ไปอ่านเจอเอาบทความนี้เข้า...ถึงจะยาวหน่อยแต่ เห็นว่าเข้าเค้า น่าสนใจ และ น่าจะใช่ทั้งหมด... บทความเขาว่าว่า... ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ผมคิดว่า... 1) คสช. โตเกินกว่าจะลงมาเป็นคู่กรณีกับนักศึกษาชูสามนิ้ว ปล่อยวัยรุ่นให้ “ตื่นขนรักแร้” เล่นสนุกของเขาไปในขอบเขตหนึ่ง อย่าไปมีปฏิกิริยามาก จนเข้าทาง “สื่อ” ที่รอสนุกกับภาพที่ คสช.“สะดุ้งสะดิ้ง” เพราะความจริง เด็กเหล่านี้เป็นแค่ “ระลอกคลื่นเล็กๆ ที่ชายหาด” ไม่ใช่คลื่นใต้น้ำ 2) อย่าหลงเดินตามเกมของสื่อ ที่ต้อน คสช. ให้ลงไปเป็นคู่ชกกับเด็กเหล่านี้ เพราะในความเป็นจริง เขาอุ้มเด็กเหล่านี้ขึ้นมาชกกับ คสช. เพื่อให้เสียเวลา เพื่อให้แก้ปัญหาได้ช้าลง 3) คสช. จึงต้องทันเกมและ “นำสื่อ” ไปในประเด็นที่สำคัญกว่า เช่น การแก้ปัญหาภัยแล้ง ที่ต้องอาศัยสื่อให้ช่วยกระจายข่าวถึง“ความน่ากลัว” ที่ต้องเตรียมการรับมือร่วมกันจากทุกภาคส่วน ด้วย “มาตรการ” ต่างๆ ต้องสะกิด “สำนึก”ของสื่อ ว่าเรื่องไหนสำคัญกว่าเรื่องไหน และควรให้รายละเอียดที่สำคัญ เพื่อ“จูงใจ” ให้สื่อนำไปรายงานสู่ประชาชนด้วย ตลอดจนสร้างดุลยภาพของพื้นที่ข่าวด้วยการใช้สื่อของรัฐ สื่อของกองทัพ “เติมข่าวที่ไม่ถูกเล่า” เข้ามาให้เป็นประเด็นนำ หยุดเลอะเทอะกับการเอาเด็กมายืนร้องเพลงด่าผู้ใหญ่ในตอนเย็นๆ หลังเคารพธงชาติได้แล้ว 4) ต้องใช้คณะโฆษกให้มากกว่า การให้ “ผู้ใหญ่” ดาหน้าออกมาตอบเรื่องจิ๋วๆ จนเรื่องจิ๋วๆ กลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะคนที่พูดตัวใหญ่และเสียงใหญ่ 5) ผมเคยพูดไว้หลายหน หลายที่ว่าการรบกับ คสช. รอบนี้ ฝ่ายเสียผลประโยชน์จากการถูกรัฐประหารเขาไม่ใช้ “มวลชน” รบ แต่ใช้ “สื่อมวลชน” รบ 6) วิธีการก็คือ สื่อในพื้นที่จะตั้งคำถามยั่วนายกฯ รอปฏิกิริยา รออารมณ์ที่เลยจุดเดือด รอคำพูด ท่าที สีหน้า เพื่อนำไปขยายผลผ่านอินเตอร์เนต วิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ บางเรื่องส่งต่อไปยังเครือข่ายสื่อต่างประเทศ แล้วคาบกลับมารายงานซ้ำว่าสื่อต่างประเทศว่าอย่างนั้น ว่าอย่างนี้ 7) เรื่องเยาวชนชู 3 นิ้ว ก็เป็นการ “เลี้ยงกระแส” โดยสื่อจำพวกนั้น และ “ผลิตเพิ่ม” ทีละวันสองวัน เพราะใช้เด็กแค่ไม่กี่คนกับกล้อง ก็กลายเป็นอาวุธ เลื่อย คสช. ไปวันๆ หนึ่งได้แล้ว 8) ผมเชื่อนางธิดา ว่าการกระทำของเด็กเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับ นปช. และดูตัวบุคคลแล้ว