ครอบครัวอังกฤษบอกเข็ดจนตาย ไม่ขอมาเที่ยวเมืองไทยอีกแล้ว เอเจนซีส์ - ชายชาวอังกฤษที่มาเที่ยวเมืองไทยพร้อมกับพ่อแม่ของเขา แล้วถูกรุมซ้อมจนหมดสติช่วงสงกรานต์ที่หัวหิน ระบุว่า ครอบครัวของเขาจะไม่หวนกลับมาเที่ยวที่เมืองไทยอีกแล้ว หลังถูกทำร้ายแบบไม่คาดคิด "ลูอิส จอน โอเวน" กราฟิกดีไซเนอร์ชาวอังกฤษ ผู้ใช้ชีวิตอยู่ในสิงคโปร์ พร้อมกับ "ลูอิส โอเวน" ผู้เป็นพ่อวัย 68 ปี กับแม่วัย 65 ปี "โรสแมรี เฮ โอเวน" ได้มาเที่ยวหัวหินแล้วถูกคนไทยรุมทำร้ายเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นถึงการทำร้ายครอบครัวชาวอังกฤษอย่างโหดเหี้ยม หลังจากที่โอเวนเดินกระทบไหล่ชายไทยที่ถือขวด จากนั้นก็มีการผลักโอเวนลงไปกองกับพื้น เมื่อครอบครัวชาวอังกฤษโต้เถียงกับชายไทย ก็มีกลุ่มชายไทยเข้ามารุมทำร้าย ทั้งยังเตะเข้าที่ใบหน้าจนชาวอังกฤษทั้งสามหมดสติ "ผมจะไม่กลับไปประเทศไทยอีกแล้ว" โอเวนให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ พร้อมทั้งบอกด้วยว่า พ่อกับแม่เขาก็จะไม่กลับไปเมืองไทยอีกแล้วเช่นกัน ยังไงก็ไม่ไปเด็ดขาด โอเวนนั้นได้กลับไปสิงคโปร์แล้ว แต่พ่อแม่ของเขานั้นคาดว่าจะกลับสหราชอาณาจักรในสัปดาห์หน้า โอเวนบอกว่า พ่อของเขานั้นมีรอยดำที่ตาทั้งสองข้าง ต้องเย็บ 6 เข็มที่บริเวณหน้าผาก ส่วนตัวเขาเองนั้นต้องเย็บ 3 จุดที่บริเวณศีรษะ รวมทั้งหมด 16 เข็ม แต่เพราะมันอยู่เหนือแนวเส้นผมขึ้นไป เลยดูไม่แย่นัก ตอนนี้เขามีผมเหลือเพียงนิดหน่อยเพราะจำเป็นต้องโกนผมเพื่อทำการเย็บแผล เขายังบอกด้วยว่า เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลกังวลเกี่ยวกับอาการของแม่เขา ซึ่งต้องผ่าตัดเพื่อรับมือกับอาการสมองบวม ที่ผ่านมา พ่อแม่ของโอเวนมาเที่ยวเมืองไทยสม่ำเสมอเป็นเวลานานหลายปีแล้ว เพื่อพบกับลูกชายปีละ 2 ครั้ง โอเวนบอกว่า หลังจากใช้เวลาที่บาร์ในคืนนั้น เขากับพ่อแม่ก็เดินกลับที่พัก แล้วก็ถูกทำร้ายทั้งที่ไม่รู้จักกับอีกฝ่ายมาก่อน "มันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนเลย พวกเราไม่มีใครเมาสักคน เราแค่มีค่ำคืนที่มีความสุขแล้วก็กำลังจะกลับบ้าน" โอเวน กล่าว เขาไม่มีโอกาสได้ดูภาพวีดีโอจากกล้องวงจรปิดมาก่อน จนกระทั่งได้เห็นเมื่อวันพฤหัสบดี ซึ่งที่ผ่านมาเขาไม่รู้เลยว่าโดนทำร้ายหนักขนาดไหน "เราทุกคนหมดสติ แม่ผมไม่รู้ตัวเลยว่าถูกเตะเข้าที่ใบหน้า ผมเองก็ไม่รู้เลยว่าโดนกระทืบที่ศีรษะ" โอเวน บอกนักข่าว ทางฝ่ายตำรวจไทยนั้น พ.ต.อ.