตอนไหน อย่าหน้าตัวเมียแกล้งหนีไปเหมือนที่แล้ว ๆ มาอีกล่ะ
ออ.....!! ลืมไป ให้กำหนดอายุด้วย ลดเหลือแค่ 12ปีก้อพอ เพราะปัญญากึ้นนก ก้อไม่ได้สูงกว่านี้ ขนาดพูดหน้าชั้น ตีแบต เฮ้ยยยย ดีเบต ยังไม่ได้ นับเดือนยังไม่ครบ อ่านเลขยังไม่ถูก อย่างน้อยๆๆ แพรต จะได้ลงสมัครได้ เพราะปัญญา MEM. 1.44MB. ยังมากกว่าอีก
ไม่ต้องไปเลือกตั้งหรอก ให้ตระกูลชินเป็นรัฐบาล 60 ปีไปเลย พอมีการเลือกตั้ง ก็ออกมารณรงค์ให้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม้ว โหวตโนซะ แค่นี้ก็ไม่เสียชาติเกิดแล้ว ปล่อยให้เสื้อแดงเค้าเลือกตั้งไป จะได้เป็นการแก้แค้น ปชป.ไปในตัวด้วย ที่ทำให้ คุณพ่อน้องแพท เป็น สส.สอบตก
ผมเห็นต่างนะครับ ถ้าฝั่งมันแน่จริง มันไม่ออกมาตีป่าให้เสือกลัวแบบนี้หรอกครับ ถ้ามันแน่จริงป่านนี้มันออกมาสนับสนุนการแก้รัฐธรรมนูญ สนับสนุนทหารไปนานแล้ว ออกมาพูดแบบนี้มันเท่ากับพยายามส่งซิกให้เตรียมเผาเมืองรอบสอง ถ้ามันโดนถอดถอนมากกว่า เพราะพูดแบบนี้แสดงว่าตั้งธงแล้วว่ามันต้องไม่โดนถอดถอนเท่านั้นถึงจะยอมรับ
ผมไม่เห็นภาพ คนขับรถนำพาประเทศ นะ แต่เห็นภาพคนขับรถบรรทุกข้าวมาเต็มคันรถ ตะบี้ตะบันขับเพื่อไปช่วยพี่ชายโดยไม่ฟังเสียงของประชาชนที่ออกมาร้องห้ามกันเต็มถนน ขับชนระเนระนาด ข้าวตกหล่นเสียหายเละเทะ เท่านั้นยังไม่พอ เห็นไปหยุดรับญาติ คนหนึ่งขึ้นรถไปด้วย แล้วขับปาดหน้ารถ ถวิล เปลี่ยนสี จนรถของถวิล เปลี่ยนสี กลิ้งตกถนนไป โชคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าขืนปล่อยไว้แบบนี้ ประเทศนี้คงไม่รอด เลยสั่งให้หยุดรถ แล้วบอกว่า คุณหมดสภาพคนขับรถแล้ว คุณขับรถปาดหน้าเขาจนตกถนนแบบนี้ ขับต่อไปไม่ได้หรอก แต่ปรากฎว่าคนขับรถคันนั้นกลับดื้อ บอกไม่ขับก็ได้แต่จะนั่งอยู่อย่างนี้แหละ เพื่อรักษาประชาธิปไตย รถมันเลยจอดขวางทางอยู่อย่างนั้นแหละ เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ ชาวนาที่วิ่งตามมาทวงค่าข้าวรู้สึกหมดหวังอย่างแรง เลยฆ่าตัวตายไปทีละคนสองคน ในที่สุดก็มีคนที่เขาทนเห็นสภาพแบบนี้ไม่ไหว ก็เลยมาไล่คนขับรถคนนั้นลงจากรถไป เพื่อจะได้ทำการเก็บข้าวที่ตกหล่นเสียหาย และหาเงินค่าข้าวคืนให้ชาวนาไป ภาพที่ผมเห็นนี่ คงไม่ใช่คุณยิ่งลักษณ์ นะ เพราะคุณยิ่งลักษณ์ท่านใช้สำบัดสำนวนเปรียบเปรยว่าท่านถูกปืนจี้หัวไม่ให้ขับรถ แต่ภาพที่ผมเห็นนี่ เป็นศาลรัฐธรรมนูญท่านวินิจฉัยว่าคนที่ขับรถไปก้าวก่ายแทรกแซง เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ในเรื่องการบรรจุแต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง เลื่อนเงินเดือน แบบนี้ ต้องหมดสภาพคนขับรถ
เขียนไปก่อน... แก้ตัวทีหลัง Wassana Nanuam “ยิ่งลักษณ์” ปฏิเสธข่าว พร้อมที่จะลงเลือกตั้ง เพราะยังไม่รู้อนาคตของตัวเองเลยว่าจะเป็นอย่างไร แค่พร้อมชี้แจงต่อสู้คดี เท่านั้น พร้อมที่จะช่วยเหลือสังคมและประชาชน ในฐานะอื่น ที่ไม่ใช่นักการเมือง อาจเป็นนักสังคมสงเคราะห์ และทำหน้าที่ คุณแม่-แม่บ้าน อ่านหนังสือ -เพาะเห็ด และอาจใช้เวลาว่างในการเขียนบันทึก เขียนหนังสือ ไปดีกว่า จากกรณีที่หนังสือพิมพ์ บางกอก โพสต์ ลงข่าว น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดเผยชีวิต ๖เดือนหลังการรัฐประหาร โดยเล่าว่า ก็อยู่เงียบๆ ให้ความร่วมมือกับ คสช. และได้กลับมาทำหน้าที่คุณแม่ ชดเชยเวลาที่ผ่านมา ในการดูแล น้องไปป์ อย่างเต็มที่ และทำหน้าที่แม่บ้าน โดยในตอนหนึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เผยว่า “ตอนนี้เป็น “แม่บ้านสมองซื้อ” เพราะทำอาหารไม่เก่ง เลยได้แต่คิดเมนู แล้วก็ไปซื้อ มาให้แม่ครัวทำให้” รวมทั้ง เผยว่า เธอหันมาเพาะเห็ดนางฟ้า ไว้ที่บ้าน เพื่อเอาไว้ทำอาหารทานเองในบ้าน เมื่อถาม ถ้ามีเลือกตั้ง จะลงเลือกตั้งหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่รู้อนาคตตัวเองเลย เพราะหลังรัฐประหาร ตนเองก็ไม่ได้เป็นคนเลือกเส้นทางชีวิตตัวเอง ไม่มีทางเลือกอะไรมากนัก แต่ก็พร้อมที่จะช่วยเหลือสังคม และไม่ทิ้งประชาชน โดยอาจทำหน้าที่ในฐานะ นักสังคมสงเคราะห์ ก็ได้ หากไม่ได้เล่นการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้บอกว่า เธอจะลงเลือกตั้ง แต่เธอไม่รู้อนาคตของตัวเองมากกว่า ที่พร้อมต่อสู้คดี ที่ถูกกล่าวหาเท่านั้น ในฐานะที่ วาสนา เป็นคนไปร่วมวงพูดคุยกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเป็นคนเขียนข่าวนี้ ขออนุญาตชี้แจงว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ แต่แค่ วาสนา หยิบมาเขียน ในส่วนที่เป็นเรื่องเบาๆสีสัน เท่านั้น เพราะรู้ดีว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะให้สัมภาษณ์ในประเด็นทางการเมืองได้ แต่เห็นว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกรัฐประหาร ว่าชีวิตในแต่ละวัน เปลี่ยนไปอย่างไร บ้างเท่านั้น แต่เมื่อมีการแปลความหมาย และตีความ ข้อเขียนของ วาส ใน บางกอกโพสต์ ในมุมการเมือง และอาจมีการตีความหรือเข้าใจผิด ไปบ้างนั้น วาสนา จึงขออนุญาตชี้แจง เพราะในการพูดคุยนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ย้ำเสมอว่า ให้สัมภาษณ์ไม่ได้ แต่ วาสนา ขอแค่มาเขียนในส่วนที่เป็นสีสัน และใส่ ประเด็น อนาคตเลือกตั้ง ไปแค่สั้นๆ อยู่ในเนื้อหาเท่านั้น ไม่ได้หวังผลใดๆทางการเมืองเลย แค่เห็นว่า เป็นช่วง ๖เดือนรัฐประหารพอดีเท่านั้น และเป็นโอกาสที่ได้พูดคุย กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงได้เก็บมาเขียน แต่เมื่อ ข้อเขียนของ วาสนา ถูกนำมาวิพากษ์วิจารณ์กันต่อ อาจมีการตีความผิดเพี้ยนกันไปบ้าง และปัญหาในเรื่องการเขียน อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิด ในฐานะผู้เขียน จึงขอชี้แจงมา ณ ที่นี้ และหากพูดจากความรู้สึกแล้ว จากการพูดคุย รู้สึกได้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจกำลังถอดใจ และอาจไม่เล่นการเมือง และไม่ลงเลือกตั้ง ก็เป็นได้ สิ่งใดที่เกิดจากการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน จากข้อเขียนของ วาส เอง วาสก็ขอน้อมรับความผิดพลาด นั้นไว้ด้วยตัวเอง เพียงผู้เดียว และรู้ดีว่า คงจะถูกเสียงตำหนิ ก่นด่า จากหลายฝ่าย ก็ตาม
น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังเปิดเผยด้วยว่า เธออาจจะเขียนหนังสือเกี่ยวกับช่วงชีวิตระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยจะเขียนจากความทรงจำว่าใครทำอะไรและพูดอะไรไว้บ้าง ไม่ต้องลำบากเขียนเองดอก เอาแค่คำพูดเมรึงคนเดียว เก็บจากที่คนอื่นเค้ารวบรวมไว้ก็ได้เล่มหนาๆแล้ว พูดยังไม่ค่อยถูกเสรือกอยากจะเขียนหนังสือ เอาเวลาไปเลี้ยงลูกให้โตเป็นคนดีกว่า
ถ้าจะเขียนหนังสือ ผมว่า มันจะไม่น้อยหน้าเล่มนี้เอาน่ะ... และถ้าต้องการให้ดังๆ ควรแอ็คชั่นเปิดตัวตามสื่อแบบนี้ด้วย...