http://news.sanook.com/1488291/ กลุ่ม นปช. ทั่วประเทศ รวมตัวชุมนุมใหญ่ที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ธิดา ลั่น เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อรักษาประชาธิปไตย ด้านจตุพร หมอเหวง เจ๋ง ดอกจิก เข้าร่วม กลุ่ม นปช. ทั่วประเทศ นัดรวมตัวกันชุมนุมใหญ่ ภายใต้ชื่อ นปช. ลั่นกลองรบ วางยุทธศาสตร์รับมือฝ่ายตรงข้าม โดยมีกลุ่ม นปช. จากภาคต่างๆ ทยอยเดินทางไปร่วมชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก โดย นางธิดา ได้ทำพิธีลั่นกลองรบ เพื่อแสดงพลังพร้อมต่อสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย สำหรับการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ในครั้งนี้ มีประเด็นในการชุมนุมคือ ร่วมกันหารือแนวทางการเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเลือกตั้ง พร้อมทั้งกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวของมวลชนในพื้นที่ต่างๆ โดยการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่มาคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยโดยรอบบริเวณตลอดการชุมนุม นางธิดา กล่าวว่า พวกเราต้องการให้แกนนำ นปช.จากทั่วประเทศ มาร่วมแสดงความคิดเห็นหารือกัน และวางแนวทางการเคลื่อนไหวต่อสู้กับเพื่อรักษาประชาธิปไตย และสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด โดยเน้นการดำเนินการแบบสันติวิธี ซึ่งสิ่งนี้คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของกลุ่ม นปช. ในขณะนี้ ทั้งนี้ การชุมนุมวันนี้เป็นการระดมความคิดเห็นจาก นปช. ในทุกภาคทุกพื้นที่ ว่าในแต่ละพื้นที่สามารถเคลื่อนไหวในรูปแบบใดได้บ้าง และดำเนินการอย่างไรได้บ้าง เพื่อให้แกนนำแต่ละพื้นที่นำไปเคลื่อนไหวในพื้นที่ของตนเองต่อไป จตุพรชวนนปช.ตัดท่อน้ำเลี้ยงกปปส. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. เปิดเผยว่า จากการเปิดโอกาสให้แกนนำจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ขึ้นนำเสนอแนวทางการเคลื่อนไหว ตั้งแต่เช้าจนถึงขณะนี้ ก็มีความหลากหลายทางความคิด ซึ่งก็มีความน่าสนใจหลายประการ และเห็นสภาพของพี่น้องประชาชนแต่ละจังหวัด ซึ่งมีความกดดันจากการกระทำของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และกลุ่ม กปปส. ซึ่งความกดดันเหล่านี้ หากกลุ่มอำมาตย์ได้ฟังก็จะรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของพี่น้องคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ ส่วนจะมีการตอบโต้ด้วยการกดดันกลุ่มธุรกิจของฝ่ายตรงข้ามด้วยหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า แกนนำหลายจังหวัดเสนอในที่ประชุม ซึ่งก็รับมาพิจารณาและจะสรุปอีกครั้ง ในช่วงค่ำวันนี้ และคิดว่าถ้ากลุ่มของ นายสุเทพ สามารถทำได้ คนอื่นก็ทำกับพวกของ นายสุเทพ ได้เช่นกัน แชร์ว่อนเน็ตแกนนำนปช.ดีใจเหตุยิงกปปส.ตราด ได้มีการแชร์ว่อนเน็ต หรือบนทางโซเชียลมีเดีย ถึงกรณีการปราศรัยของ "ดาบแดง" อดีตตำรวจ ซึ่งไม่เปิดเผยต้นสังกัด และในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จ.ชลบุรี ได้เดินทางเข้าร่วมปราศรัยบนเวที นปช. ที่ จ.นครราชสีมา โดยได้แสดงท่าทีดีใจ พร้อมประกาศลั่นบนเวทีว่า ได้เกิดเหตุการณ์ยิงถล่ม กปปส.ตราด ซึ่งถือเป็นบริวารของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และขอต้อนรับอย่างสาสม ที่มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะที่ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. อ้างว่า การแสดงออกดังกล่าวของดาบแดงนั้น เกิดจากความอัดอั้นตันใจ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นฝ่ายถูกกระทำก่อน พร้อมระบุว่า ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่น่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และต้องขออภัยที่ ดาบแดง แสดงท่าทีที่ไม่เหมาะสม ด้าน นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย โอบกอดดาบแดง พร้อมกล่าวปลอบใจว่า เป็นเพราะความเจ็บปวดที่ตำรวจถูกกระทำก่อน ซึ่งดาบแดงก็เป็นตำรวจ ทั้งนี้ ในการต่อสู้ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าใครก็ไม่ต้องการให้คนไทยเสียชีวิต ส่วนมวลชนกลุ่มคนเสื้อแดง ต่างปรบมือ โห่ร้องด้วยความดีใจ โดยบรรยากาศการชุมนุมเป็นไปอย่างคึกคัก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้น ได้ถูกวิพากวิจารณ์กันเป็นวงกว้าง ถึงการแสดงออกในลักษณะดังกล่าว ถึงความเหมาะสมหรือไม่ ใช้วิจารณญานได้เลยครับ
http://www.naewna.com/politic/87537 26 ม.ค.57 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.30 น. มวลมหาประชาชน กปปส.ประมาณ 300 คน ได้เดินทางไปที่หน่วยเลือกตั้งวีดศรีเอี่ยม เนื่องจากมีรายงานว่ายังมีการเปิดให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้า เมื่อไปถึงแกนนำ อาทิ นพ.รวี มาศฉมาดล ,นายสุทิน ธราทิน ได้เข้าไปเจรจากับผู้อำนวยการหน่วยเลือกตั้งและรองผู้อำนวยการเขตนางนา โดยผลการเจรจานั้นปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ได้ประกาศปิดการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า กลุ่มมวลชน กปปส. จึงได้เดินทางกลับ ขณะออกจากวัดศรีเอี่ยม เพื่อมุ่งหน้าออกเส้นบางนา-ตราด ปรากฏว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงมาราว 100 คน นำโดย พ.ต.ท.กุลธน ประจวบเหมาะ อดีต ผู้สมัคร ส.ส. มาดักรออยู่ที่หน้าวัด เมื่อมวล กปปส.ออกจากวัดมาจึงพยายามเลี้ยวรุเพื่อจะไม่เผชิญหน้ากับกลุ่มเสื้อแดง ได้มีการยิงปืนจากกลุ่มเสื้อแดงเข้าใส่ พร้อมมีเสียงดังคล้ายเสียงระเบิดดังสนั่น 1 ครั้ง ปรากฎว่านายสุทิน ธราทิน แกนนำคนสำคัญของ กปท. และอดีตผอ.พรรคการเมืองใหม่ ถูกยิงเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย บาดเจ็บ 4 ราย โดบผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตถูกนำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลวิภาราม-ศรีนครินทร์ ล่าสุด ปรากฏว่ามวลชน กปปส. พร้อมรถกระจายเสียงส่วนหนึ่งยังหลบอยู่ภายในวัดศรีเอี่ยม ท่ามกลางการปิดล้อมของคนเสื้อแดง