ไชยกร ศรีหล้าเดโช ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรหัวหิน ระบุว่า ได้มีการจับกุมคนร้าย 4 คน พร้อมตั้งข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ขณะที่โฆษกของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ระบุว่า หากพบว่าผิดจริง คนร้ายผู้ก่อเหตุในครั้งนี้จะต้องถูกดำเนินการลงโทษอย่างเต็มอัตราภายใต้กฏหมายไทย "การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวที่ถูกทำร้าย เราหวังว่าท่านจะฟื้นจากอาการบาดเจ็บกลับคืนเป็นปกติได้โดยเร็ว ททท. ขอรับรองต่อนักเดินทางระหว่างประเทศว่าเหตุร้ายครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ไม่ใช่การมุ่งเป้าทำร้ายนักท่องเที่ยวกลุ่มใดเป็นการเฉพาะ สถานการณ์มันเลวร้ายเพราะฤทธิ์แอลกอลฮอล์" โฆษก ททท. ระบุ เมื่อปี 2015 มีนักท่องเที่ยวอังกฤษมาเยือนประเทศไทยเกิน 1 ล้านรายเป็นครั้งแรก ส่วนสถานทูตอังกฤษก็ได้เริ่มรณรงค์เรื่องความปลอดภัย เพื่อให้แน่ใจว่านักท่องเที่ยวจะระมัดระวังอันตรายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงที่อุบัติเหตุรถยนต์นั้นเกิดขึ้นสูง แต่การทำร้ายนักท่องเที่ยวนั้นถือว่าหาได้ยาก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000043561
ไลค์ให้เพราะเห็นพัฒนาการของการนำลิ้งค์ข่าวสารมาประกอบด้วยครับ แต่ต้องตำหนิพาดหัวข่าวว่า พาดหัวได้ไม่ตรงเนื้อข่าวเลย มองไม่ออกว่า รมต.ควรรับผิดชอบตรงไหน อย่างไร กรณีนักท่องเที่ยวน่าเสียใจที่ต้องเจอเหตุการณ์เลวร้ายอย่างนี้ ก็ขอให้ตำรวจจริงจัง ในการดำเนินคดีและจับคนร้ายให้เร็วที่สุดเพื่อแก้ไขปัญหานี้ ส่วนเรื่องนักท่องเที่ยวโดนทำร้าย ผมคิดว่าเป็นทั่วโลกนะ แต่ในประเทศพัฒนาแล้วกฎหมายเข้มงวดจริงจัง จนคนไม่กล้ากระทำผิด
ดีครับ ออกมารับผิดชอบก็ดี ผมเห็นด้วย ต้องรับผิดบ้าง อย่ารับแต่ชอบ อ้อ อย่าลืม คดีเอกยุทธ คดีตากใบ คดีทนายสมชาติ ด้วยนะครับ ใครเป็นนายกคู่กรณี ก็ออกมารับผิดด้วย เห็นชอบพูดว่า อย่า2 มาตรฐาน 5555
น้ำท่วมประเทศไทย ทำเงินหายไปกะข้าวจนไม่มีเงินจ่ายชาวนา ชาวนาไม่ได้เงินผูกคอตาย เอกชนที่รับซื้อข้าวโกงรัฐ ข้าวเน่า คนโง่กิน ปชต จนตาย ไม่เห็น รมต. สมัยนั้น white line รับผิดชอบอะไรเลย
จะบอกสองมาตรฐานหรือครับ ถ้าพูดจริงๆมันเทียบไม่ได้หรอกครับ ผู้ว่ารถไฟนี้ผิดที่จ้างคนนอกมาจนเกิดเหตุ แล้วไม่รับผิดชอบ คิดผลักความผิดไปที่ผู้ร้ายทั้งหมด ซึ่งผู้ร้ายก็เป็นคนที่ทำการรถไฟ ไม่เหมือนข่าวที่อ้างมาเพราะผู้ร้ายไม่ใช่คนของการท่องเที่ยว จะผิดก็คือน่าจัดมาตรการให้ดีกว่านี้ ตำรวจต้องเอาจริงมากกว่านี้
เป็นคำสั่งย้ายผู้ว่าการรถไฟครับ แต่ย้ายด้วยเหตุผลใด ? สมควรย้ายหรือไม่ ? เทียบกับกรณีกระทู้นี้ รมต.ควรรับผิดชอบอย่างไร ?
