เลิก‘อัยการศึก’มีเรื่องแก้ยังไงใบ้กิน-ไม่ตอบ‘บิ๊กตู่’ระบุปชต.ไม่ตายจากไทยบอกถ้าไล่ล่าปูเอาเข้าคุกแล้ว! “บิ๊กตู่” เผย “ธนะศักดิ์” รมต. บัวแก้ว ย้อน “แดเนียล” ถึงกับอึ้ง เลิกกฎอัยการศึก ถ้าวุ่นจะทำไง คึกหวังใช้เวทียูเอ็นเคลียร์อีกรอบ บอกเหลือไม่กี่ ปท.ที่ไม่เข้าใจ เมินเดินสายพบ “ปู” ย้ำถ้าไม่ทำผิดใครจะเล่นงานได้ เหน็บอดีตนายกฯหญิง “ประชาธิปไตยไม่มีตายไปจากแผ่นดินไทย” ขู่ถ้าไล่ล่าจริงจับยัดเข้าคุกจบ “นิพิฏฐ์” ซัดมะกันแทรกแซงไทย ฟังแต่ข้อมูลด้านเดียว “ปึ้ง” ขี่กระแส “แดเนียล” ไล่ขย่มบอกลูกผู้ชายต้องเล่นแฟร์ๆ อย่าตบตามหาอำนาจรู้หมด “สิงห์ทอง” ซีดรายงานตัว มทภ.1 ฮึ่มถ้ายังป่วนเจอกันอีก “บิ๊กป้อม” สั่งห้ามทำแตกแยก ครม.ไฟเขียว มท.โยกระดับ ผวจ. 10 ตำแหน่ง กระฉ่อนเด้งฟ้าผ่าเด็ก “เนวิน” “บิ๊กป๊อก” ย้ำไม่เกี่ยวทุจริต นายกฯสำทับใครเกียร์ว่างโดนอีก กมธ.ยกร่างฯขีดวงอำนาจ กกต.แค่คุมเลือกตั้ง ริบดาบแจกใบแดงให้ศาลอุทธรณ์ผุดองค์กร กจต.จัดการเบ็ดเสร็จ จากกรณีนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เดินทางเข้าพบบุคคลสำคัญทางการเมืองของฝ่ายไทย ทำให้ถูกจับตามองว่ามีการส่งสัญญาณกดดันรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ดำเนินการตามโรดแม็ปที่ประกาศไว้ เผย “แดเนียล” ถูกย้อนจนใบ้กิน เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 27 ม.ค. ที่ทำเนียบ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้ สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เข้าพบ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ เมื่อวันที่ 26 ม.ค. ว่า พล.อ.ธนะศักดิ์เล่ารายละเอียดให้ฟังทั้งหมดแล้ว ฝ่ายรัฐบาลชี้แจงสถานการณ์ทั้งหมดว่าอะไรเป็นอะไร รวมทั้งได้ถาม กลับไปว่าถ้าต้องลดการใช้กฎอัยการศึกแล้วเกิดเหตุการณ์ในพื้นที่ต่างๆ หรือถ้าเป็นในสหรัฐฯแล้วจะทำอย่างไร ซึ่งนายแดเนียลก็ตอบไม่ได้ บอกว่าเดี๋ยวไปหาคำตอบมาก่อน ถือว่ายังติดคำตอบไว้ว่าจะมีวิธีการอะไรหรือไม่ ทุกคนก็ทราบดีว่าถ้าไม่มีกฎหมายดังกล่าว ทุกคนจะออกมาพูดเสนอความคิดเห็นจนเกิดความวุ่นวายไปหมด “บิ๊กตู่” คึกหวังใช้เวทียูเอ็นชี้แจง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่มีที่ไหนปฏิวัติมาแล้วทำแบบตน ส่วนใหญ่ปฏิวัติแล้วก็ดำเนินการเต็มที่ ไม่มีมานั่งแถลงชี้แจงเหตุผล แต่บางอย่างก็ต้องอยู่ในกรอบบ้าง บางอย่างต้องให้เกียรติกัน และไม่มีความกังวลอะไร นอกจากนายแดเนียลแล้ว ยังมีเอกอัครราชทูตถาวรประจำสหประชาชาติอีก 21 ประเทศเข้าพบตน จึงถือโอกาสชี้แจงโรดแม็ปที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ ก็ชี้แจงไปตรงๆ ว่าไม่สามารถเล่าในรายละเอียดได้ว่าบ้านเรามีปัญหาอะไรบ้าง เพราะอายตัวเอง ไม่อยากพูดสิ่งที่ไม่ดีของ ประเทศไทยมากนัก ขอให้เป็นเรื่องของเรา เขาก็เข้าใจ แต่ได้เล่าให้ฟังทั้งหมดว่าจะทำอะไรบ้าง ก็มี การตอบสรุปกลับมาว่าพอใจในคำชี้แจง และคิดว่าสิ่งที่ตนทำเป็นแบบอย่างและตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำหน้าที่เพื่อประชาชนและประชาคมโลก และยังเชิญไปพูดและชี้แจงในเวทีประชุมใหญ่ของสหประชาชาติเดือน ก.ย.ที่จะถึงนี้ ก็พร้อมจะเดินทางไปถ้ายังอยู่ก็ไปอยู่แล้ว เชื่อมือ “บิ๊กเจี๊ยบ” ทำงานดีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ไม่ได้มองแค่ประเทศไทย เราต้องมองถึงประชาคมโลก ซึ่งไม่ใช่แค่การค้าการลงทุนและเศรษฐกิจ ต้องมองถึงประชาคมโลกและความเป็นมนุษยชาติว่าจะอยู่อย่างไรไม่ให้มีความขัดแย้ง แต่ถ้ามีการทุจริต โกงหรือทำ ผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน เหมือนความผิดในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ถ้า ไม่ทำหรือไปก้าวล่วงสถาบันก็ไม่มีใครไปตรวจสอบ หากเราไม่มีอะไรควบคุมเลยปล่อยให้เสรีก็เกิดปัญหา เมื่อถามว่าต้องปรับปรุงการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า พล.อ.ธนะศักดิ์เข้าไปปรับปรุงการทำงานทั้งหมดแล้ว ทำงานเชิงรุกมาตั้งแต่เข้ามาเป็นนายกฯ ปรับให้เดิน ทั้งเรื่องการค้า การลงทุน การท่องเที่ยวและการเชื่อม ต่อด้านต่างๆ รวมถึงงานด้านความมั่นคงก็ต้องไปพูดคุยกับประเทศต่างๆ ให้เข้าใจในการดำเนินคดีอาญาหรือคดีตามมาตรา 112 และคดีถอดถอน อย่า ไปมองว่าเขาไม่ทำงานเชิงรุก มีการเช็กปฏิกิริยา เสียงสะท้อนกลับจากประเทศต่างๆตลอด สรุปผลกันทุกวัน ส่วนใหญ่เข้าใจมากขึ้น มีเพียงอีกไม่กี่ประเทศที่ยังติดคำว่าประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ทั้งหมดยังมีการค้าขายกับไทยตามปกติ เรื่องประชาธิปไตยต้องแยกออก เรื่องการค้าขายก็ทำไปไม่สามารถพูดคำอื่นได้และต้องแสดงบทบาทของตัวเองออกมา เพราะเขาเป็นประเทศมหาอำนาจ บอกอย่าไปสนใจมะกันพบ “ปู” เมื่อถามว่า สถานการณ์ที่ต่างประเทศเคยบีบคั้นไทยลดลงแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เขาบีบเราตรงไหน ไม่มีใครมาบีบหรือมายุ่งอะไร กับตนเลย ทั้งสมาคมพ่อค้า ประชาชน ส่วนใหญ่มาคุยก็ขอให้เราดูแลและพอใจมาตรการที่ออกมาในปัจจุบัน บางอย่างดีกว่าในภาวะปกติด้วย เพียงแต่เขาพูดไม่ได้ว่าเห็นชอบกับรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจแบบนี้ ส่วนการพบกันของนายแดเนียลกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่า ไปสนใจเป็นเรื่องของเขา สื่อจะไปสนใจอะไรหนักหนา ประเด็นมันอยู่ที่ว่าถ้าหากไม่กระทำความผิดจะมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหรือไม่ การฟ้องร้องเกิดขึ้นก่อนที่จะเข้ามายึดอำนาจ จะให้ยกเลิกคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนการยึดอำนาจเอาไหมล่ะ ก็ทำไม่ได้ เรื่องที่เข้าสู่กระบวนการกฎหมายก็ต้องทำไปตามขั้นตอน ส่วนอะไรจะเกิดก่อนหรือหลังอยู่ที่ว่าความเสียหายมีมากหรือน้อย เรื่องไหนที่มีผลกระทบต่อสังคม ประเทศ หรืองบประมาณต้องสอบสวนก่อน ตนเป็นคนสั่งเองว่าคดีไหนที่เป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรงต้องดำเนินการให้ได้โดยเร็ว ย้ำไม่อยากใช้อำนาจรังแกผู้หญิง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การที่ผู้แทนสหรัฐฯพบและหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ ถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลทำเพื่อให้เกิดความชัดเจน ความจริงถ้าจะห้ามก็ทำได้ ว่าห้ามพบกับใคร ให้อยู่แต่ภายในบ้านอย่างเดียว ห้ามไปไหน ใช้อำนาจเต็มที่ได้อยู่แล้ว แต่ไม่ทำเพราะถ้าทำก็จะถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินเหตุ รัฐประหาร รังแกผู้หญิง โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง วันนี้พยายามแสดงให้เห็นว่าอะไรที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็ให้ดำเนินการไปตามขั้นตอน ไม่เคยสั่งสนช. อยากถามว่า ทำไมคดีอื่นจึงไม่มีปัญหาเหมือนคดีถอดถอนนี้ ทั้งที่เป็นคดีที่ส่อว่ามีการกระทำผิด โดยความรับผิดชอบถ้าพิจารณาแล้วไม่เหมาะสมก็ต้องรับผิดชอบมันก็จบ แม้ไม่มีเจตนาแต่เมื่อมันมีปัญหาเกิดขึ้นก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนคดีทางอาญาก็ว่ากันไป ถ้าคิดว่าไม่ผิดก็ไปต่อสู้กันในทางอาญา มันบิดพลิ้วไม่ได้ ตอกเข้าใจ ปชต.ถ่องแท้จริงไหม พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะไม่ผิดได้อย่างไรถ้าหลักฐานครบ แม้รัฐบาลนี้จะมาจากการยึดอำนาจก็เพราะขณะนั้นมีรัฐบาลก็เหมือนไม่มี คุณยิ่งลักษณ์อยู่ตรงไหน ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงประเมินหรือไม่ว่าจะผ่อนคลายกฎอัยการศึกได้เมื่อไหร่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มันเดือดร้อนอะไร กันหนักหนากับการใช้กฎอัยการศึก อย่าไปเดือดร้อนกับมันมากนักเลย ถามกลับไปยังคนที่ตั้งคำถามนี้แล้วถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นจะแก้ด้วยอะไร หากมีคนลุกขึ้นใช้อาวุธสงครามยิงใส่กัน เมื่อถามว่า ได้อ่านคำ แถลงการณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ผ่านเฟซบุ๊กที่ระบุว่า ประชาธิปไตยไทยตายแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ยังไม่ได้อ่าน ก็เหมือนเดิม อยากถามกลับว่าแล้วประชาธิปไตยมันตายแล้วหรือยัง ไม่ได้รู้สึกอะไร ยังสร้างประชาธิปไตยอยู่ทุกวัน ไม่ได้ไปยึด อำนาจมาแล้วเอาเงินคนนั้นไปให้คนนี้ หรือยึดเอามาเป็นสมบัติตัวเองหรือของชาติ อยากบอกว่านี่เป็น ประชาธิปไตยที่ดีกว่าปกติอีก ขอร้องให้เข้าใจคำว่าประชาธิปไตยอย่างถ่องแท้ ประชาธิปไตยที่ดีต้องดูแลทั้งคนจน คนมีรายได้ปานกลางและรายได้สูง ลั่นประชาธิปไตยไม่ตายจากไทย ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงประชาธิปไตยไทยยังไม่ตายใช่ไหม พล.อ.ประยุทธ์ยกมือข้างขวาขึ้นมาทุบที่หน้าอกด้านซ้ายก่อนตอบว่า “ตายที่ไหน ยังไม่ตาย ประชาธิปไตยไม่มีตายจากแผ่นดินไทย เพราะวันนี้ผมเป็นทหารหัวใจประชาธิปไตย แต่ผมควบคุมอำนาจเพราะต้องการให้ประชาธิปไตยมันอยู่ได้” เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นต้องเชิญ น.ส.ยิ่งลักษณ์มาปรับทัศนคติอีกหรือไม่ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ยอมตอบคำถามดังกล่าว เมื่อถามว่า หลังคดีถอดถอนอดีตนายกฯมีการปลุกปั่นในสังคมโซเชียล จะดำเนินการอย่างไรบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า คงห้ามใครไม่ได้ มอบหมายให้ คสช.ไปดู จะพิจารณาอย่างไร เป็นเรื่อง คสช. ส่วนที่มีข่าวว่ามีการปลุกระดมให้ใส่เสื้อแดงวันนั้นวันนี้ เป็นเรื่องที่ คสช.ต้องพิจารณา ถ้าออกมาแล้วก่อให้เกิดความวุ่นวายคงไม่ได้ สื่อไม่ต้องมาถามให้เป็นเรื่อง เหมือนกรณีที่อดีตนายกฯจะเดินทางไปต่างประเทศ ถ้าศาลไม่ให้ไปหรือห้ามออกนอกประเทศก็ต้องเป็นไปตามนั้น ถ้าใครจะหนีกฎหมายออกไปก็คงกลับมาอีกไม่ได้ ก็เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะเดือดร้อนอะไรหนักหนา ขู่ถ้าไล่ล่าจริงจับยัดเข้าคุกแล้ว “ผมไม่ได้ไปเป็นศัตรูไล่ล่าใคร เคยบอกแล้วว่าสิ่งที่ทำวันนี้ขอเวลาทำให้กับคนไทย ให้กับประเทศไทยได้หรือไม่ ถ้าท่านทำดีกันอยู่แล้วก็คงไม่ต้องเข้ามาทำหรอก จึงขอว่าอย่าให้ใครมาชักจูงมากล่าวหาว่าผมจะไล่ล่า ผมคงไม่ลงทุนขนาดนั้นโดยเอาประเทศมาเป็นเดิมพัน ถ้าจะไล่ล่าจริงก็จับตัววันนี้ พรุ่งนี้ก็ติดคุกไปก็จบแล้วไม่ต้องไปขึ้นศาลให้วุ่นวาย แต่ไม่ทำ นั่นคือสิ่งที่ผมให้ความเป็นประชาธิปไตยเขาตัดสินว่าจะทำอย่างไรและเดินหน้าประเทศอย่างไร ซึ่งไม่มีคณะรัฐประหารที่ไหนเขาทำกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว “บิ๊กป้อม” ฮึ่มห้ามทำให้แตกแยก ที่อาคารรับรองเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ คสช. ครั้งที่ 2 ถึงกรณีที่แม่ทัพภาคที่ 1 เรียกนายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทยเข้าพบว่า เป็นไปตามกฎหมาย รัฐบาลและ คสช.ยอมไม่ได้หากมีการกระทำใดที่ก่อให้เกิด ความแตกแยก หากพบว่าจะสร้างความแตกแยกและไม่ปรองดอง ต้องเชิญมาพูดคุยทำความเข้าใจเฉพาะผู้ที่กระทำผิดเท่านั้น แต่ไม่ถึงขั้นควบคุมตัวนายสิงห์ทอง ทั้งนี้ ไม่ต้องการไล่ล่าใคร เพราะไม่ต้องการแก้แค้นหรือเป็นศัตรูกับใคร ยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ได้พบกับอดีตนักการเมืองคนใด รวมทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ยันต้องคงกฎอัยการศึกไว้ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ส่วนการพบกันระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์กับผู้แทนสหรัฐฯ จะมีนัยทางการเมืองหรือไม่นั้น คงเป็นการพูดคุยสามารถทำได้ เราไม่ได้ห้าม ส่วนที่สหรัฐฯแสดงท่าทีกังวลใจกับการใช้กฎ อัยการศึก ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศมีการปกครองของตนเอง ไทยมีแนวทางการดำเนินงานภายในถือว่าสถานการณ์ขณะนี้สงบเรียบร้อย เดินหน้าได้ทุกด้าน โดยไม่ได้ปิดกั้นใคร หากใครจะเสนอประเด็นใดก็มีช่องทางแสดงความคิดเห็น ยืนยันว่าแม้จะมีกฎ อัยการศึกแต่ยังคงใช้กฎหมายปกติเป็นหลัก ต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ในประเทศขณะนี้ว่ายังจำเป็นต้องคงประกาศกฎอัยการศึกไว้ และขอให้ทุก ฝ่ายเข้าใจ เพราะขณะนี้ไม่ใช่รัฐบาลปกติ http://www.chaoprayanews.com/2015/01/28/รัฐมนตรีบัวแก้วใจถึง-ตอ/
ปชป.ซัดมะกันส่อแทรกแซงไทย ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การแสดงออกของสหรัฐฯ มาจากพื้นฐานที่คิดว่าเป็นตำรวจโลก ที่ต้องจัดระเบียบ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีการบริหารขัดกับระบอบประชาธิปไตย เพราะในมุมมองสหรัฐฯเข้าใจว่าผู้นำ ในชาติประชาธิปไตยต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตและรับผิดชอบตามแบบของเขา ซึ่งพูดตามพื้นฐานความคิดของเขา แต่ใช้ไม่ได้กับชาติในเอเชียหรือบ้านเรา บางคำพูดส่อถึงการแทรกแซงกิจการภายในของไทย ที่อาจไม่เข้าใจรายละเอียดหรือความผิดพลาดของนโยบายจำนำข้าวที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ทำไว้ นัก การเมืองที่กำกับนโยบายต้องรับผิดชอบ ฟังแต่ข้อมูลเพื่อไทยด้านเดียว นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ระบุว่าไทยควรยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของไทยชัดเจน บริบทและสถานการณ์ของแต่ละประเทศแตกต่างกัน เช่น กรณีสหรัฐฯปฏิบัติการไล่ล่าบุคคลที่ถือว่าเป็นภัยกระทบต่อความมั่นคงของเขาในประเทศต่างๆ ไทยเราไม่เคยแสดงท่าทีใดๆกับเรื่องของเขา เรื่องการใช้กฎอัยการศึกของไทยจึงควรเป็นเรื่องภายในของไทย ที่ต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงและสถานการณ์ในประเทศไทยด้วย ส่วนที่นายแดเนียลระบุว่ามีผลกระทบต่อความปรองดองนั้น เป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน เป็นคนละเรื่อง แต่เข้าใจว่าคงได้รับแนวคิดมาจากคนของพรรค เพื่อไทย จึงเข้าทางพรรคเพื่อไทยที่ต้องการให้มีการนิรโทษกรรมหรือเซตซีโร่ใหม่หมด ทั้งที่การบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการปรองดองเป็นคนละส่วนกัน อย่าเอามาเหมารวมกัน “ปึ้ง” ขี่กระแส “แดเนียล” ไล่ขย่ม ขณะที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ กล่าวว่า สิ่งที่นายแดเนียล รัสเซลล์พูด สะท้อนมุมมองของประเทศที่เป็นประชาธิปไตยได้อย่างชัดเจน การคงกฎอัยการศึกไว้เท่ากับปิดกั้นความคิดเห็นประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในระบอบประชาธิปไตย วันนี้ปิดกั้นกันเสียจนประชาชนไม่กล้าแสดง ออก การประชุมหารือเพื่อระดมความคิดเห็นทำไม่ได้ แล้วจะปฏิรูปกันอย่างไร ที่ไปร่างรัฐธรรมนูญกันอยู่โดยอ้างว่าเพื่อการปฏิรูปจึงเป็นไปไม่ได้ คิดกันเขียน กันเฉพาะคนไม่กี่คนที่เลือกกันมาเอง แบบนี้ไม่ใช่ประชาธิปไตย มันต้องฟังเสียงประชาชน ไม่ใช่คิดกันเอาเอง นายแดเนียลบอกว่าแม้ประเทศไทยต้องเผชิญ สถานการณ์ที่ขัดแย้งยากลำบากแค่ไหน ทางออกก็คือการฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ บอกลูกผู้ชายต้องเล่นแฟร์ๆ นายสุรพงษ์กล่าวว่า สหรัฐฯเขารู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้นในประเทศไทย นายกฯที่มาจากการเลือกตั้งต้องถูกปลดจากคนที่มาจากการแต่งตั้ง จึงเฝ้ามอง ด้วยความห่วงใย และหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามโรดแม็ปที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ธนะศักดิ์ พูดไว้ ในหลายเวทีทั่วโลก เป็นสัญญาประชาคมว่าจะมีการเลือกตั้งปลายปีนี้ หมดเวลาที่จะเฉไฉหลอกนั่นหลอกนี่ไปเรื่อย ถ้าจะเปลี่ยนแปลงหรือจะเอาอย่างไรก็ว่ามา แต่หากทำให้บ้านเมืองสงบสุข เศรษฐกิจดี คนชั้นกลางคนชั้นล่างมีความสุขได้ ก็อยู่ยาวไปเลย 10 ปีก็อยู่ไป ไม่ต้องเลือกตั้งก็ได้ พวกตนพร้อมสนับสนุน และเลิกเล่นการเมืองไปเลย แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ควรรู้ตัวเองและคืนอำนาจให้ประชาชน เอาแบบลูกผู้ชายเล่นกันแบบแฟร์ๆ ทำดีก็อยู่ต่อ ทำไม่ได้ก็ออกไป จะดันทุรังอยู่ทำไม อย่าตบตาต่างชาติเขารู้หมด นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขนาดต่างชาติที่เขาไม่รู้รายละเอียดทั้งหมดยังพอประเมินได้ เพราะมีประสบการณ์ เขาไม่ได้โง่ เขารู้หมด และพูดจากความจริง พูดด้วยความหวังดีในฐานะที่ไทยเป็นมหามิตร ส่วนการจี้ให้ยกเลิกกฎอัยการศึกก็พูดถูกต้อง เพราะการที่ประเทศจะเป็นประชาธิปไตยได้ ต้องเคารพสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เสมือนเป็นการบอกโดยนัยว่าให้ฟังคนอื่นพูดบ้าง เพราะถ้าไม่ยกเลิกกฎอัยการศึกจะรู้ได้อย่างไรว่าคนส่วนใหญ่คิดเห็นอย่างไรคิดว่า ครม. และ คสช.ควรรีบทำตามที่เขาแนะนำ ส่วนที่อ้างว่าการคงกฎอัยการไว้เพื่อความมั่นคง อยากถามว่า ความมั่นคงของใคร ของตนเองหรือ http://www.chaoprayanews.com/2015/01/28/รัฐมนตรีบัวแก้วใจถึง-ตอ/
“สิงห์ทอง” ซีดรายงานตัว มทภ.1 วันเดียวกันเวลา 10.30 น. ที่กองทัพภาคที่ 1 นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางเข้าพบ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) หลังจากให้สัมภาษณ์และโพสต์ลงเฟซบุ๊กว่า คสช.ขอความร่วมมือไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหลังจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนออกจากตำแหน่ง โดยเจ้าหน้าที่ทหารให้นายสิงห์ทองนำรถยนต์ส่วนตัวยี่ห้อ Lexus ป้ายแดงทะเบียน บ-4347 กรุงเทพมหานคร จอดรอที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า ก่อนนำรถจี๊ปทหารติดฟิล์มดำทั้งคันของกองพันทหารช่างที่ 1 รักษาพระองค์ (ช.พัน.1 รอ.) สังกัดกองทัพภาคที่ 1 ป้ายทะเบียนกงจักร 17049 โดยมี พ.ท.อัมพุช พัฒน์ทอง ผบ.ช.พัน.1 รอ. มารับตัวเข้าไป โดยนายสิงห์ทองในชุดสูทสีดำมีสีหน้าเคร่งเครียด พร้อมกล่าวเพียงสั้นๆก่อนขึ้นรถจี๊ปทหารว่า “ขอบคุณสื่อมวลชนที่มาทำข่าว แต่คงไม่สามารถพูดอะไรได้มากในตอนนี้ ขอเข้าไปพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 1 ก่อน” แม่ทัพ 1 บอกถ้ายังป่วนเจอกันอีก ต่อมา พล.ท.