ก็เห็นชัดว่าเด็กเหล่านั้น “มีที่มา”ของตัวเอง เพียงแต่ว่ามี “บุคคลต้องห้าม” ในสายตา คสช. หลายคน เป็น “กองเชียร์” หรือจะเรียกว่า “หน้าตัวเมีย” ก็สุดแท้แต่จะใช้คำคือเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้ขลาด แอบยุยงส่งเสริมให้เด็กเตลิดเหลิงว่าทำดีแล้ว ทำถูกแล้วอยู่ข้างหลัง 9) นอกจากนี้ คสช. ต้องกลับไปดู “สัญญาณ” ที่ตัวเองส่งมาตลอด ส่งมาตั้งแต่ต้น และเป็นสัญญาณที่ถี่เกินไปและไกลจากความเป็นจริง นั่นคือคำว่า “ปรองดอง” ซึ่งเป็นแค่เครื่องเคียงของสถานการณ์ แต่กลับหยิบยกขึ้นมาเป็นเรื่องสำคัญสูงสุดของสถานการณ์ 10) ไม่มีใครต้องปรองดองกับใคร มันเป็นแค่ภาพลวงตาว่าคนไทยตีกัน ซึ่งต้องแก้ด้วยการทำให้คนไทยรักกัน มันเป็นการทะเลาะกันทางความคิด จากการมองปัญหาคนละมุม ได้ข้อมูลคนละชุด ส่วนปัญหาจริงๆ คือ “กระบวนการยุติธรรมที่ล่าช้า” กับ “การตรวจสอบที่ถูกทำให้ล้มเหลว” 11) คสช. มีหน้าที่ทำการตรวจสอบที่เคยล้มเหลวให้กลับมาทำงาน และทำอย่างกระฉับกระเฉง และตามด้วยกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ต้องรอ 2 ปี 5 ปี 10 ปี ไม่ได้บอกให้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรมนะครับ แต่จงขอร้องให้ดำเนินการพิจารณาคดีที่เป็นชนวนของความขัดแย้งทั้งหลายให้เร็วหน่อย ใครโกงชาติ ใครทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ ใครใช้อำนาจที่ผิด ต้องถูกลงโทษ 12) อย่าลืมว่ารัฐบาลก่อนๆ เขาชุบเลี้ยงสื่อที่ไม่ทำหน้าที่ “สุนัขเฝ้าบ้าน” ของประชาชน แต่กลายพันธุ์เป็น “สุนัขรับใช้” ของรัฐบาล ไว้ช่วยกันกลบเกลื่อนความผิด ความเป็นเผด็จการ ไม่สะท้อนความจริงให้ “สำนึกทางศีลธรรม” ของประชาชนทำงาน ก็กลายการ “เสี้ยม” ให้คนมาขัดแย้งกัน ด้วย “ชุดความจริง” ที่ได้รับไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน และไม่ตรงกับความจริงที่เป็นจริง สื่อพวกนี้คือคลื่นเหนือน้ำ ส่วนคลื่นใต้น้ำเขาไม่มา “รบ” กับ คสช. หรอก เขาแทรกซึมเข้าไปใน สนช. สปช. และกระบวนการยุติธรรมดีกว่า เตะถ่วงเวลาเรื่องคดีและขัดขวางการปฏิรูปดีๆ ที่ประชาชนรอคอย ทำให้คนหงุดหงิด ที่ไม่ได้ดั่งใจ ไม่สมใจ แล้วไปด่า คสช. แทน ว่าไม่เห็นทำอะไร จากนั้นค่อยไปหาทาง “ชนะ” ในการเลือกตั้ง แล้วหาวิธีแก้กติกาที่เป็นอุปสรรคด้วยอำนาจของเสียงส่วนใหญ่ในสภาอย่างที่เคยทำมา เวลานี้ คสช. จึงมีภาระใหญ่หลวง ในการเดินหน้า “แก้หนี้” ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทำไว้ สู้กับปัญหาใหญ่คือ “เศรษฐกิจ” ปากท้องของพี่น้องประชาชน และการปฏิรูปที่ผู้คนคาดหวัง เร่งเร้า และรอคอย คสช. จึงไม่ควรเสียเวลากับการถูกล่อให้ติดกับ เรื่อง “การใช้อำนาจ” อย่างบ้าคลั่ง อย่าเดินไปติดกับเขา ถอยออกมา นำปัญหาบ้านเมืองที่คนไทยทั้งชาติจะต้องเจอและร่วมมือกันแก้ นำอนาคตที่งดงามมาเร่งเร้าให้คนไทยร่วมใจกันคิด ร่วมกันทำให้เกิดขึ้นให้ได้ บอกความจริงว่าโลกทั้งใบกำลังเสี่ยงกับวิกฤติเศรษฐกิจ และบอกตรงๆ ว่าถ้าพวกคุณร่วมกันแก้ปัญหา ก็เท่ากับเร่งเวลาให้พวกผมจากไป ส่วนเด็กๆ ยอมให้เขา “บำบัดอารมณ์ทางการเมือง” ของเขาบ้างในบางพื้นที่ ดีกว่าผลักเด็กพวกนี้ให้ถึงทางตัน แล้วหันไป “สมสู่” กับพวกชั่ว ทำลายชาติ!! http://www.naewna.com/politic/columnist/15594 ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- อือมมม...มานึกถึงบทสัมพลาด 'เธอ' ที่มีสื่อเอามาลง 'หยั่งกระแส' จากนั้นก็รีบออกมา ขอโทษและปฏิเสธว่า 'เธอ' ไม่ได้พูดอย่างนั้น...แล้ว ผมว่า น่าจะเข้าเค้ากับข้อที่ 5 น่ะที่ว่า... หรือเพื่อนๆว่า มีข้อไหนที่ไม่น่าจะใช่ หรือเห็นด้วยอย่างไร...เชิญให้ คคห.กันได้ครับ...
ไม่ต้องเตือนทหารเขาหรอก .. คิดว่าจิตรกร ละเอียดเกิ๊น ( ตาม gender condition ของเทอ 555+ ) พี่ทหารเขาไม่หยุมหยิมจนทำให้ผิดพลาดในเรื่องเล็กๆแบบนี้หรอก ( โอบามายังอึดไม่เท่า แค่มวลชนระดับไม่เท่าไรที่เฟอร์กูสันยังสั่งลุย เฮ่อ )
อันที่จริงผมก็ว่าถูกนะครับ ไอ้พวกร่านฯนี่ไม่ต้องถึงมือหน่วยความมั่นคงหรอกครับ เจอแค่ เวปบอร์ดสภากาแฟ เพจคณะร่าน ตบดิ้น ห่วยตูน ฯลฯ ก็ตาย5ไปไม่เป็นกันแล้ว วิธีแก้ไอ้พวกร่านฯก็ง่ายนิดเดียว ใช้ภาพถ่ายมุมกว้างแบบคุณ ไมเคิล ยอน ให้เห็นว่าพวกร่านฯแม่งไปกันแค่ 4 - 5 ตัว แต่นักข่าวรุมถ่ายเป็นสิบ ๆ คน แล้วให้นายกเอามาออกทีวีให้ไอ้พวกสื่อมันหายบ้าหน่อย ถามไปตรง ๆ เลยก็ได้ไม่มีอะไรทำกันเหรอ แต่ไม่เห็นด้วยที่ว่ามันจะใช้สื่อมวลชนรบกับทหาร เพราะหลังจากเรื่องข้าวเหนียวไก่ กับเรื่องนักข่าวโดนเพจดักควายเข้าไป มันยังมีคนที่สติดี ๆ คนไหน ที่ยังหวังอะไรกับไอ้พวกสื่อขี้กากนี่อีก
ที่คุณปู-จิตกร ว่าไว้...ต่อเรื่องที่สื่อเอาบทสัมพลาดเธอ ไปละเลงจนเป็นวาทกรรม 'ปูเก็บเห็ด' นี้ ก็น่าคิด... https://www.facebook.com/poojidtakorn?ref=stream
ไม่เห็นด้วยข้อสองคือ ไม่ต้องไปผลักไอ้พวกร่านฯหรอกครับ ไอ้พวกร่านฯทาสไอ้ไม่เต็มบาทก็พร้อมจะทำลายชาติตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่แล้ว ขนาดยุคไอ้แม้วมันยังเห่าเรื่องเดิม ๆ ไม่เคยเปลี่ยน ก็บอกแล้วว่ามันพลาดเมื่อไหร่ก็เอามันเข้าตะรางก็เท่านั้น ส่วนวิธีจัดการไอ้พวกคอมฯหลงยุคนี่ผมว่า ควรเอาประวัติการหนีออกประตูหลังธรรมศาสตร์ ปล่อยเพื่อนนอนรอความตายของบางตัวมาประจานให้รู้ ๆ กันหน่อยก็ดี ถ้าไม่มีข้อมูล ไปขอจากกลุ่มเข้าป่าที่ไม่เอาไอ้แม้วก็ได้
ผมเห็นด้วยนะ แต่เชื่อว่าถ้าทหารมีเรื่องจัดการพวกทุจริต ผู้มีอิทธิพล หรือพวกเป็นปัญหาที่คนในสังคมไม่ว่าจะสีใหนมองเห็นว่าไม่มีใครทำอะไรได้มานานอย่างเรื่อง พงษพัฒน์ มาเล่นเรื่อยๆ รับรองว่าต่อให้พวกเด็กงี่เง่านี่ชูสามนิ้วแล้วโดนทหารกระทืบตรงนั้นแล้วขังลืมซัก 5 ปี คนส่วนใหญ่ของประเทศก็ไม่ว่าอะไร
เริ่มท้องอืดเฟ้อ เรอเปรี้ยว เบื่ออาหาร เมื่อเห็นแต่ละเรื่องของ สนช. แล้วขอรับ... ส่วน คสช. ชักเริ่มชาชิน... ก็ดูกันไป๊ ยังไงๆก็ต้องอยู่รับเวรรับกรรมต่อไป ไม่ได้มีหมื่นล้านไปซื้อประเทศอื่นอยู่อย่างพวกแม่มมันงิ...
ผมว่า คสช เขาไม่ โง่ หรอก และเขาก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเด็กพวกนั้นมากมายนัก แต่ที่มันเป็นข่าวก็เพราะสื่อและสังคมออนไลน์เอามาพูดกันไม่รู้จบนั่นแหละ คสช เขามีเรื่องปัญหาของประเทศที่ต้องแก้ไขเยอะ และเป็นเรื่องใหญ่กว่าเรื่องพวกนี้ แต่เรื่องพวกนี้จะให้เขาปล่อยอิสระเสียเลยมันก็ไม่ได้หรอก เพราะถ้าเขาไม่ปรามไว้ ป่านนี้ก็ออกกันมาเต็มถนนแล้ว ไม่เชื่อลองดูก็ได้ แต่ถ้าคิดแบบโลกสวยแล้ว เวลามันออกกันมาเต็มถนนก็อย่าย้อนกลับไปด่าเขาก็แล้วกัน ที่เขาทำอยู่นี่ เขาไปไล่ทุบไล่บี้เด็กพวกนี้เมื่อไร แล้วเดือดร้อนอะไรกับการแสดงออกที่มันผิดเวลาผิดกาลเทศะ ตอนเขายึดอำนาจใหม่ ๆ ยังไม่เกิดกันหรือไง ถึงจะมาแสดงตอนที่เขาจะนำพาประเทศให้เดินหน้า หรือยังคิดถึงบรรยากาศการชุมนุมประท้วงอยู่ จึงอยากให้อิสระกับเด็กพวกนี้กันมากมาย ถ้าคิดว่าการทำแบบนี้มันน่าจะดีต่อประเทศชาติ ก็ควรออกไปนำเด็กเหล่านี้เสียเลยดีกว่า บางเรื่องบางอย่างเราอาจมองว่ามันเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่คนพูดคนวิจารณ์ต้องดูตนเองด้วยว่า ตนเองอยู่ในสถานะใด มีคนที่เขาฟังคุณแล้วเชื่อเลยมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้ามีคนเชื่อคุณมากเรื่องที่คุณพูดมันก็จะกลายเป็นกระแสได้ไม่ยากในเวลาอันรวดเร็ว จากเรื่องเล็ก ๆ มันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาทันที ถ้าเป็นผมพูด หรือสมาชิกในบอร์ดนี้พูดหรือวิพากษ์วิจารณ์ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้าเป็นสื่ออาชีพ หรือเป็นคนที่มีผู้ติดตามเยอะแยะมากมาย มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะครับ
คิดเหมือนกับข้อ4,6,7,12ครับ ก็พวกสติไม่ดีเนี่ยแหละครับบ้านเมืองถึงเป็นแบบนี้ สื่อเสียสติที่นึกว่าตัวเองเป็นนักรบมีเดียก็คอยช่วยเลี้ยงกระแสให้ มันก็ต้องหาอีเวนท์ไว้ทำข่าว ถ้าไม่มีหัวข้อข่าวเด็ดๆมาเบียดพื้นที่ ระหว่างรออีเวนท์จากร่าน สื่อเฮี้ยมันก็ไปล่อเหนียวไก่ โบโบ้ กาโว กันอยู่นั่น จะใจดีกับมันยังไงซะ ตราบที่ไม่อัดฉีดเกทับลงไปให้อิ่มหนำสมใจมัน มันก็อ้างเรื่อยเปื่อยว่าโดนปิดหูปิดตาปิดปากอยู่ดี เพราะไม่ได้จ้างให้เงียบแบบเมื่อก่อน อีเวนท์ร่านเนี่ยก็ต้องดูแลไว้ นานๆทีปล่อยให้มันมาสเตอร์เบทบ้างก็ได้ แต่อย่าให้มันฟรีสไตล์หรือถี่เกินเหตุ เพราะยังไงก็หน้าเดิมๆซ้ำซาก เห็นด้วยคุณโนวิทว่าจัดทีมงานไปร่วมถ่ายภาพกับมันเลย เอามุมกว้างให้เห็นชัดว่าโหรงเหรง แล้วซูมแถวหน้าชัดๆด้วยว่าสื่อเฮียตัวไหนตีตั๋วริงไซท์(หรือถึงขั้นเป็นเนื้อเดียวกันกับตัวต้นข่าว) แล้วก็คงต้องชิงหาอีเวนท์ดีๆให้มีเรื่อยๆละครับ เช่น
เด็กกลุ่มนี้ที่ 3นิ้ว มข. เป็นกลุ่มเดียวกับที่โดน ตำรวจกระทืบที่เลย ตอนไปค้านทำเหมืองทอง โดยพื้นฐาน ผมว่า ok นะ มีพลัง เ็น vector ที่ดีกับสังคม แต่ เราจะทำยังไงให้พลังอันนี้ เกิดประโยขน์อย่างแท้จริง ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เชิมมาคุย ให้ช้อมูลเชิงลึก โดยพื้นฐานเด็กกลุ่มนี้ ok ไม่ได้ตามแฟชั่น // อย่าพลักเค้าไปอยู่ฝั่งตรงข้ามเลย
ทักษิณกำลังใช้เงินฟาดหัวสื่อขี้ข้าหลายค่าย ให้ออกข่าวเสี้ยมทำลายคสช. สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์มันใช้งบประมาณของรัฐ(ภาษีประชาชน)มาจ้างสื่อขี้ข้าให้พีอาร์เชลียร์รัฐบาลพรรคเผาไทย พอไม่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ต้องช่วยกันจับตาว่าไอ้เศรษฐีขี้เหนียวเหลี่ยมมันยอมควักเนื้อตัวเองซื้อสื่อฯ หรือแอบดูดเอาเงินชาวบ้านผ่านตลาดหลักทรัพย์ที่ตระกูลชินวัตรมีเอี่ยวหุ้น มาจ่ายให้สื่อขี้ข้าทำงานรับใช้
ไม่ว่าจะเคยทำอะไรมาก่อน ถ้าตอนนี้ไปเป็นแนวร่วมของคนเฮี้ย ๆ อย่างไอ้จุด มันก็ใช้ไม่ได้ทั้งนั้นแหละครับ อันนี้ไม่ได้ผลักเลยนะ แต่มองแยกเป็นการกระทำไปเลย มีวิธีแสดงออกที่สร้างสรรค์กว่านี้อีกเยอะที่ไม่ต้องไปเป็นแนวร่มของไอ้เฮี้ยจุด