เมื่อไหร่ไอ้ควายแดงเหล่านี้จะเลิกโหนมั่ว นู้น นี่ นั่น ซะที เรื่องไหน เหตุจากอะไร ใครผิดใครถูก มรึงแยกแยะไม่ได้ ได้แต่ผูกโยงมามั่วนิ่ม เห็นทุกวัน เพราะหิวเงิน? หรือสมองมีแต่ขี้ หยุดเหอะ น่าสมเพชจริงๆ ไร้สามัญสำนึกเกินไปป่าวว่ะ จะเล่นก็เล่นกันที่ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกันหน่อยสิครับ
งั้น คดีเกือเซะ คดีตากใบ คดีล่มการประชม ที่พัทยา คดีทุบรถที่กระทรวงมหาดไทย คดีทุบรถที่พัทยา คดีเผาศาลากลาง คดีพลเอกร่มเกล้า คดีชายชุดดำ คดียิง m79 เด็กตาย 2 คดียิงเวที กปปส คดีเผา CTW คดีทุจริตจำนำข้าว คดียักยอกข้าว คดีข้าวถุง คดีทุจริต ctx คดีกรุงไทยปล่อยกู้ ออกมายอมรับผิดชอบบ้างสิครับ แค่บางส่วนจาก 100 กว่า
จากข้อความต่างๆของท่าน กรุณาอย่าถามความผิดของพรรคเพื่อไทยเลยครับ พรรคนั้นทำเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ เขาไม่สนใจ ไม่เเคร์ เสียงส่วนน้อยของพวกท่านหรอกครับ เชื่อผมดิ
อย่าทำแบบนี้เลยขอร้อง อันใหนที่มันสร้างสรรค์ หรือ มีระบบปัญหา ช่วยกันแก้ บางอย่าง อย่าเอามาปนกันเพื่อทำลาย เลย ถ้าเขาห้ามแดรกเหล้า ห้ามดิ้น ในดิสโก้ พวกเองก็โวยอีก
พ่อนายพลตัดแปะ ต้องสอนแล้วว่า เขารดนำ ดำหัว กันในวัด ย้ำ ในวัด หรือบ้าน สถานที่รโหฐาน และที่สำคัญ รดน้ำขอขมาคนแก่ ไม่ใช่พวกเอ็ง มารด มาสาดกันเอง การใช้รถบรรทุก โอ่งน้ำ สาดน้ำ ในซอย ชักดิ้นชักงอ ใน ผับ ในบาร์ แก้ผ้า สาดน้ำ มันเป็นค่านิยม ไม่ใช่วัฒนธรรม คนเรา ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ บางคน หลงผิด แค่อยากเที่ยว แดรกเหล้า สาดน้ำ
พ่อนายพลตัดแปะ ต้องสอนแล้วว่า เขารดนำ ดำหัว กันในวัด ย้ำ ในวัด หรือบ้าน สถานที่รโหฐาน และที่สำคัญ รดน้ำขอขมาคนแก่ ไม่ใช่พวกเอ็ง มารด มาสาดกันเอง การใช้รถบรรทุก โอ่งน้ำ สาดน้ำ ในซอย ชักดิ้นชักงอ ใน ผับ ในบาร์ แก้ผ้า สาดน้ำ มันเป็นค่านิยม ไม่ใช่วัฒนธรรม คนเรา ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ บางคน หลงผิด แค่อยากเที่ยว แดรกเหล้า สาดน้ำ
อัพเดทข่าวแทน จขกท.ครับ Nation TV - เว็บไซต์สถานีข่าวอันดับ 1 ของเมืองไทย " รอง.ผบ.ตร.ลงพื้นที่หัวหิน ตามคดีรุมทำร้ายชาวอังกฤษ เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ล่าสุด จับกุมผู้ต้องหาได้ครบแล้วทั้ง 4 คน นำตัวมาแถลงที่ สภ.หัวหิน โดยผู้ต้องหารายที่ 4 ยอมรับสารภาพ พร้อมกล่าวขอโทษชาวหัวหิน และครอบครัวชาวต่างชาติ ตำรวจควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ต้องยกเลิกกลางคัน เพราะเกรงจะเกิดการประชาทัณฑ์" อ่านต่อที่: http://www.nationtv.tv/main/content/crime/378499900/ ทั้งนี้ กลุ่มผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เหตุทะเลาะวิวาทเริ่มมาจากการที่ นายลูอิส จอน โอเว่น นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ เดินไปชนแขนนายสุภัททา ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา จึงเกิดความไม่พอใจ ก่อนผลักหน้าอกนายโอเว่น จนล้มคว่ำ เมื่อพ่อและแม่นายโอเว่นเห็นเหตุการณ์จึงตรงเข้าช่วยเหลือ ไม่ให้ทำร้ายลูกชาย แต่นายสุภัททา กลับเรียกพวกอีก 3 คน มารุมทำร้ายนักท่องเที่ยวทั้ง 3 คน จนได้รับบาดเจ็บก่อนวิ่งหนีไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหา ทำร้ายร่างกายและทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ โดยผู้เสียหาย ที่เป็นลูกชาย เดินกลับอังกฤษไปแล้ว ส่วนพ่อและแม่ออกจากโรงพยาบาลและยังพักอยู่โรงแรมในอำเภอหัวหิน แห่งหนึ่ง ซึ่งผู้เป็นแม่ยังมีอาการปวดศรีษะ ต้องเข้าดูอาการรักษาต่อเนื่อง http://www.springnews.co.th/local/central/289164
จะไป โฟร์ซีซั่ม นี่ต้องระวังด้วยนะครับ อาจจะโดนยำถึงตาย หรือโดนอุ้มได้ 5555 http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1328866992
หน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยว แนะนำ ส่งเสริมการท่องเที่ยวน่ะถูกแล้วครับ แต่การดูแลความสงบเรียบร้อยต้องเป็นหน้าที่ของตำรวจ การที่จะตั้งโซนอันตรายให้นักท่องเที่ยวอ่าน เสียมากกว่าได้ เอาแค่ปชช.ที่ถูกระบุว่าโซนอันตรายจะเป็นอย่างไร ร้านค้าจะขายของได้หรือเปล่า จะเจอการต่อต้านจากปชช.ในประเทศซะมากกว่า ที่สำคัญจะตีความอย่างไรว่าตรงไหน แค่ไหนอันตราย?
งงกับตรรกะพวกเมิงจริงๆ ที่ต้องประกาศเขตอันตรายห้ามนักท่องเที่ยวเข้า งั้นประกาศที่นี่ก่อนเลย ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าโดยเด็ดขาด ตร.เชียงใหม่คุมตัววัยรุ่นทำร้ายนักท่องเที่ยว 21 ตุลาคม 2556 ตำรวจจังหวัดเชียงใหม่ควบคุมเยาวชนชาย 2 คน ไปสอบสวนและแจ้งให้ผู้ปกครองให้รับทราบ หลังร่วมกันทำร้ายนักท่องเที่ยวชาวอิตาลี โดยถ่ายคลิปวิดีโอนำไปแพร่เผยในอินเตอร์เน็ต เยาวชนชายอายุ 16 ปี สองคน ในอ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ถูกตำรวจควบคุมตัวไปสอบสวน หลังใช้รองเท้าแตะตบศรีษะนักท่องเที่ยวชาวอิตาลี อายุ 58 ปี ขณะเดินกลับที่พัก บริเวณถนนอารักษ์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ และใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปวิดีโอไว้ แล้วนำภาพไปเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม