นับเป็นอีกหนึ่งคดีที่พิสูจน์ให้เห็นว่ามวลชนเสื้อแดงที่ถูกหลอกใช้หลงเชื่อคำยุยงปลุกระดมของนายใหญ่นักโทษหนีคุกและเหล่าแกนนำคนเสื้อแดงให้ก่อการร้ายเผาเมืองในเหตุการณ์เมื่อปี 2553 กำลังทยอยรับกรรมโดยล่าสุดศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาลงโทษจำคุกมวลชนเสื้อแดง 4 คน ที่ร่วมกันเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 ประกอบด้วย นายอดิศัย วิบูลเสข นายจิรัฐตระกูล สุมหา นายสุทัศน์ สิงห์บัวขาว และนายอุดม คำมูล โดย นายอดิศัย ถูกลงโทษจำคุก 13 ปี นายจิรัฐตระกูล 13 ปี นายสุทัศน์ 3 ปี และนายอุดม 3 ปี ทั้งนี้จำเลยมวลชนเสื้อแดงทั้ง 4 ต้องสู้คดีตามยถากรรมโดยทนายให้สัมภาษณ์ว่าจะยื่นอุทธรณ์ แต่ปัญหาคือยังไม่มีหลักทรัพย์มาขอยื่นประกันตัว ชะตากรรมของมวลชนเสื้อแดงทั้ง 4 ไม่ต่างจากอีกหลายต่อหลายคนก่อนหน้านี้ที่ถูกลอยแพและหลายคนต้องใช้ชีวิตอย่างทุกข์ทรมานในคุกโดยไม่มีแกนนำเสื้อแดงคนใดมาเหลียวแลทั้งๆที่ตอนก่อการร้ายเผาเมืองบรรดาแกนนำระบอบทักษิณทั้งหลายต่างรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าพร้อมให้การช่วยเหลือทุกอย่าง จำเลยทั้ง 4 ในคดีเผาศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ไม่เพียงต้องติดคุก แต่ยังมีรายงานข่าวว่าสำนักงานสรรพากรจังหวัดขอนแก่น ซึ่งตั้งอยู่ภายในศาลากลางจังหวัดที่ถูกเผาเตรียมฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายกว่า 100 ล้านบาทด้วย ซึ่งคงจะต้องรอดูว่าจะมีแกนนำระบอบทักษิณหน้าไหนมาช่วยเหลือมวลชนเสื้อแดงที่จะต้องกลายเป็นผู้รับกรรมแทน อีกบทเรียนสำหรับมวลชนเสื้อแดงครั้งนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนสติบรรดามวลชนเสื้อแดงทั้งหลายว่า จอมบงการและเหล่าแกนนำระบอบทักษิณทั้งหลายเพียงหลอกใช้แล้วลอยแพ ขณะที่แกนนำเสื้อแดงหลายคนถูกตั้งข้อสังเกตว่าสู้แล้วรวยเป็นเศรษฐีตามกันจากการกินค่าหัวคิวท่อน้ำเลี้ยงมหาศาลในการหลอกใช้ม็อบเสื้อแดงแต่ละครั้ง ยังไม่รวมรางวัลพิเศษจากนายใหญ่นักโทษหนีคุก พูดถึงการปลุกมวลชนแดงให้เผาเมืองโดยแกนนำประกาศพร้อมรับผิดชอบทำให้นึกถึงแกนนำเสื้อแดงหลายคนที่ปลุกระดมจนเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการคนเสื้อแดง ประกาศบนเวทีว่า “เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง” หรืออย่าง นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง ปลุกเร้าให้มวลชนเสื้อแดงทั่วประเทศเตรียมขวดเตรียมน้ำมันเดินทางมาร่วมชุมนุมในกรุงเทพฯเพื่อทำให้กรุงเทพฯเป็นทะเลเพลิง หรือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคนเสื้อแดง ที่เคยประกาศว่า เสื้อแดงต่างจังหวัดไปรวมตัวที่ศาลากลางตัดสินใจได้ทันที ที่สำคัญ ทักษิณ ชินวัตร ปลุกระดับว่าถ้ามีอะไรรุนแรงเกิดขึ้นกับพี่น้องเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ ขอให้พี่น้องเสื้อแดงต่างจังหวัดไปที่ศาลากลางทุกจังหวัดกันให้เต็มที่ หลังคำประกาศของนายใหญ่และแกนนำเสื้อแดงเหล่านี้ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมือง เมื่อปี 2553 และจบลงด้วยการเข้ากระชับพื้นที่ของฝ่ายทหารจนม็อบเสื้อแดงที่แยกราชประสงค์ สลายตัวในที่สุด ทิ้งไว้ซึ่งความพินาศย่อยยับของประเทศและบรรดามวลชนแดงที่ร่วมก่อการร้ายเผาเมืองทั้งในกรุงเทพฯและจังหวัดต่างๆ ถูกจับกุมดำเนินคดีซึ่งหลายคนใช้กรรมในคุกขณะที่ครอบครัวเดือดร้อนไม่ได้รับการเหลียวแลจากพวกที่ยุยงแต่อย่างใดทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นบทเรียนการถูกลอยแพที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นอุทาหรณ์เตือนสติบรรดามวลชนเสื้อแดงทั่วประเทศให้รู้เท่าทันและตาสว่างเลิกเป็นทาสที่ถูกนายใหญ่จอมบงการและเหล่าแกนนำสู้แล้วรวยหลอกใช้เสียที http://www.naewna.com/creative/188385
ชาวบ้านแห่แจ้งความ แกนนำแดงเบี้ยวค่าจ้างไปม็อบ 11 พ.ค. 57 (14:21 น.) เปิดอ่าน 86,172 ความคิดเห็น198 พิมพ์หน้านี้ 0 ถูกแชร์ทั้งหมด แชร์เรื่องนี้ 0ทวีตเรื่องนี้ 0 ชาวบ้านแห่แจ้งความ แกนนำแดงเบี้ยวค่าจ้างไปม็อบ ภาพประกอบข่าว (11 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. กลุ่มชาวบ้านจากต.หนองหมากฝ้าย และอำเภอต่างๆในพื้นที่ จ.สระแก้วเดินทางมาพร้อมรถตู้รับจ้างโดยสาร 5 คัน พร้อมชาวบ้านกว่า 60 คน เข้าแจ้งความกับ ร.ต.ท.องอาจ ทุมสุด พงส. สภ.หนองหมากฝ้าย อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว ให้ดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงคนหนึ่ง ที่หลอกให้ระดมคนไปชุมนุมร่วมกับ นปช. คนเสื้อแดง ที่ จ.ขอนแก่น เพื่อไปรวมตัวกันรับเสบียง และเดินทางต่อไปยังถนนอักษะ กรุงเทพฯ โดยเสนอจะให้ค่าจ้างคนละ 1,000 บาทต่อวัน และจ้างรถตู้ 5 คัน ๆ ละ 10,000 บาท ทั้งรับและส่ง กำหนดไป 3 วัน โดยได้รวมรวมรายชื่อพร้อมนำบัตรประชาชนผู้ที่จะเดินทางไปก่อนล่วงหน้าแล้วให้ไปรับเงินค่าหัวที่ปลายทาง ต่อมาเมื่อเดินทางไปขอนแก่น ระหว่างทางแกนนำโทรศัพท์มาสั่งคนขับรถตู้ให้ปล่อยชาวบ้านลงข้างทาง ไม่ต้องไปแล้วเพราะการชุมนุมได้ถูกยกเลิก ขณะที่รถตู้ไม่ได้ปฏิบัติตามนำชาวบ้านทั้งหมดกลับมาพบแกนนำคนดังกล่าว แต่แกนนำกลับหลบหน้าไม่ยอมพบ ทำให้ชาวบ้านต้องปิดล้อมไว้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปนำตัวแกนนำมาที่ สภ.หนองหมากฝ้าย เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง ล่าสุดสามารถเจรจาตกลงกันได้ โดยแกนนำยินยอมจ่ายค่าจ้างมาชุมนุมให้คนละ 500 บาท ส่วนรถตู้นั้นให้ค่าเช่าคันละ 10,000 บาท ซึ่งเป็นราคาเต็มคันละ 10,000 บาท เพราะคนขับรถตู้มีน้ำใจ ไปหาซื้ออาหารและน้ำดื่มมาแจกให้ชาวบ้านและไม่ยอมลอยแพตามคำสั่งของแกนนำคนดังกล่าว ที่สั่งให้รถตู้ทิ้งชาวบ้านให้กลับกันเอง http://news.sanook.com/1594137/
น่าเสียดายที่คำให้สัมภาษณ์ของครอบครัวผู้ต้องโทษทั้งหลายไม่ได้รับการเผยแพร่อย่างทั่วถึง เสื้อแดงระดับล่างจะได้มีอุทธาหรณ์สอนใจ ไม่ว่าจะถูกจ้างวาน คึกคะนอง เมา หรือแม้แต่คิดว่านี่คือการทำตามอุดมการณ์ก็ตาม แต่กฏของธรรมชาติคือทุกการกระทำมีผลและคนทำต้องรับผลนั้น ไม่มีทางหลีกเลี่ยง ที่น่าเศร้าคือไอ้พวกยุแยงปลุกระดมทั้งหลายยังคงเสวยสุขและยังเอายาพิษกรอกปากเสื้อแดงระดับล่างต่อไป
อานนท์ นำภา"ทนายแดงอุทธรณ์ "พท.-นปช. ทิ้งเหยื่อโดนขังลืม" เขียนวันที่ วันจันทร์ ที่ 26 มีนาคม 2555 เวลา 13:28 น. เขียนโดย isranews หมวดหมู่ เวทีทัศน์ Send Print 0 เป็นประเด็นร้อนกับ คำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ประกาศระหว่างการโฟนอินที่ จ.สุรินทร์ว่า “รัฐบาลกำลังทำงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งเรื่องการเยียวยาคนเสื้อแดงทั้งแบบชั่วคราวและถาวร ขอย้ำว่าอย่าขัดแย้งกัน เรื่องนักโทษเสื้อแดง ขอให้ใจเย็นๆ ผมกำลังพูดคุยกับผู้พิพากษาอยู่ น่าจะเรียบร้อยทุกอย่าง ถ้ารัฐบาลไม่มีเงินประกันตัวเสื้อแดง ผมจะเอาเงินของผมไปประกันให้ทุกคนเอง” รัฐบาลพรรคเพื่อไทยกำลังเดินหน้า 2 ยุทธศาสตร์ใหญ่ คือ การจัดทำรธน.ใหม่ทั้งฉบับ และการปรองดองที่มีเป้าหมายไปสู่การนิรโทษกรรม ล้างความผิดทุกคดีหลังการปฏิวัติ 2549 ในหมวดการปรองดอง มีหลายขาที่ต้องเดินควบคู่ คือ การเยียวยาซึ่งรัฐบาลได้ออกมติครม.กำหนดค่าชดเชยเยียวยาให้กับเหยื่อจากเหตุการณ์ชุมนุมทั้งม็อบเหลืองและม็อบแดง โดยผู้เสียชีวิตรายละ 7.75 ล้านบาท อีกขาคือ การประกันตัว คนเสื้อแดง ที่ต้องคดีและถูกคุมขัง โดยยอดก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลอยู่ที่ 101 คน แต่ผ่านมา 8 เดือนที่ได้เป็นรัฐบาล กลับไม่มีความคืบหน้ามากนัก ยังมีคนเสื้อแดงถูกคุมขังในคดีต่างๆ รวม 66 คน คนเสื้อแดงที่อยู่ในเรือนจำไม่ได้รับการประกันตัวเหมือนแกนนำ แยกเป็นคดีความผิดกลุ่มต่างๆ ดังนี้ คือ กลุ่มคดีผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 , คดีพรก.ฉุกเฉิน , คดีก่อการร้าย, คดีครอบครองอาวุธวัตถุระเบิด ครอบครองอาวุธสงคราม พรบ.อาวุธปืน คดีวางเพลิงเผาทรัพย์ , คดีร่วมกันฆ่า , คดีลักทรัพย์ นายอานนท์ นำภา ทนายความสำนักกฎหมายราษฎรประสงค์ ที่รับหนักในการวิ่งรอก ช่วยเหลือประกันตัวกับ คนเสื้อแดงในช่วงที่ผ่านมา กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีผู้ต้องขังถูกควบคุมตัวในเรือนจำ 66 คน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลนำโดยกระทรวงยุติธรรมได้อนุมัติงบมาให้สำหรับการประกันตัวแล้วจำนวนหนึ่ง และภายในเดือนมี.ค.-เม.ย. สมาคมทนายความที่ทำงานเกี่ยวกับคดีของกลุ่มนปช. จะยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลที่สั่งไม่ให้ประกันไปอีกครั้งหนึ่ง โดยอยู่ระหว่างการจัดทำคำร้องขอประกัน “การยื่นประกันตัวไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะอุปสรรคสำคัญในการช่วยเหลือผู้ถูกคุมขังที่ยังเหลืออยู่ คือ เวลาที่เรามีหลักทรัพย์ของตัวจำเลยไปยื่น ศาลไม่ให้ประกัน หรือแม้แต่ใช้หลักทรัพย์ของกรมคุ้มครองสิทธิไปยื่นศาลก็ยังไม่ให้ ซึ่งคนที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวที่เหลือ คือชาวบ้าน เป็นชาวบ้านตัวเล็กตัวน้อย ดังนั้นจะเห็นว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่หลักทรัพย์ที่นำไปขอประกัน แต่ปัญหาอยู่ที่ศาล คือศาลไม่ให้ประกันตัว” สำหรับท่าทีของพรรคเพื่อไทยได้ให้ความช่วยเหลือมากน้อยแค่ไหน หลังจากถูกวิจารณ์ว่า ลอยแพคนเสื้อแดง นายอานนท์ กล่าวว่า ในส่วนของการยื่นประกันตัวในทางกฎหมาย รัฐบาลช่วยในระดับหนึ่งโดยอนุมัติงบประมาณมาช่วย แต่ถ้าในทางนโยบายในความเห็นส่วนตัวนั้น มองว่า รัฐบาลยังทำช่วยไม่มาก ทั้งที่ สามารถทำได้ไกลกว่านี้ เพราะดูง่ายๆจากสิ่งที่ถูกสะท้อนออกมาจากรายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ(คอป.) ที่ได้ศึกษาเรื่องความรุนแรงการสลายการชุมนุม โดยคอป.ได้มีข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาลว่า ปัญหาหนึ่งที่ทำให้การเมืองปะทุ และบรรยากาศยังอึมครึมอยู่ขณะนี้ คือเรื่องของนักโทษการเมือง “อย่างที่ผมบอก ขณะนี้ปัญหาที่มีอยู่คือไม่ใช่เรื่องของเงิน ซึ่งถ้าเราดูจากทางปฏิบัติแล้วฝ่ายบริหารสามารถเข้าไปประสานงานกับฝ่ายตุลาการได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราให้ฝ่ายบริหารเข้าไปแทรกแซง แต่หมายความว่า น่าจะหาวิธีช่องทางอื่นเช่น อาจจะใช้ตำแหน่งรัฐมนตรีเข้าไปประกัน หรือวิธีทางอื่นที่สามารถทำได้มากกว่านี้มากว่าที่จะสนับสนุนเรื่องของเงิน ที่สำคัญในส่วนของฝ่ายบริหารถ้ายังเห็นว่านักโทษการเมืองที่ยังติดคุกอยู่ สามารถออกเป็นกฎหมาย พรบ.นิรโทษกรรม ได้โดยใช้อำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ให้ ส.ส.ในสภาที่พรรคเพื่อไทยมีเสียงส่วนใหญ่สามารถ ออกได้และน่าจะผ่าน แต่ตอนนี้ไม่ทราบว่ารัฐบาลรออะไรอยู่” นายอานนท์ ตั้งคำถามกับรัฐบาล” ทนายเสื้อแดง กล่าวว่า ในการช่วยเหลือชาวบ้านเสื้อแดง ที่ยังถูกคุมขังอยู่กับการช่วยเหลือแกนนำคนสำคัญของ นปช.ที่ผ่านมามีความเหลื่อมล้ำกันอยู่พอสมควร อย่างการช่วยเหลือแกนนำนปช. บางคนมีคดีหมิ่นพระบรมราชานุภาพด้วย แต่ก็ได้รับการประกันตัวออกมา ผิดกับชาวบ้านที่ยังติดคุกในความผิดมาตรา 112 ดังนั้นรัฐบาลควรให้ความช่วยเหลือให้มากกว่านี้ เพราะเท่าที่เห็นยังไม่เพียงพอ “ความสามารถของรัฐบาลน่าจะช่วยได้ไกลกว่านี้ ไม่ใช่ว่าเมื่อศาลไม่ให้ประกันแล้วเรื่องก็จบ แต่เราต้องคุยกันต่อว่าเมื่อไม่ได้ประกันแล้วเราจะมีช่องทางไหนช่วยเหลืออย่างไร หรือจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม เขาอย่างไร และตอนนี้ผมก็ยังไม่เห็นมีใครออกมาพูดอย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง แต่เขากลับออกมาให้ความสำคัญเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ได้เร่งด่วนที่ต้องทำเป็นอันดับแรก ในทางกลับคนคนที่ช่วยเหลือคุณ มวลชนที่เป็นชาวบ้านของคุณที่เป็นคนบริสุทธิ์ ยังถูกกุมขังอยู่ ทั้งๆที่เขามีสิทธิในกระบวนการยุติธรรมคือเขามีสิทธิที่จะต้องได้รับการประกันตัว แต่ชาวบ้านตัวเล็กๆเหล่านี้ กลับถูกปฏิเสธจากฝ่ายตุลาการ ดังนั้นการใช้อำนาจบริหารเข้ามาถ่วงดุลอำนาจตุลาการสามารถทำได้อยู่แล้วโดยการออกกฎหมายนิรโทษกรรม” นายอานนท์ กล่าว สำหรับความช่วยเหลือจากฝั่งแกนนำ นปช. ที่มีต่อมวลชนเสื้อแดง นั้น นายอานนท์ บอกว่า ทางกลุ่ม นปช.เองได้ให้ความช่วยเหลือ โดย นาง ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธานนปช. จะคอยประสานไปยังสมาคมทนาย เพื่อทำเรื่องประกัน แต่สุดท้ายก็ยังติดอยู่ที่ศาลอยู่ดี ซึ่งไม่ใช่ว่า การช่วยเหลือจะจบแค่นี้ โดยเฉพาะ สส.สายเสื้อแดง หรือ ส.ส. ที่มาจาก นปช. สามารถช่วยได้มากคือการเสนอเรื่องการทำนิรโทษกรรม แต่เขายังไม่ทำ “ถ้าเรามองความช่วยเหลือจากพรรคเพื่อไทยโดยตรงทางพรรคเขาก็ช่วยในระดับหนึ่ง คือมีการนำเอาส.ส.เพื่อไทยไปประกันในบางส่วนแต่มันไม่ได้ แต่เขาสามารถทำได้มาว่าการประกัน คือการนำรัฐมนตรีไปรับรอง ซึ่งสามารถทำได้ผล อย่างที่ทำให้กับ คุณอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ที่เอารัฐมนตรี เอาผู้ใหญ่ของบ้านเมืองไปประกัน แต่ชาวบ้านไม่ได้ถูกใช้วิธีการนี้ และที่สุดเมื่อศาลไม่ให้ประกันแล้วมาอ้างว่าเราไม่สามารถไปแทรกแซงศาลได้ คือมันไม่ใช่ เพราะคุณมีอำนาจทั้งนิติบัญญัติ และอำนาจบริหารอยู่ในมือ คุณมีความชอบธรรมในการถ่วงดุลอำนาจตุลาการ ถ้าอำนาจตุลาการที่สั่งไม่ให้ประกัน ไม่ชอบ ไม่ถูกต้อง รัฐบาลได้รับส่วนแบ่งอำนาจมาแล้ว รัฐบาลสามารถใช้ได้ในการถ่วงดุล แต่รัฐบาลไม่ใช้” “ผมมองว่ารัฐบาลห่วงแต่เสถียรภาพของตัวเองมากเกินไป รัฐบาลคงเกรงว่าถ้าเสนอนิรโทษกรรมไป จะทำให้มีแรงต้านขึ้นมา ซึ่งมันไร้สาระ เราจะเสนอนิรโทษกรรมเฉพาะชาวบ้าน เราไม่รวมเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยทำมาแล้ว ในสมัย 2516 ที่ออกกฎหายนิรโทษกรรมให้ประชาชนโดยที่ไม่ออกให้เจ้าหน้าที่รัฐ เพราะเจ้าหน้าที่รัฐจะมีกฎหมาย พรก.ฉุกเฉิน ที่เขียนไว้ชัดเจนอยู่แล้วว่าเจ้าหน้าที่รัฐหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ เว้นแต่ว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำที่นอกเหนือผิดกฎหมาย หรือเป็นการกระทำที่ร้ายแรง” นายอานนท์ กล่าว การช่วยเหลือชาวบ้านที่ยังถูกจองจำอยู่นั้น ใช่ว่าคนในประเทศจะสามารถช่วยได้เพียงทางเดียว แต่คนสำคัญกว่านั่นคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พยายามช่วยเหลือมวลชน นายอานนท์ กล่าวว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ยังดีที่ส่งคนมาดูแลนักโทษการเมืองในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ส่วนตัวเห็นว่า ถ้าคุยกันตรงๆ การเจรจาพูดคุยของฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ จะสามารถนำเอาชาวบ้านกลุ่มนี้ไปเป็นตัวละครในการเจรจาได้ หรือนำชาวบ้านไปเป็นเงื่อนไขในการปล่อยตัวได้ แต่เงื่อนไขนี้ยังไม่ถูกนำไปใช้ พูดง่ายๆว่าเขายังไม่นำเอาเงื่อนไขเสรีภาพของชาวบ้านไปเจรจา ทางออกหนึ่งที่ ทนายความเสื้อแดงผู้นี้เตรียมไว้ คือ การหารือกับนักวิชาการที่ทำงานเกี่ยวกับนักโทษการเมือง ว่าสามารถจะนำเสนอ ร่าง พรบ.นิรโทษกรรม และนำไปเป็นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล หรือให้ออกเป็นกฎหมาย เพราะถ้าเราไปบอกแบบหัวเดียวกระเทียมลีบ รัฐบาลคงไม่ทำ แต่รัฐบาลคงอาจต้องใช้แรงมวลชนไปผลักดันรัฐบาลอีกต่อหนึ่ง “ถึงแม้มันแย่ตรงที่ว่ารัฐบาลมาจากมวลชนคนเสื้อแดงแต่ยังมีคนติดคุกอยู่ ยังจะต้องให้มวลชนไปกดดันตัวเองก็แปลกเหมือนกัน” นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ทุกครั้งที่เราพูดเรื่องเงื่อนไขการออก พรบ.นิรโทษกรรมกับ ส.ส.เพื่อไทยฝั่งคนเสื้อแดง มักจะถูกบิดไปทุกครั้ง เช่น เมื่อได้เป็นรัฐบาลในช่วงแรกก็ติดช่วงสถานการณ์น้ำท่วม เมื่อพูดนิรโทษกรรมเข้าไปก็มีเสียงจากแกนนำบางคนสะท้อนออกมาว่าถ้าเราเสนอเข้าไปก็ดูไม่ดีจะหาว่าทำแต่เรื่องทางการเมือง ทั้งที่จริงแล้วเราเสนอเฉพาะชาวบ้าน ต่อมาเมื่อเราเสนอในช่วงนี้เข้าไป กลับมาขอว่าเอาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญก่อน เรื่องนิรโทษกรรมเอาไว้ก่อน พักไว้ก่อน ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง การติดคุกมาเกือบ 2 ปีไม่ได้พักเบรกกินกาแฟได้ ที่ผ่านมามีข้ออ้างอยู่มาก นักโทษการเมืองในเรือนจำเองเขาก็เดือดร้อน เขาก็ได้แต่ส่งเสียงผ่านทนายความ ผ่านคนที่เข้าไปเยี่ยม ซึ่งรัฐบาลต้องออกกหมายนิรโทษกรรมออกมา ขณะนี้มองว่ารัฐบาลไม่ได้ใส่ใจกับชาวบ้านที่ติดคุกเท่าที่ควร เมื่อคุณได้อำนาจรัฐไปแต่คุณยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาเรื่องชาวบ้านไม่ได้ ก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว “ส่วนทางด้านของ แกนนำนปช. เอง ก็คุยเพียงแต่เรื่องประกันตัวส่วนเรื่องการออกกฎหมาย พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเขายังไม่มีการพูดถึง แต่กลับขอพูดถึงเรื่องการแก้ไขรับธรรมนูญก่อนอีกเช่นกัน โดยอ้างว่าเพื่อให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคนที่รับเดือดร้อนคนที่ติดคุกไม่สามารถรอได้แล้ว” นายอานนท์ กล่าว
แม้วเริ่มระอาแกนนำ เหวง ตู่ เต้น ธิดา อมตังค์คนเสื้อแดง "จนชาวบ้านแห่แจ้งความ แกนนำแดงเบี้ยวค่าจ้างไปม็อบ" http://pantip.com/topic/32037861
ขนาดตัวแม่ยังโง่ซะขนาดนั้น พวกลูกหาบจะเหลือเรอะ อิอิ โอเวอร์คัมที่่ประเทศซิดนีย์ อย่าลืมคอ นก รีด นะคร้า แทงคิ้ว 3 ไทม์ คร้า
เอ้ สลิ่มนี่ยังไง ก็ถ้าคิดได้คิดเป็นแล้วมันจะโง่รึ เค้าต้องรักษามาตรฐานความโง่เอาไว้ เดี๋ยวก็ไม่ได้ iso มอก.