ถ้าเรื่องจริง ม๊อบนี้มันก็ชั่งชั่วช้าสารเลวแท้ๆ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า คือมันสุดๆความระยำแล้วม๊อบนี้
http://www.thairath.co.th/content/413136 ตร.รวบ3การ์ด--พกปืน กปปส.จัด6ขบวนวันนี้ เจ้าหน้าที่สนธิกำลังล้อมพื้นที่ชุมนุม กวป. รวบ 4 การ์ดพร้อมของกลางเพียบ หลังเกิดเหตุยิงถล่มสำนักงาน ป.ป.ช. ผงะเจออาวุธสงครามหมกป่ากระถินข้างม็อบ กวป.ทั้งเครื่องยิงเอ็ม 79 ระเบิดสังหาร กระสุนปืนเอ็ม 16 หลายสิบนัด ด้านรองเลขาฯ ป.ป.ช.เชื่อหวังข่มขวัญกรรมการ เหตุใกล้ปิดฉากคดีเชือดรัฐบาล “เหลิม” ลั่นลงโทษคนผิดไม่เลือกหน้า ผบ.ตร.กำชับคุมเข้มสถานที่ราชการ-บ้านพักบุคคลสำคัญ ปลัด กห.วอน 2 ฝ่ายพักรบ 30 วัน ตั้งสติไตร่ตรอง สกัดเมษาเดือด “สุเทพ” เดินเรียกแขกเยาวราชวันสุดท้าย แนวร่วมแห่เชียร์ช่วยบริจาคอื้อ จากกรณีการเกิดเหตุรุนแรงในการยิงถล่ม สถานที่ บ้านบุคคลสำคัญต่างๆ ทั้งทางฝ่ายกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.และกลุ่มต่อต้าน ท่ามกลางการเดินขบวนเชิญชวนให้คนกรุงเทพฯเข้าร่วมชุมนุมใหญ่ในวันที่ 29 มี.ค. และล่าสุด มีการยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปยังอาคารสำนักงาน ป.ป.ช.สนามบินน้ำ เมื่อกลางดึกวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมานั้น ล้อมจับ 4 การ์ด กวป.ยิงถล่ม ป.ป.ช. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เหตุการณ์คนร้ายยิงเอ็ม 79 ถล่มอาคารสำนักงาน ป.ป.ช. 2 ลูก ทำให้ตัวอาคารได้รับความเสียหายเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของคืนวันที่ 27 มี.ค.นั้น หลังเกิดเหตุ นายธนน เวชกรกานนท์ ผวจ.นนทบุรี และ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จ.นนทบุรี ระดมกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ใกล้เคียงกลุ่มสื่อวิทยุชุมชนเพื่อประชาชน (กวป.) ระหว่างซอยนนทบุรี 46-48 จากการตรวจค้นมีการจับกุมผู้ต้องหา 4 คน พร้อมของกลางจำนวนมาก ประกอบด้วย 1. นายชูชาติ ชูศิริ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 240/24 หมู่ 9 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี พร้อมด้วยของกลาง ปืนลูกซองยาว 1 กระบอก กระสุน 39 นัด พบอยู่ในรถเก๋งโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ ทะเบียน ขต 9735 ชลบุรี ซึ่งผู้ต้องหาขับขี่มา โดยแจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมือง ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควร เจอของกลางปืน–ระเบิดอื้อ ส่วนรายที่ 2.คือนายรัตนพงศ์ อินทะรังษี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 9 ต.งอบ อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน พร้อมของกลางปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุน 120 นัด แมกกาซีน 4 อัน ระเบิดสังหาร RGD-5 จำนวน 2 ลูก ถุงทะเลสีเขียวใช้ใส่อาวุธปืน 1 ใบ โดยกล่าวหาว่า มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ซึ่งนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ และมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย 3.นายสมัย บุญนาน อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/330 หมู่ 1 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมปืนปากกา 1 กระบอก กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 11 นัด พบอยู่ในรถเก๋งฮอนด้า รุ่นซิตี้ สีแดง ทะเบียน กค 5715 ปทุมธานี ซึ่งผู้ต้องหาขับขี่มา รายที่ 4.คือนายคมปกรณ์ เกาะแก้ว อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดราชบุรีข้อหาลักทรัพย์รถยนต์ สอบสวนนายชูชาติให้การรับสารภาพ ส่วนนายรัตนพงศ์และนายสมัยยังให้การปฏิเสธ ยึดเครื่องยิงเอ็ม 79 ซุกป่า ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดอาวุธจากป่ากระถินซึ่งเป็นที่รกร้างปากซอยนนทบุรี 46 ประกอบด้วย เครื่องยิงลูกระเบิด ขนาด 40 มม. (เอ็ม 79) จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด 40 มม. (เอ็ม 79) จำนวน 6 นัด ปลอกกระสุนปืนขนาด 40 มม. (เอ็ม 79) จำนวน 2 ปลอก ลูกระเบิด ชนิดสังหาร RGD-5 จำนวน 6 ลูก อาวุธปืนสั้น ออโตเมติก ยี่ห้อโคลท์ ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุน ขนาด .45 จำนวน 44 นัด เครื่องกระสุนปืน ขนาด 7.62 (เอ็ม 16) จำนวน 39 นัด ประทัดยักษ์ จำนวน 4 ดอก เผยวางแผนสนธิกำลังตรวจค้น ต่อมาช่วงสายวันที่ 28 มี.ค. พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. นายธนน เวชกรกานนท์ ผวจ.นนทบุรี พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จ.นนทบุรี ร่วมกันแถลงข่าวที่ สภ.เมืองนนทบุรี ว่าจากการจับกุมในครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีกลุ่มคนลักลอบนำอาวุธปืนเข้ามาภายในพื้นที่การชุมนุมของกลุ่ม กวป.ประกอบกับเมื่อคืนที่ผ่านมา มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้ยิงเอ็ม 79 ใส่ตึกสำนักงาน ป.ป.ช.จำนวน 2 ลูก ทำให้ตัวอาคารได้รับความเสียหาย จึงวางแผนสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจังหวัดนนทบุรี ตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี เข้าตรวจค้นการ์ด กวป. และผู้ชุมนุมที่นอนปักหลักใกล้ที่ชุมนุม จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาพร้อมอาวุธปืนดังกล่าวได้ ซึ่งผู้ต้องหาที่จับได้เป็นผู้ที่มาร่วมชุมนุม ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างตรงไปตรงมาและให้ความเป็นธรรม และจะส่งตรวจดีเอ็นเอ และตรวจสอบว่าปืนของกลางที่พบทั้งหมดเคยใช้ก่อเหตุที่ไหนมาก่อนหรือเปล่าเพื่อดำเนินคดีต่อไป
http://news.mthai.com/hot-news/politics-news/293332.html อึ้ง! คนเสื้อแดงอุดรฯ พกปืนยาวร่วมชุมนุม ไล่ม็อบต้านระบอบทักษิณ ขณะที่ชาวเน็ตอัดยับ แม้จะเห็นต่างแต่ไม่ควรใช้กำลังออกมาข่มขู่เช่นนี้ เกิดเป็นกระแสฮือฮาขึ้นมาในโลกออนไลน์ หลังจากที่วานนี้ (9 ธ.ค.) ได้ปรากฎภาพของกลุ่มผู้ชุมนุมคนเสื้อแดงจ.อุดรธานี ที่ออกมารวมตัวกันกว่า100คน เพื่อขับไล่กลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณที่ไปเป่านกหวีดบริเวณศาลากลางจังหวัด ภายหลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศยุบสภา โดยภาพดังกล่าวเป็นน่าตกใจอย่างมาก ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมแต่ละคนซึ่งส่วนใหญ่เป็นชายฉกรรจ์ มีอาวุธไม้ และกระบอง รวมถึงปืนยาวคล้ายปืนสไนเปอร์ถือติดมือไปในการชุมนุมด้วย อย่างไรก็ดีแม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่มีอะไรรุนแรง หลังเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนกว่า 200นาย ได้ร้องขอให้นายขวัญชัย ไพรพนา และกลุ่มอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เจรจากับมวลชนคนเสื้อแดง ให้ปล่อยกลุ่มนกหวีดไป จึงยอมยุติ แต่ก็ทำให้มีคนเข้าไปแสดงความเห็นมากมาย โดยส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่ปล่อยให้การนำอาวุธเข้าร่วมชุมนุมเช่นนี้ Mthai News
ศาลรธน.ชี้กปปส.ชุมนุมไม่ผิดเป็นเสรีภาพ 18 ธันวาคม 2556 เวลา 19:54 น. |เปิดอ่าน 23,972 | ความคิดเห็น 23 ประเด็น: ม็อบการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยการชุมนุม กปปส. ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ เป็นการใช้เสรีภาพโดยสงบ....... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/การเมือง/265769/ศาลรธน-ชี้ชุมนุมกปปส-ไม่ผิดเป็นเสรีภาพ
ถ้าเรื่องจริง ม๊อบนี้มันก็ชั่งชั่วช้าสารเลวแท้ๆ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า คือมันสุดๆความระยำแล้วม๊อบนี้
พวกสลิ่มชอบกล่าวหาเสื้อแดงอยู่เรื่อยเลย เสื้อแดงเขารักประชาธิปไตยยิ่งชีพ สองมือของเสื้อแดงชูแต่ประชาธิปไตยอย่างเดียว
ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 บัญญัติว่า "ผู้ใดต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด" หลักเกณฑ์ของการ ป้องกันตัว โดยชอบ ด้วยกฎหมาย 1. มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย นั่นคือ - ภยันตรายที่เกิดขึ้นนั้นผู้กระทำไม่มีอำนาจตามกฎหมายจะทำได้ หากผู้ก่อภัยนั้นมีอำนาจทำได้โดยชอบ ท่านก็ไม่มีสิทธิจะป้องกัน เช่น พ่อมีสิทธิว่ากล่าว/ลงโทษลูก ไม่ถือเป็นภยันตรายตามข้อ 1. - แม้จะมีภยันตรายแล้วก็ตาม แต่ผู้ที่อ้างป้องกันได้ จะต้องไม่มีส่วนผิดในการก่อให้เกิดภยันตรายดังกล่าวขึ้นด้วย เช่น ไม่เป็นผู้ก่อภัยขึ้นในตอนแรก ไม่เป็นผู้ที่สมัครใจเข้าวิวาทกัน ไม่เป็นผู้ที่ยินยอมให้ผู้อื่นกระทำต่อตนโดยสมัครใจ และ ไม่เป้นผู้ที่ไปยั่วให้คนอื่นเข้าโกรธก่อน 2. ภยันตรายนั้น ใกล้จะถึง แม้ท่านจะมีภยันตรายอันละเมิดต่อกฎหมายเกิดขึ้น ตามข้อ ๑ แล้วก็ตาม ก็อย่าเพิ่งนอนใจว่าท่านจะมีสิทธิป้องกันได้ กล่าวคือท่านจะมีสิทธิ ป้องกันตัว ได้ต่อเมื่อภยันตรายนั้น เป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง คือภัยที่เกิดขึ้นกระชั้นชิดถึงขนาดที่ไม่มีหนทางอื่นที่จะขจัดปัดเป่าภัยนั้นได้ นอกจากการป้องกันตัวเอง 3. ผู้กระทำจำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตน ให้พ้นจากภยันตรายนั้น 4. การกระทำ ป้องกันตัว ตามสมควรแก่เหตุ ก็คือ แม้กฎหมายจะให้สิทธิแก่ประชา ชนผู้ประสบอันตรายป้องกันตนเองได้ แต่ก็ไม่ได้ให้เสียจนหาขอบเขตไม่ได้ จนกลายเป็นการป้อง กันผสมกับความโกรธแค้น บันดาลโทสะ หรือสะใจ เช่น เมื่อมีผู้ร้ายถือมีดจะทำร้ายท่าน ท่านได้ตอบโต้จนผู้ร้ายไม่สามารถจะถือมีด หรือไม่สามารถจะแทงท่านได้อีกแล้ว ถือว่าภยันตรายได้ผ่านพ้นไปแล้ว ถ้าท่านซ้ำเติมอีก จะถือว่าเกินกว่าเหตุ
https://democracyforburma.wordpress.com/2014/01/27/shutdown-bangkok-สุทินตาย-ภาพมือปืนเส/ แก็งนี้มีแต่ฆาตกร
ASTVผู้จัดการ – “สมยศ” แถลงรวบ 5 ชายชุดดำจาก 7 คน กรณีสังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ตั้งแต่ปี 2553 เชื่อมโยง น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือ เปิ้ล นักกิจกรรมเสื้อแดงที่หลบหนีไปยุโรป เผยพบหลักฐานการโอนเงินจำนวนมาก วันนี้ (11 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.45 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท.ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ รอง ผบช.ภ.1 พ.ต.อ.ประสพโชค พร้อมมูล รอง ผบก.ป. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร นำโดย พล.ต.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 พ.อ.วิจารณ์ จดแตง ผู้อำนวยการกฎหมาย กอ.รมน. หัวหน้าส่วนปฏิบัติการคณะทำงานกฎหมายส่วนรักษาความสงบ คสช. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุม นายกิตติศักดิ์ หรือ อ้วน สุ่มศรี อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 2 ซอยรามอินทรา 36 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม. หมายจับศาลอาญา ที่ 1600/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 นายปรีชา หรือ ไก่เตี้ย อยู่เย็น อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 109 หมู่ 9 ต.อินทขิล อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ หมายจับศาลอาญา ที่ 1603/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 นายรณฤทธิ์ หรือ นะ สุริชา อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 3 ซอย ต.กลางใหญ่ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี หมายจับศาลอาญา ที่ 1604/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 นายชำนาญ หรือ เล็ก ภาคีฉาย อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 14/126 หมู่ 6 แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1605/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 และ นางปุณิกา หรือ อร อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 702/155 ซอยพหลโยธิน 32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1606/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 ซึ่งทั้งหมดเป็นขบวนการชายชุดดำที่ใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ทหารจากเหตุการณ์ความรุนแรงช่วงการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เมื่อเดือน เม.