กัมปนาทให้สัมภาษณ์ว่า เชิญตัวนายสิงห์ทองมาพูดคุยทำความเข้าใจ ไม่ได้นำตัวมาข่มขู่แต่อย่างใด ที่ผ่านมานายสิงห์ทองพูดคุยกับทหารและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนคนละเรื่องกัน ทำให้ยังมีความไม่เข้าใจ การให้สัมภาษณ์หรือการแสดงออกด้านความคิดเห็นทำให้เกิดความเสียหาย จึงต้องเชิญมาทำความเข้าใจ ยืนยันว่าไม่มีการกักตัวหรือนำไปปรับทัศนคติค้างคืนที่ค่ายทหาร ส่วนทหารที่มาพูดคุยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายพูดคุย ตนไม่ได้ไปร่วมพูดคุยด้วย เพราะเกรงว่าจะเป็นแรงผลักดันทำให้เสียบรรยากาศการปรองดอง ส่วนจะมีการเชิญตัวบุคคลอื่นมาพูดคุยอีกหรือไม่นั้น ถ้าไม่ถึงขนาดสร้างความปั่นป่วนจะไม่เชิญตัวมา ทหารปล่อยกลับเก็บตัวเงียบ จากนั้นเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รส. อนุญาตให้นายสิงห์ทองเดินทางกลับบ้านได้ หลังจากมีการพูดคุยทำความเข้าใจและขอความร่วมมือให้งดแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อนายสิงห์ทองเพื่อสอบถามความคืบหน้าถึงการพูดคุยครั้งนี้ทางโทรศัพท์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ผบ.เหล่าทัพ-คสช.รับ “จักรดาว” เมื่อเวลา 08.00 น. ที่โรงเรียนเตรียมทหาร จ.นครนายก พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.ทหารสูงสุด เป็นประธานจัดงานวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนเตรียมทหารและงานเกียรติยศจักรดาว ประจำปี 2558 โดยช่วงเช้ามีพิธีแสดงมุทิตาจิตแด่อดีตผู้บังคับบัญชา ครูอาจารย์ และมีพิธีมอบรางวัลเกียรติยศจักรดาวแก่ศิษย์เก่าดีเด่นประจำปี 2558 โดย พล.อ.วรพงษ์ยังเป็นตัวแทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ในการมอบรางวัลเกียรติยศจักรดาว แก่ศิษย์เก่าเตรียมทหารดีเด่น จำนวน 16 คน ได้แก่ พล.ร.ท.สมหมาย ปราการสมุทร อดีตที่ปรึกษากองทัพเรือ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์และรอง ผบ.ทบ. พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผบ.ทหารสูงสุด สาขาบริหารการปกครองและเสริมสร้างความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.แรงงานและอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผบ.ทร. พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการและหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ รองเสนาธิการทหาร พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.ท.พิสิฏฐ์ พิสุทธิศักดิ์ จเรตำรวจ นาวาอากาศโทสราวุฒิ สุจิตจร ผอ.สถาบันวิจัยแสงซินโครตอน(องค์การมหาชน) พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด นาวาโทธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับกองนายทหารนักเรียน กองการปกครอง โรงเรียนทหารนาวิกโยธิน ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และพ.อ.ถิรวัฒน์ บุญเพ็ญ ราชองครักษ์ประจำ กรมราชองครักษ์ 38 ส.ว.มั่นใจรอดบ่วงถอดถอน อีกเรื่อง พ.ต.ท.จิตต์ ศรีโยหะมุกดาธนพงศ์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ในฐานะ 38 อดีต ส.ว.ที่ถูกยื่นถอดถอนกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบ กล่าวว่า กลุ่มอดีต 38 ส.ว.ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดว่าจะมีแนวทางต่อสู้คดีอย่างไร ยังมีเวลาอีกนานกว่าจะถึงวันแถลงเปิดคดี เท่าที่พูดคุยเชื่อว่าน่าจะเบากว่าคดีของนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา เนื่องจากอดีต ส.ว.ทำตามคำสั่งประธานให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา และในการลงมติก็มีทั้งผู้เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย งดออกเสียง และไม่ลงคะแนน แต่ทำไมคนที่ถูกชี้มูลความผิดจึงเป็นคนที่ลงมติเห็นด้วย ทั้งที่สมาชิกทุกคนก็โหวตลงมติเช่นกัน อย่างไรก็ตามเห็นว่าคดีของอดีต 38 ส.ว.น่าจะได้รับผลบวกมากกว่า เพราะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตามรัฐธรรมนูญปี 50 มาตรา 291 และการลงมติถือเป็นเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 130 “สิงห์ชัย” ชี้เป็นเรื่องอุดมการณ์ นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต ส.ว.อุทัยธานี 1 ใน 38 อดีต ส.ว. กล่าวว่า จากการพูดคุยเบื้องต้นเห็นว่าทุกคนสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาได้ทุกคน เพราะแต่ละคนมีเหตุผล ที่ผ่านมากลุ่ม 38 ส.ว.ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิด มีเจตนาล้มล้างการปกครอง แต่ทุกคนไม่เคยได้ชี้แจงผ่านเวที ตรงนี้ถือเป็นโอกาสได้ชี้แจง อย่างไรก็ตาม การชี้แจงครั้งนี้จะให้เกียรติสนช.ทุกคนได้พิจารณาข้อมูลที่จะนำไปชี้แจง เชื่อว่าคงไม่มีใบสั่งจากใคร และคงไม่มีธง มั่นใจว่า ชี้แจงข้อกล่าวหาได้ทุกกรณี เพราะสิ่งที่ทำไปเป็นเรื่องอุดมการณ์ ไม่มีเจตนากระทำผิด “ประสิทธิ์” เบาใจ 2 อดีต ปธ.ยังรอด นายประสิทธิ์ โพธสุธน อดีต ส.ว.สุพรรณบุรี 1 ใน 38 อดีต ส.ว. กล่าวว่า เบื้องต้นอดีต 38 ส.ว.นัดหารือกันวันที่ 10 ก.พ. โดยแนวทางคงมอบหมายให้ตัวแทนไปชี้แจงต่อที่ประชุม สนช. เพราะไม่อยากให้ยืดเยื้อ ซึ่งคนที่ทำหน้าที่เป็นประธานที่ประชุมยังไม่ถูกถอดถอน ดังนั้น สมาชิกจะโดนได้อย่างไร เพราะเป็นการทำหน้าที่ในฐานะสมาชิก มีเอกสิทธิ์คุ้มครองอยู่แล้ว ใกล้จบคดี ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ส่งข้อมูลกรณีข้าราชการกระทรวงมหาดไทยจัดซื้อปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชในราคาแพงเกินจริงในหลายจังหวัดว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีดังกล่าวที่ จ.พิจิตร ก่อนหน้านี้ได้ตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้าราชการกระทรวงมหาดไทยในกรณีนี้ที่ จ.บึงกาฬ และ จ.อุบลราชธานีีแล้ว คาดว่า สตง.และกระทรวงมหาดไทยจะทยอยส่งข้อมูลเพิ่มเติมในจังหวัดอื่นๆมาให้ ป.ป.ช. เบื้องต้นพบว่ามีการกระทำผิดของรองผู้ว่าราชการจังหวัด และนายอำเภอเข้าไปเกี่ยวข้อง ส่วนการไต่สวนคดีอาญากรณีอดีต ส.ส.เสียบบัตรแทนกันในระหว่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 เรื่องที่มา ส.ว.โดยมิชอบนั้น ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาแก่อดีต ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกัน และผู้เกี่ยวข้องได้ เนื่องจากคณะอนุกรรมการไต่สวนสรุปข้อเท็จจริงเข้าสู่ที่ประชุม ป.ป.ช.ไม่ทันในวันที่ 27 ม.ค. คาดจะสรุปสำนวนส่งให้ที่ประชุมป.ป.ช.ในต้นเดือน ก.พ.นี้ ครม.ไฟเขียว มท.