ย. 2553 เป็นเหตุให้ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม อดีตรองเสนาธิการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพรองค์ (พล.ร.21 รอ.) เสียชีวิต พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2553 เวลาประมาณ 20.00 น. มีการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม โดยเฉพาะบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนตะนาว และบริเวณข้างเคียง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหาร เป็นกำลังหลักในการปฏิบัติ ขณะนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายแต่งกายเป็นชายชุดดำ ใช้อาวุธสงครามยิง และขว้างระเบิดใส่ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหาร และพี่น้องประชาชนจนเป็นเหตุให้มีเจ้าหน้าที่ทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตายจำนวนหลายราย รวมทั้ง พล.อ.ร่มเกล้า ซึ่งเสียชีวิตในที่เกิดเหตุในคืนวันนั้นด้วยดังกล่าว พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ 7 คน จับกุมได้แล้ว 5 คน อยู่ระหว่างหลบหนี 2 คน คือ นายธนเดช เอกอภิวัชร์ หรือ ไก่ รถตู้ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 328/22 หมู่ 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ หมายจับศาลอาญา ที่ 1601/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 และ นายวัฒนะโชค หรือ โบ้ จีนปุ้ย อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 17 ซอย ต.พุทธบาท อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ หมายจับศาลอาญา ที่ 1602/2557 ลง 10 ก.ย. 2557 พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทหารกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการรวบรวมพยานหลักฐานทำงานอย่างรอบคอบจนศาลอนุมัติหมายจับกุม ทำให้ เกิดความกระจ่างต่อสังคมว่าชายชุดดำที่เคยเป็นข่าวก่อนหน้านี้มีจริง และทุกคนก็ให้การรับสารภาพ หลังจากนี้จะดำเนินการสืบสวนสอบสวนว่ามีความเชื่อมโยงกับใครบ้าง มีใครร่วมลงมือ มีใครให้การสนับสนุน ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่าผู้สั่งการคือนายจักรรินทร์ (เสธ.ไก่) เรืองศักดิ์วิชิต ซึ่งตอนนี้ถูกศาลจังหวัดทหารบกสระบุรี ออกหมายจับแล้วเลขที่ จ.8 ก./2557 เป็นบุคคลธรรมดา นอกจากนี้ผู้ต้องหากลุ่มนี้มีความเชื่อมโยงกับ น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือ เปิ้ล นักกิจกรรมเสื้อแดง ที่ถูกศาลอนุมัติออกหมายจับไปก่อนหน้านี้ กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดหาอาวุธสงครามให้กับผู้ต้องหาคดีใช้อาวุธสงครามยิงใส่สถานที่ต่างๆ โดยพบหลักฐานสลิปการโอนเงินจำนวนมากให้กับผู้ต้องหาเหล่านี้ในบ้านของ น.ส.กริชสุดา ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขได้ บอกได้แค่ว่าจำนวนมาก "สำหรับสาเหตุนั้นเป็นลักษณะขบวนการมีหัวโจก มีอุดมการณ์ มีความเกลียดชัง มีค่าจ้างจึงได้ร่วมกันทำ สำหรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะดำเนินการขออนุญาตทางดีเอสไอ ให้คณะทำงานเข้าร่วมการสอบสวนครั้งนี้ด้วย เพื่อนำคดีดังกล่าวเป็นคดีหลักต่อไป สำหรับการสืบสวนจับกุมว่าสามารถจับกุมได้ที่ไหนอย่างไรนั้นไม่ขอเปิดเผยเป็น เรื่องที่ตำรวจต้องทำงาน จะเอาวิธีไปบอกโจรไม่ได้ ต่อไปจะทำงานลำบาก หลังจากนี้หากมีตำรวจคนไหนเปิดเผยวิธีการจับกุมคนร้ายก็ต้องถูกลงโทษบ้าง"รองผบ.ตร. กล่าว สำหรับเส้นทางการดำเนินการของกลุ่มคนร้ายมีทั้งหมด 8 คน รวมนายธัมมรัตน์(ดำ) สุ่มสี ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ โดยทั้งหมดได้วางแผนและรับมอบอาวุธกันที่คอนโดบ้านริมน้ำ ถนนรามอินทรา 34 จากนั้นทั้งหมดได้เดินทางโดยใช้รถตู้ สีขาว เพื่อเดินทางไปที่เกิดเหตุ จากนั้นทั้งหมดได้ขับรถขึ้นทางด่วนรามอินทรา มาลงยมราช และจอดรถที่ซอยวัดมหรรพาราม ถ.ตะนาว เมื่อลงจากรถก็เดินไปตามถนนตะนาวมุ่งหน้าไปที่แยกคอกวัว ก่อนถึงแยกคอกวัวได้ผ่านจุดคัดกรองเจอการ์ดของกลุ่มนปช.ซึ่งมีตำรวจร่วมด้วยแต่ตำรวจจุดนั้นไม่มีอาวุธ ตรงจุดนี้พบว่ากลุ่มคนร้าย 3 คนมีอาวุธไปด้วย การ์ดของกลุ่มนปช.เข้ามาตรวจถ่ายรูป จากนั้นได้ปล่อยเข้าไปด้วยรหัสผ่าน"พิราบขาว" ก่อนที่คนร้ายได้เดินไปตรงธนาคารออมสิน จากนั้นเริ่มใช้อาวุธยิง ระดมยิงใส่ชุดทหารที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม หลังจากยิงเสร็จได้ถอนย้อนกลับมาที่จุดรถตู้จอด ระหว่างทาง นายธัมมรัตน์ ซึ่งถือเครื่องยิงเอ็ม 79 มาด้วย ถูกตำรวจล็อคตัวไว้พร้อม ยึดเครื่องยิงเอ็ม 79 เอาไว้ได้ ส่วนคนร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมใช้คนมากดดันแย่งตัวไปได้ จากนั้นคนร้ายทั้งหมดได้มารวมตัวกันอีกครั้งที่รถตู้จอดไว้ขับรถอ้อมไปถนนตะนาว เข้าถนนดินสอ มาสวนกันเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้รถฮัมวี จุดนั้นคนค่อนข้างเยอะก็เบียดกันคนร้ายได้ลดกระจกลงมา หนึ่งในผู้ต้องหาตะโกนด่าทหาร "ไปทำเหี้ยอะไรที่นี่ ทำไมไม่ไปปฏิบัติการที่ภาคใต้" คำพูดนี้ทำให้ทหารสามารถจำหน้าได้ 1 คน ที่อยู่ในรถ หลังจากนั้นกลุ่มคนร้ายก็แยกย้ายหลบหนีกันไปหลายปี ตำรวจทหารก็เฝ้าสืบสวนสอบสวนต่อเรื่องจนมีหลักฐานแน่ชัดขออนุมัติหมายศาลออกหมายจับจนจับกุมได้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่าได้ใช้อาวุธสงครามก่อเหตุที่บริเวณแยกคอกวัวจริง โดยนายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า พวกตนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างมา มารู้จักกันเพราะมาร่วมทำวานนี้ โดยได้เจอกันที่สถานีวิทยุชุมนุม เอฟเอ็ม 91.75 ส่วนอาวุธก็ไม่เคยฝึกใช้มาก่อน วันเกิดเหตุก็ไปรับอาวุธที่บ้านริมน้ำ จากนั้นนายธนเดช หรือไก่ ก็ได้สอนการใช้อาวุธว่าทำแบบไหน แล้วก็ตามๆกันไป โดยไม่ได้เจาะจงว่าให้ยิงใครเป็นการเฉพาะ บอกให้ยิงในซอยนั้นก็ยิง ไม่ได้บอกให้ยิงทหารคนไหนเป็นพิเศษ สำหรับวันเกิดเหตุโดยนายกิตติศักดิ์ใช้อาวุธปืนเอ็ม 79 และระเบิด เอ็มเค-2 นายธรรมรัตน์ ใช้อาวุธเอ็ม 79 นายธนเดช ใช้อาวุธปืน เอ็ม 203 นายวัฒนะโชค ใช้อาวุธปืนเอเค 47 นายปรีชาใช้อาวุธปืน เอเค 47 นายรณฤทธิ เฝ้ารถไม่มีอาวุธ นายชำนาญ ใช้อาวุธปืน เอ็ม 16 ส่วนนางปุณิกา ใช้ระเบิดเพลิง เอ็ม100 เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันมีและใช้อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ที่นายทะเบียน ไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้, พกพาอาวุธปืนและวัตถุระเบิดไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือไม่มีเหตุอันสมควร” ไขปริศนาใครฆ่า พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม จากรายการเจาะข่าววงใน
http://www.biztempnews.com/index.ph...450-1106นจนทเคลียร์ม็อบกปปสพบอาวุธสงครามเพียบ 11.06น.จนท.เคลียร์ม็อบกปปส.พบอาวุธสงครามเพียบ เจ้าหน้าที่ทหารเข้าเคลียร์พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของม็อบกปปส.หน้า UN พบทั้งระเบิดแสวงเครื่องนับสิบลูก ปืน อุปกรณ์เสพยา…. 11.06 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหารเข้าเคลียร์พื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของม็อบกปปส.หน้า UN พบทั้งระเบิดแสวงเครื่องนับสิบลูก ปืนบีบีกัน เสื้อเกราะ อุปกรณ์เสพยา…. http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRRd01EZ3pOak16T0E9PQ== วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16:07 น. จำนวนคนอ่านล่าสุด 9762658 คน วันที่ 23 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าพื้นที่เวทีกปปส.แจ้งวัฒนะ และบริเวณโดยรอบ หลังจากพุทธอิสระ แกนนำถูกควบคุมตัวและมวลชนสลายตัวไปแล้ว มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่อีโอดีพร้อมกำลังตำรวจและทหาร เข้าไปตรวจสอบหาวัตถุระเบิดและอาวุธสงครามภายในบริเวณที่ชุมนุมของกลุ่ม กปปส.แจ้งวัฒนะ ซึ่งมีกปปส.มาปักหลักบริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะนานหลายเดือน เพื่อเคลียร์พื้นที่ความปลอดภัยก่อนเปิดการจราจร หลังจากผู้ชุมนุม กปปส.แจ้งวัฒนะขนย้ายกลับภูมิลำเนาไปวานนี้ โดยเจ้าหน้าที่ถึงกับตะลึงเมื่อพบเล้าไก่ที่เลี้ยงไว้ในกรงกว่า 200 ตัว บริเวณหน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ จึงต้องช่วยกันขนย้ายไก่ดังกล่าว นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบปืนไทยประดิษฐ์ ระเบิดแสวงเครื่องและเสื้อเกราะอีกจำนวนหนึ่ง http://hilight.kapook.com/view/102040/3?view=full EOD เคลียร์สวนลุมฯ หลังม็อบย้าย พบระเบิดซุกเพียบ เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม หน่วยอีโอดีลงเคลียร์พื้นที่สวนลุมพินี หลังม็อบ กปปส. ย้ายไปราชดำเนินแล้ว พบวัตถุระเบิดหลายชนิด ประทัดยักษ์อีก 7 ลูก ส่งตรวจพิสูจน์ต่อไป คาดเปิดสวนลุมฯ ได้ 19 พ.ค. เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2557 หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่สวนลุมพินี เพื่อตรวจความเรียบร้อยภายหลังจากผู้ชุมนุมคณะกรรมการประชาชนเพื่อการ เปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรง เป็นประมุข (กปปส.) ย้ายที่ชุมนุมไปถนนราชดำเนิน โดย เบื้องต้นพบวัตถุระเบิดหลายชนิด ทั้งเชื้อปะทุไฟฟ้า ดินระเบิดอิมัลชั่น ระเบิดปิงปอง ระเบิดท่อ ประทัดยักษ์ 7 ลูก เสื้อเกราะอีกกว่า 70 ตัว ทั้ง นี้ จุดที่พบวัตถุระเบิดดังกล่าวคาดว่าเป็นจุดที่พักของการ์ด เจ้าหน้าที่จึงได้เก็บวัตถุที่พบทั้งหมดไปตรวจพิสูจน์ต่อไป โดยเฉพาะประทัดยักษ์นั้นจะนำไปตรวจสอบต่อไปว่าข้างในมีส่วนประกอบของสะเก็ด ระเบิดที่เข้าข่ายเป็นระเบิดแสวงเครื่องหรือไม่ ขณะ ที่กรุงเทพมหานครได้เข้าจัดเก็บขยะภายในพื้นที่แล้ว พร้อมกับทำความสะอาด โดยจะปิดสวนลุมพินีไปจนกว่าเจ้าหน้าที่จะเคลียร์พื้นที่เสร็จ คาดจะเปิดให้บริการได้ในวันที่ 19 พฤษภาคม นปช. ไมีหรอกครับ ระเบิดแสวงเครื่อง วางระเบิดแสวงเครื่อง ของแท้ ต้องม๊อบคนดีอัปปรีย์จัญไร กปปส. คับ
แปลก แปลกเนอะที่ไม่เอามาใช้ สงสัยยัด ผิดกับอีกม็อบ ทหาร ประชาชนยังไม่เว้น หลักฐานตอนระเบิดที่บรรทัดทองยังสลับได้เลย ปลอมเป็นม็อบก็ทำมาแล้ว แหม ชั่วช้าจริงๆ คุณว่ามั้ย ปืนไทยประดิษฐ์คืออาวุธสงคราม
นปช. ไมีหรอกครับ ระเบิดแสวงเครื่อง เพราะมีอาวุธสงครามครับ ตำรวจภูธรภาค 1 บุกเข้าตรวจค้นวัดป่าสิวลี (หนองกระชาย) จับพระอาจารย์อินตา สญฺญโต เจ้าอาวาสวัด ซ่องสุมอาวุธ หลังสืบทราบว่าเป็นหัวขบวน ร่วมกลุ่ม นปช. ในการตั้งกองกำลังในการก่อการร้าย เบื้องต้นนนำตัวจับสึกดำเนินคดี วันนี้ (17 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย นายพิสุทธิ์ ภู่เงิน ผอ. สำนักงาน ป.ป.ส. ภาค 1 และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกันแถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ภายตั้งแต่วันที่ 15 - 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 1 โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด สามารถจับกุมได้ผู้ต้องหา 490 คน พร้อมของกลาง ยาบ้า 90,165 เม็ด ไอซ์ 934.7 กรัม เฮโรอีน 0.24 กรัม กัญชา 12 ห่อ หนักรวม 3 กิโลกรัม พืชกระท่อม 543 ใบ หนักรวม 14 กิโลกรัม อาวุธปืน 85 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน 1,057 นัด และสามารถตรวจยึดทรัพย์เป็น เงินสด 75,200 บาท บ้าน 2 หลัง รถยนต์ 6 คัน รถ จยย. 4 คัน ทองรูปพรรณ หนัก 4 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,700,000 บาท พล.ต.ท.อำนวย กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ได้ร่วมมือกับ ป.ป.