โยก ผวจ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอบัญชีรายชื่อโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูง ดังนี้ 1.นายธานี สามารถกิจ ผวจ.ระยอง เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 2.นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.นครสวรรค์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 3.นายเสริม ไชยณรงค์ ผวจ.อุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 4.นายสุรพล วาณิชเสนี ผวจ.กำแพงเพชร เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 5.นายชยพล ธิติศักดิ์ ผวจ.หนองบัวลำภู เป็น ผวจ.นครสวรรค์ 6.นายประทีป กีรติเรขา ผวจ.ศรีสะเกษ เป็น ผวจ.อุบลราชธานี 7.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผวจ.ระยอง 8.นายอำนวย ตั้งเจริญชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผวจ.หนองบัวลำภู 9.นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็น ผวจ.ศรีสะเกษ 10.นายธานี ธัญญาโภชน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นผวจ.กำแพงเพชร ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เป็นต้นไป “บิ๊กป๊อก” ย้ำไม่เกี่ยวยาฆ่าแมลง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เหตุผลการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน เป็นการย้ายในระนาบเดียวกัน สับเปลี่ยนเพื่อช่วยกันบริหารและทำงาน ไม่มีข้อมูลหรือเกี่ยวข้องกับการทุจริต การตัดสินใจส่วนหนึ่งมาจากการประเมินผลการทำงานที่มีการประเมินทุกเดือน ยอมรับว่าอาจมีแรงกระเพื่อมบ้างเพราะเป็นการย้ายนอกฤดูกาล แต่เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และฝากถึงผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการกระทรวงมหาดไทยให้เร่งทำงาน เพราะมีหลายเรื่องโดยเฉพาะปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน และเศรษฐกิจที่คอยเวลาไม่ได้ แต่การโยกย้ายครั้งนี้เป็นคนละกรณีกับกรณีที่ป.ป.ช.สอบสวนการทุจริตการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช เมื่อปี 2554-2555 http://www.chaoprayanews.com/2015/01/28/รัฐมนตรีบัวแก้วใจถึง-ตอ/
กระฉ่อนเด้งฟ้าผ่าเด็ก “เนวิน” ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายธานี สามารถ-กิจ นายระพี ผ่องบุพกิจ และนายเสริม ไชยณรงค์ มีความใกล้ชิดกับ นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย โดยนายธานีและนายเสริมเพิ่งออกจากตำแหน่งผู้ตรวจราชการที่อยู่ในตำแหน่งมา 3 ปี ขึ้นมาเป็น ผวจ.หลังการรัฐประหาร ขณะเดียวกันมีการตั้งข้อสังเกตว่าการย้ายนายระพี เนื่องจากนายระพีเคยออกมาตอบโต้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ที่กล่าวโจมตีข้าราชการกระทรวงมหาดไทยอย่างรุนแรง จึงอาจมีใบสั่งให้พ้นจากตำแหน่งหรือไม่ นอกจากนี้มีกระแสข่าวว่าผู้ที่ถูกย้ายเข้ากรุบางคน มีสาเหตุจากปัญหาในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งกับนักการเมืองระดับชาติและนักการเมืองท้องถิ่น หรือบางคนโดนพิษการเมืองเนื่องจากถูกมองว่ายึดโยงขั้วอำนาจเก่า หรือถูกร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใส นายกฯสำทับใครเกียร์ว่างโดนอีก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า เป็นไปตามความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ ได้บอกในที่ประชุม ครม.ว่า ถ้าทุกกระทรวงมีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่สามารถย้ายได้หมด และต้องไปดูว่ามีใครผิดถูกตรงไหน ถ้าไม่มีเรื่องก็ไม่ย้าย ไม่มีความผิดก็ไม่มีคดี อย่าไปมองว่าเป็นการรังแก ย้ายให้ทุกคนมีโอกาสทำงาน ให้ทุกคนกระตือรือร้น และต้องมีการสอบโดยคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ คสช.ร่วมกับคณะของรัฐบาล ไปไล่จี้ในพื้นที่ด้วยว่ามีงบประมาณแผนงานตรงกับประชาชนหรือไม่ เบิกจ่าย มีเกียร์ว่างหรือไม่ ทุจริตตรงไหน ตนทำถึงขนาดนี้ถามว่ารัฐบาลอื่นเขาทำไหม ถ้าทำคงไม่มีคดีจนถึงวันนี้ เราต้องสอบกันอีกหลายเรื่อง นี่คือบรรทัดฐานว่าต่อไปต้องบริหารราชการด้วยความโปร่งใสไม่มีผลประโยชน์ส่อไปในทางทุจริต “ดาว์พงษ์” รับเซ็นตั้ง “ตั๊น” กับมือ อีกเรื่องกรณีมีการเผยแพร่คำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงนามโดย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีรายชื่อของ น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร หรือ “ตั๊น” แกนนำ กปปส.รวมอยู่ด้วยนั้น พล.อ.ดาว์พงษ์ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า เอกสารดังกล่าวเป็นของจริง ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงาน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ โดยมีน.ส.จิตภัสร์เป็นหนึ่งในคณะทำงานด้วย แต่ขณะนี้ น.ส.จิตภัสร์ไม่ได้เป็นคณะทำงานแล้ว เพราะภารกิจที่ให้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อถามว่าตั้ง น.ส.จิตภัสร์เป็นคณะทำงานด้านใด พล.อ.ดาว์พงษ์ตอบว่า เป็นคณะทำงานในหลายเรื่อง เพราะ น.ส.จิตภัสร์เป็นคนมีความรู้ความสามารถในหลายเรื่อง แต่ยืนยันว่าเวลานี้ไม่ได้เป็นแล้ว “บิ๊กตู่” ปัดบอกยังไม่เห็นคำสั่ง ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ก่อนเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีดังกล่าวว่า ยังไม่เห็นคำสั่งดังกล่าว จากนั้นเดินขึ้นห้องประชุมทันที จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งภายหลังการประชุม ครม.ว่า ไม่มี ไปถามมาแล้วว่าไม่มี อย่าไปเชื่อเอกสารที่ปรากฏ บางอันก็เขียนส่งเดชไปเรื่อยเปื่อย เคยสะกดชื่อตนผิดมาแล้วจะปลอมแปลงอะไรก็ให้ถูก แบบนี้เขาเรียกว่า “เฮชสปีด” เขียนกันไปข้อเท็จจริงก็ไม่ใช่ จริงบ้างไม่จริงบ้าง คนพวกนี้ก็ร้อนใจ อย่างกรณีมีการดูถูก สนช.ว่าไม่ถอดถอนอดีตนายกฯ ทุกวันนี้มีใครรับผิดชอบไหม วิเคราะห์กันว่าจะไม่ถอดถอนตนจะไปคุมอะไรได้ ถอดไม่ถอดก็เรื่องของ สนช. หรือเรื่องเกาะเต่าวันนี้ทำไมเงียบ ทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างพอสมควร อย่าเพิ่งมาไล่พวกตนเลยเพิ่งเข้ามาได้ 7-8 เดือน แต่ที่บริหารประเทศมากี่สิบปีไม่ไปดูเขาบ้าง เราจะเคลียร์ตรงนี้ให้เรียบร้อย สะดุ้งสั่งกำจัดกลิ่นท่อน้ำทิ้ง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุม ครม. ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินลงจากตึกบัญชาการ 1 มายังโพเดียมแถลงข่าว ปรากฏว่านายกฯได้กลิ่นเหม็นจากท่อระบายน้ำทิ้ง จึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “มันเหม็นกลิ่นอะไร” พร้อมหันหน้าไปทาง พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แล้วสั่งทันทีว่าไปหาวิธีการแก้ไข โดยนำสารอีเอ็มหรือสารจุลินทรีย์มาดับกลิ่นเหม็นที่ส่งกลิ่นโชยคละคลุ้ง อย่างไรก็ตามสำหรับกลิ่นเหม็นที่โชยมาจากท่อระบายน้ำบริเวณรอบตึกบัญชาการ 1 ได้ส่งกลิ่นเหม็นมานานหลายรัฐบาลแล้ว แม้ได้ปรับปรุงทำเนียบรัฐบาล และล้างระบบท่อมาหลายครั้ง แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ อารมณ์แจ่มหลังถอดกำไลหิน ขณะที่ช่วงท้ายของการให้สัมภาษณ์ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เพลงประจำรายการคืนความสุขให้คนในชาติจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์จึงย้อนถามกลับว่า “ทำไมล่ะ มันเป็นอย่างไง” ผู้สื่อข่าวจึงตอบว่า “เดี๋ยวประชาชนเบื่อ” นายกฯยืนทำท่านึกอยู่พักหนึ่งและกล่าวว่า “โห น่าสงสาร จะเอาเพลงอะไรล่ะ” ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า ท่านจะเสนอเพลงใหม่ๆที่มันเร้าใจมาก็ได้ครับ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “อืม เดี๋ยวจะรับไว้พิจารณา แหม มันเดาใจยากเหลือเกิน ขี้เบื่อนะไอ้นี่ มีเมียหรือยัง แต่งงานหรือยัง” ผู้สื่อข่าวตอบกลับว่า ยังครับ พล.อ.ประยุทธ์ แซวว่า “ไอ้นี่อย่าไปแต่งกับมันนะ มันเบื่อง่าย” ทำเอาผู้สื่อข่าวหัวเราะไปตามกัน ก่อนจะเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากที่นายกฯเปิดเผยถึงกำไลหินสีที่สวมใส่ที่ข้อมือว่า ลูกสาวเป็นคนซื้อให้ใส่ เพื่อจะได้อารมณ์เย็นเหมือนกับหิน แต่หลังจากใส่นายกฯกลับอารมณ์เสียมากขึ้น และบอกกับสื่อมวลชนว่าจะถอดแล้ว จากการสังเกตของผู้สื่อข่าวพบว่า ที่ข้อมือนายกฯไม่ได้สวมใส่กำไลหินสีแล้ว และตลอดการให้สัมภาษณ์ในวันนี้ นายกฯไม่มีท่าทีอารมณ์เสีย ทั้งๆที่ตั้งคำถามประเด็นการเมืองหลายคำถาม นายกฯเคาะเยือนญี่ปุ่น ก.พ. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฮิโรโตะ อิซุมิ ที่ปรึกษาพิเศษนายกฯญี่ปุ่น เข้าเยี่ยม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังการเข้าพบ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯนำนายฮิโรโตะ อิซุมิ ชมตลาดนัดกล้วยไม้คุณภาพ บริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาลฝั่งคลองผดุงเกษม ก่อนเดินทางกลับ ร.อ.นพ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกฯ เปิดเผยว่า นายฮิโรโตะเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเน้นย้ำความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ตลอดจนการส่งเสริมความร่วมมือในทุกมิติ นายกฯตอบรับคำเชิญที่จะเดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 8-10 ก.พ. โดยนายกฯจะทดลองนั่งรถไฟชินคังเซนไปโอซากา และยังได้หารือโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เขตพัฒนาพิเศษชายแดน พร้อมเชิญชวนให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นเข้ามาลงทุน และยังหารือถึงความร่วมมือด้านดาวเทียม การบริหารจัดการน้ำ http://www.chaoprayanews.com/2015/01/28/รัฐมนตรีบัวแก้วใจถึง-ตอ/
ครม.ไฟเขียว 3 พันล้านแก้แล้ง ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวภายหลังการประชุม ครม.ถึงมาตรการเตรียมแก้ไขปัญหาภัยแล้งว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ขออนุมัติงบประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องการเกษตรไปหลายมาตรการ แต่วันนี้ยังจำเป็นต้องดูแลเกษตรกร แต่จะให้ทั่วถึงและทุกคนพอใจคงยาก เพราะใช้เงินจำนวนสูงมาก และบ้านเรามีหลายส่วนด้วยกัน วันนี้ที่ขอมาให้ในพื้นที่ที่เกิดภัยแล้งซ้ำซากทำนาไม่ได้เลยซึ่งมีอยู่หลายพื้นที่ จะเห็นว่าทยอยให้ทีละพวก โดยได้มอบให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะไปร่วมกันจัดทำแผนงาน และขออนุมัติต่อไป โดยผู้ว่าราชการจังหวัดจะต้องเป็นคนรับผิดชอบ “รัชตะ” นัดเคลียร์งบฯ สปสช. เวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีชมรมแพทย์ชนบท เรียกร้องให้ปลด นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ออกจากตำแหน่ง จากปัญหาความขัดแย้งการจัดสรรงบประมาณกับคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ว่า วันที่ 2 ก.พ. จะนัดทำความเข้าใจกัน ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้ขัดแย้งจากการแย่งเงินกองทุน แต่เห็นต่างวิธีการจัดสรรเงินมากกว่า เชื่อได้ข้อยุติโดยยึดประชาชนเป็นหลัก สั่ง คตร.สอบสร้างตึกของ ศธ.–วท. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าในที่ประชุม ครม. นายกฯมอบหมายให้คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ที่มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เป็นประธาน ตรวจสอบโครงการของรัฐ ประกอบด้วย เรื่องที่เกี่ยวกับองค์การสวนสัตว์ โครงการจัดซื้อโคมไฟและหลอดไฟแอลอีดีของกระทรวงคมนาคม โครงการจัดซื้อจัดจ้างการสร้างอาคารของหน่วยงานที่กระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับผิดชอบ ที่ขออนุมัติเพิ่มวงเงิน ขอแก้แบบ ขอผูกพันงบประมาณ เพื่อให้มีจำนวนปีในการก่อสร้างมากยิ่งขึ้น ทำให้แบบแผนของเดิมใช้ไม่ได้ โดยนายกฯระบุว่าเรื่องดังกล่าว ครม.เห็นชอบหลักการได้ แต่ขอให้เป็นบรรทัดฐานในโอกาสต่อไป หากมีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นต้องมีผู้รับผิดชอบ คตร.ต้องดูว่าแบบก่อสร้างที่ออกมาใช้ไม่ได้เพราะอะไร ไม่ดีหรือผู้รับเหมาคิดค่าจัดซื้อจัดจ้างสูงเกินไปหรือไม่ โดย คตร.จะรายงานผลให้ ครม.รับทราบ ขรก.เฮหยุดยาวต้นเดือน พ.ค. พล.ต.สรรเสริญกล่าวด้วยว่า ที่ประชุม ครม.ยังอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอให้วันที่ 4 พ.ค. เป็นวันหยุดเพิ่มเติม เนื่องจากในวันที่ 2-3 พ.ค. ตรงกับวันเสาร์-อาทิตย์ และวันที่ 5 พ.ค. เป็นวันหยุดราชการเนื่องในวันฉัตรมงคล ครม. จึงอนุมัติให้หยุดต่อเนื่อง เพื่อให้ข้าราชการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง แต่วันหยุดดังกล่าวไม่มีผลในภาคเอกชน เพราะมีวันหยุดแรงงานวันที่ 1 พ.ค. อยู่แล้ว บี้นายกฯปลดประธานบอร์ดหวย ที่ศูนย์บริการประชาชน (ชั่วคราว) สำนักงาน ก.พ. กลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล นำโดยนายอำนวยพร เกิดพุ่ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (สสบ.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ผ่านนายสุขสวัสดิ์ สุวรรณวงศ์ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชน เพื่อขอให้แก้ไขปัญหาสลากเกินราคาและเปลี่ยนบุคคลมาดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (บอร์ด) เนื่องจากการทำงานของนายสมชัย สัจจพงษ์ ประธานบอร์ดสลากกินแบ่งรัฐบาล แก้ไขปัญหาสลากเกินราคาล้มเหลว บริหารงานในแบบจิกหัว ล้วงลูก ส่งผลให้พนักงานเสียขวัญกำลังใจ ที่ผ่านมาพนักงานทุกคนพยายามแก้ไขปัญหาสลากเกินราคามาโดยตลอด แต่ติดปัญหาด้านนโยบาย รถตู้โดยสารวอนยืดเวลาจัดระเบียบ ขณะที่กลุ่มผู้ประกอบการรถตู้ นำโดยนายปัญญา ไทยภักดี ยื่นหนังสือถึงนายกฯผ่านศูนย์บริการประชาชนฯ เพื่อขอความช่วยเหลือในการจัดระเบียบรถตู้ สืบเนื่องจากที่ คสช.ดำเนินการจัดระเบียบรถตู้ ที่ผ่อนผันวันสุดท้ายถึงวันที่ 28 ม.ค.นี้ แต่ติดปัญหาการคิดค่าธรรมเนียมส่วนต่าง 3 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทไฟแนนซ์ เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายจดทะเบียนเปลี่ยนป้าย ถือเป็นจำนวนเงินที่สูง กลุ่มผู้ประกอบการไม่มีเงิน อยู่ระหว่างยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากสภาทนายความเพื่อต่อสู้ด้านกฎหมาย แต่หากยังไม่มีการฟ้องคดี คณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวก็ไม่สามารถพิจารณาผ่อนผันได้ จึงเรียกร้องขอให้สภาทนายความเร่งออกหนังสือรับรองพร้อมรายชื่อผู้เดือดร้อน ให้กองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม.2 รอ.) เพื่อใช้ประกอบการขอผ่อนผันเวลาออกไปก่อน ทบ.ชูยุทธศาสตร์เศรษฐกิจพอเพียง วันเดียวกันที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ.พร้อมด้วย ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิปิดทองหลังพระสืบสานแนวพระราชดำริ นายจิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผอ.สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ร่วมแถลงแนวทางการสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อน การพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของกองทัพบก โดย พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า กองทัพบกกำหนดแนวทางสนับสนุนยุทธศาสตร์ด้านต่างๆ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม เน้นภาคการเกษตรและชนบท โดยเน้นย้ำทั้ง 7 กองกำลังป้องกันชายแดนให้เป็นกำลังหลักในการขยายผล นำเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปให้ความรู้ต่อประชาชนตามแนวชายแดนทำให้ชายแดนเกิดความมั่นคง อำนาจ กกต.แค่ควบคุมเลือกตั้ง ด้านความคืบหน้าการยกร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ แถลงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้พิจารณาภาค 3 นิติธรรมศาลและองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ หมวด 2 การตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ส่วนที่ 5 องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ตอนที่ 1 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดิมเป็นมาตรา 232 ตามรัฐธรรมนูญปี 50 ในมาตรา 8 วรรคหนึ่ง กำหนดให้ “กกต.มีอำนาจหน้าที่ควบคุมการเลือกตั้ง ส.ส. ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่ง ส.ว. และควบคุมการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม” ริบดาบแจกใบแดงให้ศาลอุทธรณ์ พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า ส่วนมาตรา 9 เรื่องอำนาจหน้าที่ มีการเพิ่มเติมใน (5) ให้ กกต.มีคำสั่งให้คณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่จัดการเลือกตั้ง ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือระงับการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งย้ายข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐออกจากพื้นที่ชั่วคราว เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างสุจริต เที่ยงธรรม และ(9)ยังระบุว่า การสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือการให้ใบแดง ให้ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ หรือศาลอุทธรณ์ภาค ผุดองค์กร กจต.จัดการเบ็ดเสร็จ พล.อ.เลิศรัตน์กล่าวว่า การกำหนดให้ กจต.ที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นข้าราชการประจำ จำนวน 7 คน แต่งตั้งโดยปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและ ผบ.ตร. โดยให้ กจต.เลือกกันเองเพื่อเป็นประธาน กจต. 1 คน และเป็นกรรมการ 6 คน เพื่อเป็นผู้ที่ดำเนินการจัดการเลือกตั้ง ส่วนคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามจะทำการกำหนดไว้อีกครั้งใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการดำเนินการจัดการเลือกตั้ง (กจต.) ทำหน้าที่เลือกตั้ง 3 ส่วน คือ เลือกตั้ง ส.ส. เลือกตั้งท้องถิ่น และการทำประชามติ โดยไม่เกี่ยวข้องกับ ส.ว. เนื่องจาก ส.ว.มาจากการสรรหายังให้เป็นหน้าที่ของ กกต. ทั้งนี้จะกำหนดให้มี กจต.ประจำจังหวัด จำนวน 9 คน ประกอบด้วย ข้าราชการ 7 คนและตัวแทนจากภาคเอกชน 2 คน เข้ามาดำเนินการจัดการเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่ ยกเหตุผลถ่วงดุลอำนาจ กกต. เมื่อถามว่าการตั้ง กจต.เท่ากับลดอำนาจ กกต.หรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ตอบว่า เป็นการถ่วงดุลอำนาจ โดยให้ กจต.