ส. จัดปฏิบัติการ Task Force เพื่อรวบรวมหลักฐานที่จะทำลายโครงสร้างของกระบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่มาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือน และออกปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมพร้อมกันทุกพื้นที่ เมื่อวันที่ 15 - 17 มี.ค. ที่ผ่านมา ทำให้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งผู้เสพ รวมไปถึงผู้ค้า ซึ่งจากนี้จะทำการยึดทรัพย์สินที่ได้ และนำปู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป พล.ต.ท.อำนวย กล่าวต่อว่า กรณีต่อมาคือเจ้าหน้าที่จาก จ.สระบุรีได้ ร่วมกันเข้าตรวจค้นวัดป่าสิวลี (หนองกระชาย) เลขที่ 62 หมู่ 3 ต.หนองย่างเสือ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา โดยวางกำลังออกตรวจบริเวณรอบวัดกำลังอีกส่วนหนึ่งเข้าตรวจค้นตามกุฏิวัด มี พระอาจารย์อินตา สญฺญโต อายุ 53 ปี เจ้าอาวาส ยืนอำนวยความสะดวกให้ตรวจค้น จากการตรวจพบพร้อมของกลาง ลูกระเบิดขว้าง 1 ลูก อาวุธปืนยาว 5 กระบอก อาวุธปืนสั้น 4 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 126 นัด ปลอกกระสุนปืน 36 กล่อง 4 ถุง วิทยุสื่อสาร 2 เครื่อง กล้องติดปืน 2 อัน กล้องส่องทางไกล 1 อัน ดินประสิว 1 ถุง ธงผ้าแดง (นปช.) 10 ผืน และภาพถ่ายกิจกรรม (นปช.) 1 ชุด เอกสารผ้ามัดคอสีแดง รูปอดีตนายกรัฐมนตรี และรูปนักการเมืองจำนวนมาก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าบริเวณวัดมีธงปักไว้หลายจุด โดยเฉพาะมีธงสีแดงติดอยู่ธงชาติไทย และธรรมจักรด้วย การบุกตรวจค้นครั้งนี้เนื่องจากได้รับรายงานจากพลเมืองดีว่าวัดนี้มีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ จึงได้ประสานทั้งฝ่ายทหารตำรวจปกครองเข้ามาตรวจค้นก็พบของผิดกฎหมายจริง จากการสอบปากคำ พระอาจารย์อินตา กล่าวว่า อาวุธปืน ระเบิด สิ่งของต่างๆ นั้น ไม่ทราบว่าใครเอามาซุกช่อนไว้ เพราะที่วัดแห่งนี้มีลูกศิษย์จำนวนมาก อาตมาจำวัดอยู่ที่นีมากว่า 20 ปีแล้ว ก็มีบ้างลูกศิษย์ทั้งเสื้อแดงและเสื้ออื่นๆ มาแวะพักที่นี่ บัจจุบันนี้วัดอาตมาเหลือพระจำวัดอยู่เพียงรูปเดียว พล.ต.ท.อำนวย กล่าวต่อว่า กรณีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ อาวุธที่ตรวจพบนั้นสามารถตั้งกองกำลังในการก่อการร้ายได้ ซึ่งตนได้เร่งให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบขยายผลในเรื่งดังกล่าวอย่างเร่งด่วน และได้ให้พระอินตาลาสิกขาแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหามีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน (ระเบิด) โดยไม่ได้รับอนุญาตไว้ในครอบครอง พร้อมทั้งได้ประสานเจ้าคณะตำบลมวกเหล็กมาทำการสึกเจ้าอาวาสต่อไป http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9580000031360 นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com (8 มี.ค.) บช.น.แถลงข่าวเหตุปาระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา ล่าสุดหลังจากที่ขอศาลทหารออกหมายจับผู้ต้องหา จนกระทั่งจับกุมได้ 4 คน ยังหลบหนีอีก 1 คน คาดว่าน่าจะโยงสร้างสถานการณ์ทางการเมือง เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ที่ผ่านมา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับกรณีคนร้ายปาระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (7 มี.ค.) เบื้องต้นจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 2 คน และตามจับเพิ่มได้ 2 คน พล.ต.ท.ศรีวราห์ เปิดเผยว่า ผู้ต้องหา 2 คน ที่ร่วมกันก่อเหตุปาระเบิดใส่ศาลอาญารัชดา คือ นายยุทธนา เย็นภิญโญ และ นายมหาหิน ขุนทอง เบื้องต้นให้การเชื่อมไปถึงการสร้างสถานการณ์ทางการเมือง มีการพาดพิงไปถึงผู้ว่าจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งที่มาของระเบิดที่นำมาใช้ก่อเหตุ ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบและได้รับแจ้งจากสายข่าวมาสักระยะว่า จะมีการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ จำนวน 10 จุด ซึ่ง ศาลอาญารัชดา เป็นหนึ่งในเป้าหมายครั้งนี้ด้วย กลุ่มคนร้ายได้รับแจ้งสั่งการผ่านทางแอปฯ แชทชื่อดัง จากคนชื่อ "เดียร์" ว่าจ้างด้วยเงิน 20,000 บาท เพื่อมาก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้หลักฐานนี้มาจากแท็ปเล็ตที่ผู้ตองหาทิ้งเอาไว้ นายยุทธนา หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม ขณะนี้ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ หลังก่อเหตุยิงต่อสู้เจ้าหน้าที่ จนได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งยังให้การว่า เหตุสร้างสถานการณ์ครั้งนี้ เดิมมีแผนก่อเหตุในวันที่ 12-15 มีนาคมที่จะถึงนี้ แต่มีการเปลี่ยนแผนให้เร็วขึ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ควบคุมตัวภรรยาของ 2 ผู้ต้องหา เอาไว้ด้วย เพื่อสืบสวนขยายผลไปถึงตัวผู้บงการ ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 คนที่ยังหลบหนีอยู่ เป็นผู้ทำหน้าที่จัดหาระเบิดมาให้ก่อเหตุ อีกทั้งยังมีหมายจับคดีด้านความมั่นคง ซึ่งอยู่ระหว่างการไล่ล่าติดตามตัว สำหรับอาวุธที่คนร้ายใช้ในการก่อเหตุครั้งนี้ คือ ระเบิดอาร์จีดี 5 ซึ่งเป็นอาวุธชนิดเดียวกับที่ใช้สถานการณ์ทางการเมืองที่ช่วงที่ผ่านมา ขณะที่แกนนำ นปช. ได้ออกมาปฏิเสธเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้น ยืนยันว่ากลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้อยู่เบื้องหลังในกรณีนี้ http://news.sanook.com/1759949/
นปช. ไมีหรอกครับ ระเบิดแสวงเครื่อง เจาะ! ยุทธการสายฟ้าแลบ ดับฝัน 'ขอนแก่นโมเดล' ป่วนเมือง ปฏิบัติการสายฟ้าแลบของกองกำลังผสมทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน กว่า 50 นาย บุกเข้าจับกลุ่มคนเสื้อแดงที่กำลังประชุมกันอยู่ในอพาร์ตเมนต์หรู ริมบึงหนองโคตร ภายในบ้านกอก ต.บ้านเป็ด อ.เมือง ขอนแก่น เมื่อเย็นวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ในขณะที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นกลุ่มหนึ่งกำลังถือป้ายประท้วงและไม่พอใจการยึดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. อยู่ที่ศูนย์การค้าใหญ่ใจกลางเมืองขอนแก่น แต่เหตุการณ์ทั้งสองไม่ได้เกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด เพราะเหตุการณ์เคลื่อนไหวของนักศึกษาเป็นกลุ่มที่เคยเคลื่อนไหวและแสดงออกทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งหวังให้ประเทศเดินหน้าไปด้วยประชาธิปไตย ในขณะที่การเคลื่อนไหวของคนอีกกลุ่มหนึ่ง จำนวน 22 คน มีชาย 21 คน และหญิง 1 คน ในอพาร์ตเมนต์นั้น เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อหวังสร้างความรุนแรงเป็นกลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ มีทั้งกองกำลังอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.), แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แดงทั้งแผ่นดิน และกลุ่มแกนนำกองทัพปราบกบฏ ปฏิบัติการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัว เกิดขึ้นที่บริเวณชั้น 4 ของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ หลังสายข่าวรายงานว่า มีกลุ่มคนเสื้อแดงเปิดห้องพักเพื่อประชุม และคาดว่าจะต้องมีปฏิบัติการไม่ชอบมาพากลบางอย่าง เพราะเรื่องนี้เจ้าหน้าที่ทหารได้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่อยู่แล้ว เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ที่คนเสื้อแดงถูกปราบปรามจากเวทีราชประสงค์และถอยกลับมาอยู่ในที่ตั้ง ได้ลุกฮือไปเผาสถานที่ราชการและสถานที่สำคัญหลายแห่ง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ของภาคอีสาน อย่าง มุกดาหาร อุบลราชธานี ขอนแก่น และ อุดรธานี และเกรงว่า การที่กองอำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (กอ.รส.) ได้สลายการชุมนุมคนเสื้อแดงที่ถนนอักษะ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา จะทำให้แกนนำกลุ่มนี้กลับมาที่ตั้งและปฏิบัติการซ้ำรอยปี 2553 อีก และการข่าวก็เป็นจริง ทันทีที่กองกำลังจู่โจมขึ้นไป พบผู้ต้องหาทั้งหมดแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม และแยกห้องประชุมเป็น 2 ห้อง โดยห้องพักหมายเลข 406 มีคนประชุมอยู่ 10 คน ห้องหมายเลข 407 มีคนนั่งอยู่ 9 คน และห้อง 411 มีคนพักอาศัยอยู่ 2 คน แต่การตรวจค้นเบื้องต้นทั้งหมดไม่มีอาวุธสงครามพกติดตัว จากนั้นเจ้าหน้าที่ขยายผลไปตรวจค้นที่รถของผู้ต้องหาทั้งหมด 10 คัน ที่จอดอยู่ลานจอดรถ โดยรถแต่ละคันนั้นบ่งบอกว่าแต่ละคนไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป แต่ถือว่าเป็นคนที่พอมีอันจะกิน ซึ่งมีทั้งรถเก๋งและรถกระบะ ป้ายทะเบียนทั้งจากกรุงเทพฯ ขอนแก่น นครราชสีมา และชัยภูมิ การค้นรถของผู้ต้องสงสัยพบอาวุธสงครามหลายรายการ ทั้งกระสุนปืนและวัตถุระเบิด และที่น่าตกใจคือ มีเอกสารเกี่ยวกับอุปกรณ์ระเบิด เอกสารการฝึกของกลุ่ม อพปช. ผ้าพันคอของ อพปช.อีกจำนวนมาก บัตรสมาชิก นปช.และภาพถ่ายของผู้ต้องหาที่เคยถ่ายกับบุคคลสำคัญๆ เอาไว้อีกหลายแผ่น โดยเฉพาะภาพถ่ายกับ เสธ.แดง จากนั้นผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมของกลาง ถูกนำตัวไปควบคุมไว้ที่ค่ายสีหราชเดโชไชย ซึ่งอยู่ติดกับสนามบินขอนแก่น เพื่อสอบปากคำ ผู้ต้องหาคนสำคัญที่ทหารควบคุมตัวเอาไว้ มีชื่อ นายมีชัย ม่วงมนตรี ชาว อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด แกนนำกองทัพปราบกบฏ ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในพื้นที่อีสานกลาง, จ.ส.ต.ประทิน จันทร์เกศ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีภาพถ่ายสมัยเข้าฝึกเป็นอาสาสมัครตำรวจและมีภาพถ่ายกับบุคคลสำคัญของกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย และยังมี นายเสนอ นันทน์ธนกุล ประธาน อพปช.นครราชสีมา อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญและเคลื่อนไหวในนามของ อพปช.มาตลอด และมีความใกล้ชิดกับ "แรมโบ้อีสาน" หรือ สุภรณ์ อัตถาวงศ์ ประธาน อพปช. ทั้งเคลื่อนไหวรับสมัคร อพปช. และเผาโลงศพประท้วงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งวินิจฉัยคดีจำนำข้าวเมื่อเร็วๆ นี้นั่นเอง เช้าวันที่ 24 พฤษภาคม มีข่าวว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง จะเดินทางมาสอบปากคำและตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตนเอง แต่ท้ายที่สุดได้ส่ง พล.ต.ธวัช สุกปลั่ง รองแม่ทัพภาคที่ 2 รองผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.ศักดา เปรุนาวิน ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 3 ผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองพลทหารราบที่ 3 เป็นผู้มาตรวจสอบเอง และตัดสินใจเปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่ไปเฝ้ารอเพื่อสัมภาษณ์แม่ทัพภาคที่ 2 เกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองในพื้นที่ภาคอีสาน การแถลงข่าวมีการนำของกลางทั้งหมดมาวางไว้บนโต๊ะ ทั้งกระสุน ลูกระเบิด อุปกรณ์สื่อสารต่างๆ และกระเป๋าเงินของผู้ต้องหาทั้งหมด คล้ายๆ กับการแถลงข่าวของตำรวจ จากการตรวจสอบกระเป๋าเงินที่เจ้าหน้าที่ยึดได้ แต่ละใบพบว่ามีราคาค่อนข้างแพง ข้างในกระเป๋ามีบัตรเครดิตหลายใบ และโทรศัพท์ที่ยึดได้แต่ละเครื่องเป็นโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนที่ราคาหลายหมื่นบาทแทบทั้งสิ้น ซึ่งระหว่างแถลงข่าวมีคนโทรเข้าเสียงดังตลอดเวลา รองแม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า ผู้ต้องหาสารภาพจะนำเอาอาวุธทั้งหมดไปก่อเหตุสร้างความวุ่นวายทางการเมือง ตามคำสั่งของแกนนำคนเสื้อแดง เพื่อหวังให้เป็น "ขอนแก่นโมเดล" เหมือนเมื่อครั้งที่มีกองกำลังคนเสื้อแดงบุกไปเผาสถานที่ราชการ เผาธนาคาร และสถานที่สำคัญๆ อีกหลายแห่ง แต่เจ้าหน้าที่รู้ทันและเตรียมเฝ้าระวัง พร้อมหาข่าวอยู่แล้ว จึงปฏิบัติการสายฟ้าแลบในครั้งนี้ พร้อมทั้งเฝ้าระวังพื้นที่ที่คาดว่าจะมีการก่อเหตุอีกหลายจังหวัด แหล่งข่าวในพื้นที่ระบุว่า โชคดีที่ทหารปฏิบัติการจับแกนนำครั้งนี้ได้สำเร็จ เพราะแต่ละคนที่จับได้นั้นเป็นระดับหัวหน้าชุดปฏิบัติการที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคอีสานมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนปี 2553 โดยเคลื่อนไหวระดมทุนให้แก่คนเสื้อแดงและเคลื่อนไหวเพื่อฝึกอบรมกองกำลังพิเศษอย่าง อพปช. แต่ที่น่าตกใจไปมากกว่านั้น จากการสอบปากคำแกนนำที่จับตัวได้ในครั้งนี้ พบว่ากำลังเตรียมปฏิบัติการ "บึ้มป่วนเมือง" สร้างสถานการณ์ในจุดสำคัญๆ ของเมือง ในวันเสาร์ที่ 24 พฤษภาคมนี้ แต่ยังไม่ยอมระบุว่าเป็นจุดใด ทันทีที่ข่าวเผยแพร่ออกไปตามสื่อโซเชียลมีเดีย มีข่าวว่า แกนนำคนเสื้อแดงอีสาน โดยเฉพาะสายบังคับบัญชาของ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ได้เก็บตัวเงียบ และต่อมามีข่าวว่านายสุภรณ์เข้ารายงานตัวที่กองทัพภาคที่ 2 พร้อมกับแกนนำคนเสื้อแดงอย่าง นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.โคราช และ นายสมโภชน์ ประสาทไทย แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช ก็ทยอยเดินทางไปรายงานตัวในเวลาไล่เลี่ยกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ คือ แกนนำและกลุ่มเสื้อแดงฮาร์ดคอร์ที่จับได้เป็นเพียงส่วนน้อยนิดเท่านั้น แต่แกนนำที่ยังเคลื่อนไหวอยู่และเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถจับกุมได้ น่าจะยังมีอีกจำนวนมาก แม้จะมีการประกาศรายชื่อให้คนสำคัญของกลุ่มไปรายงานตัว แต่นั่นเป็นเพียงส่วนของผู้บริหารเท่านั้น บรรดากองกำลังระดับแม่ทัพนายกองยังมีอยู่เต็มพื้นที่ ทางยุทธศาสตร์แล้ว แกนนำเสื้อแดงที่ปรากฏตัวออกสู่ที่แจ้ง ไม่ได้น่ากลัวเท่ากลุ่มแกนนำที่ปฏิบัติการลับในหลายพื้นที่ จึงอยู่ที่ว่า... คสช.จะมีการข่าวแน่นและเข้าควบคุมได้ก่อนการก่อเหตุร้ายแรงได้หรือไม่? - See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/584451#sthash.gqXnXXT1.dpuf
อัปปรีย์จัญไร ชั่วช้าสามานต์จริง ม็อบนี้ ตำรวจสามารถจับหนึ่งในผู้ต้องหา คดีเหตุระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น ที่ย่านบางบัวทอง เมื่อปี 2553 ได้แล้ว ซึ่งเหตุการณ์มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ซึ่งหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ หนึ่งในผู้ต้องหาที่ตำรวจเชื่อว่า เป็นผู้ประกอบระเบิดจนทำให้ระเบิดขึ้นเอง โดยเหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 5 ตุลาคม ปี 2553 โดยห้องพักเกิดเหตุระเบิดคือบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องเช่าที่มีผู้พักคือนายสมัย วงศ์สุวรรณ อดีตการ์ด นปช. ซึ่งเมื่อตำรวจชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบพบว่า ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นระเบิดทีเอ็นที และคาดว่า นายสมัยได้นำระเบิดเหล่านี้มาซุกซ่อนไว้ในห้องพักแห่งนี้ และอาจจะประกอบระเบิดเองจนทำให้เกิดระเบิดขึ้น และจากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจพบว่า มีผู้เชื่อมโยงในคดีนี้หลายคน คือ นายกษิ ดิฐธนรัชต์ นางอัมพร ใจก้อน ซึ่งเป็นผู้พานายสมัยพาเช่าห้องพัก ที่สมานเมตตาแมนชั่น เมื่อเดือนกันยายน 2553 นายยา ปิยะนรา เจ้าของรถกระบะที่พบข้อมูลว่า เคยมาหานายสมัยที่ห้องพักแห่งนี้หลายครั้ง และยังเป็นพาหนะที่ใช้ก่อเหตุวางระเบิดหลายหน รวมถึงน.ส.ณธัญ หะยี ดือราแม และนางสุนาวิน เฉิดฉาย ซึ่งทั้งสองเป็นภรรยาของนายกษิด้วย โดยศาลได้อนุมัติหมายจับทั้งหมดแล้ว http://news.thaipbs.or.th/content/ตรจับผู้ต้องหาคดีระเบิดสมานเมตตาแมนชั่น-เมื่อปี-53
อัยการยื่นคำร้องขอศาลอาญาเพิกถอนปล่อยตัวชั่วคราว 5 แกนนำนปช. ทำผิดเงื่อนไขประกันตัวคดีร่วมกันก่อการร้าย ศาลนัดไต่สวน18มกราคมปีหน้า เรือโทสมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า เมื่อวันที่ 2กันยายนที่ผ่านมา พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ1 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอให้เพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว นายวีระหรือวีระกานต์ มุสิกพงศ์ กับพวกรวม 5 คน ประกอบด้วย นายจตุพร พรมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นายเหวง โตจิราการ และนายนิสิต สินธุไพร ซึ่งทั้งหมดเป็นจำเลยในคดีร่วมกันก่อการร้าย โดยคดียังอยู่ระหว่างการสืบพยานของศาลอาญา สืบเนื่องจากทางอัยการได้รับหนังสือจากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งให้ทราบว่านายวีระกานต์ กับพวกได้มีพฤติกรรมและการกระทำอันเป็นการผิดเงื่อนไขตามที่ศาลอาญาได้กำหนดไว้ในการอนุญาตให้ปล่อยตัวจำเลยชั่วคราว โดยแจ้งข้อเท็จจริงพร้อมกับแนบพยานหลักฐานหลายรายการเกี่ยวกับการกระทำผิดของจำเลยทั้ง5 คนมาให้พิจารณาด้วย โดยพนักงานอัยการได้พิจารณาแล้วจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญา เพื่อให้ศาลพิจารณาและวินิจฉัยเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราวนายวีระกานต์ กับพวกทั้ง 5 คนดังกล่าว โดยขอให้ศาลมีคำสั่งไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อประกอบการพิจารณาเพิกถอนการให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอาญาต่อไป สำหรับเงื่อนไขข้อกำหนดในการปล่อยตัว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้พวกจำเลยกระทำการใดๆอันมีลักษณะเป็นการดูหมิ่นผู้อื่น หรือยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดม เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองหรืออาจก่อให้เกิดอันตราย กระทบต่อเกียรติยศ ชื่อเสียง และความเป็นอยู่ส่วนตัวของบุคคลอื่นหรือความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือกระทำการใดๆเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ล่าสุดศาลอาญา ได้รับคำร้องของอัยการและมีคำสั่งนัดไต่สวนคำร้องในวันที่ 18 มกราคม ปีหน้า วันเดียวกับการนัดสืบพยานโจทก์คดี 24 แกนนำ นำนปช.ร่วมกันก่อการร้าย โฆษก อสส. แจงยื่นคำร้องต่อศาลอาญาปล่อยตัวชั่วคราว 5 นปช.