เป็นผู้จัดการเลือกตั้ง ส่วน กกต.เป็นผู้ควบคุมจัดการเลือกตั้ง ถือว่า กกต.มีอำนาจมากขึ้น งบประมาณการจัดการเลือกตั้ง 3,400 ล้านบาทยังอยู่กับ กกต. ทั้งยังให้อำนาจสั่งย้าย กจต.ออกจากเขตเลือกตั้งนั้นได้หากพบว่าเขตเลือกตั้งดังกล่าวมีการทุจริตการเลือกตั้ง กกต.ยังมีอำนาจให้ใบเหลืองเหมือนเดิม แต่ถ้าเป็นกรณีที่จะให้ใบแดง กกต.ต้องเป็น “ผู้ยื่นคำร้อง” ให้ศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค ส่วนสาเหตุที่คณะกรรมาธิการยกร่างฯตั้ง กจต.ขึ้นมา เพราะเห็นว่า กกต.มีภาระหน้าที่มากมายดำเนินการเกี่ยวกับคดีทุจริตการเลือกตั้ง การให้ใบเหลือง ใบแดง อีกทั้งเชื่อว่าการตั้ง กจต.ขึ้นมา จะทำให้ระบบการเลือกตั้งมีประสิทธิภาพมากขึ้น สปช.ขยับช่วยเหยื่อการเมือง ที่รัฐสภา นายบุญเลิศ คชายุทธเดช กรรมการคณะทำงานศึกษาแนวทางการสร้างการปรองดอง สปช. กล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณาการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมืองตั้งแต่ปี 48-57 ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ โดยมีการเสนอให้มุ่งเน้นอำนวยความยุติธรรมผู้ที่ถูกคุมขังคดีการเมือง ที่ยังไม่ได้รับการประกันตัวให้ได้รับความยุติธรรม และให้ได้รับการประกันตัวออกมาโดยเร็วที่สุด พร้อมเสนอให้ภาครัฐจัดเสวนาในพื้นที่ต่างๆ เพื่อสร้างความเข้าใจตรงกันต่อกระบวนการสร้างความปรองดอง สปช.อาจไปเยี่ยมผู้ถูกคุมขังทางการเมือง เพื่อแสดงความเอื้ออาทร ขณะเดียวกันจะประสานไปยัง นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชน รวมถึงญาติผู้ได้รับความเสียหาย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อคณะทำงานฯ โดยไม่เลือกสี เลือกฝ่าย ชี้คดี “ปู” กระทบสร้างปรองดอง นายบุญเลิศกล่าวอีกว่า คณะทำงานฯยังมีแนวคิดที่จะคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะให้ประกันตัวผู้ต้องหารือไม่ รวมถึงเสนอให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการเยียวยาดูแลและอำนวยความยุติธรรม ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง ตั้งแต่ปี 48- 57 ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะตอบรับข้อเสนอหรือไม่ ขณะนี้คณะทำงานฯเริ่มดำเนินการแล้ว เพื่อเสนอรัฐบาลโดยเร็ว คาดจะจัดกิจกรรมคนไทยหันหน้าเข้าหากันในช่วงเดือน ก.พ.วันแห่งความรัก หรือ เม.ย. วันปีใหม่ไทย นอกจากนี้ ยังพูดถึงกรณี สนช.มีมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าคงมี ผลกระทบต่อบรรยากาศของความปรองดองอยู่บ้าง เพราะอาจทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งผิดหวัง ภาคีต้านโกงกระทุ้งยุบ อปท. ขณะที่ พล.อ.สำเริง พินกลาง ประธานคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันแห่งชาติ เข้ายื่นหนังสือและหลักฐานจำนวน 12 กล่อง ต่อนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สปช. และนายพงศ์โพยม วาศภูติ ประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการกระจายอำนาจ สปช. ขอให้ยุบรวมองค์กรปกครองท้องถิ่น (อปท.) ทั่วประเทศ เพราะจากการลงพื้นตรวจสอบ 12 จังหวัด พบว่ายังมี อปท.ไม่ปฏิบัติตามมติ ครม. ที่กำหนดให้ อปท.เปิดเผยราคากลางต่อสาธารณะ ทำให้เกิดการทุจริตการจัดซื้อจัดจ้าง การทำบัญชีและการเงินการคลัง ใน อปท.และองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) จำนวนมาก เป็นแหล่งแสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดิน ผ่านบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่เป็นเครือข่ายนักการเมือง ขอให้คณะกรรมาธิการฯ นำข้อมูลไปใช้ในการปฏิรูปประเทศ หน้า 1 ไทยรัฐ http://www.chaoprayanews.com/2015/01/28/รัฐมนตรีบัวแก้วใจถึง-ตอ/
ตั้งเอง ชงเอง กินเอง ดีคับนาย ใช่ครับท่าน! พูดจาอยู่ฝ่ายเดียว นักข่าวก็ไม่ให้เข้าไป ดีจ๊ะ ไกล้เป็นเกาหลีเหนือโดยสมบูรณ์แล้วจ๊ะ
นั่นรัฐบาลที่แล้ว ใครไม่ใช่พวก ย้ายหมด ย้ายจนเป็นเรื่อง ถวิล เปลี่ยนศรีไง ห้ามสมจิตรทำข่าว สภาข้างมากลากไป ลับหลับ เสียบบัตรแทนกัน ใช้ร่างปลอม ขโมยของบริจาค
ดีกว่าหน้าด้านหน้าทนให้คนทั้งประเทศไล่ยังไงก็ไม่ไป. พอหลักฐานมันชัดว่าโกงก็ทําขี้มูกโป่งไปฟ้องฝรั่งว่าไม่ประชาธิปไตย อิโธ่เอ๊ย แล้วทีพวกเอ็งและโคตรโกงกินไปเท่าไหร่ล่ะยะ. ทําไมไม่แถลงบ้าง. น่ารังเกียจ!!!
มันคงจะตอบได้หรอกประมาณ 1 เดือนที่เเล้ว อเมริกายังมีปัญหาในประเด็นตำรวจผิวขาวยิงคนผิวสีอยู่เลย เเละมีทีท่าว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ของอเมริกา ยังมีการจับกุมผู้ชุมนุมเรียกร้องความยุติธรรม โดยใช้ความรุ่นเเรง
พลโท นันทเดช เมฆสวัสดิ์ เขียนได้ถูกใจจริงๆ หลังจาก “คุณ.ยิ่งลักษณ์ฯ” ถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ลงมติถอดถอน ในคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว จนทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา ๕ ปี นั้น ปฏิกริยาของกลุ่มบุคคลที่สนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ หลายกลุ่ม ได้แสดงออกมาอย่างน่าสนใจ คือ ทุกกลุ่มแทบจะไม่ได้พูดถึงต้นเหตุที่ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ ต้องถูกถอดถอนเลยครับ แต่ที่แปลกที่สุดในความเห็นของคนไทย คือ การแสดงออกในประเด็นนี้ของผู้ช่วย รมต.ต่างประเทศ สหรัฐฯ ประเทศที่ต่อต้านทุจริต กลับละเลยการแสดงความคิดเห็นในประเด็นเรื่องทุจริต มะกันมันก็เฮงซวยเหมือนกัน พูดทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ลองมาดูแง่มุมต่างๆ ที่กลุ่มสนับสนุนคุณยิ่งลักษณ์ฯ ได้แสดงออกครับ สนุกกว่าอ่านหนังสือขายหัวเราะเสียอีกครับ ๑. เมื่อ สหรัฐฯ ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ที่โลกต้องหมุนรอบตัวอีกต่อไป น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ และคณะ เดินทางเข้าพบนายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วย รมต.กต ที่ สอท.สหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ในขณะที่นายแดเนียลฯ ได้เดินทางไปพบนายอภิสิทธิ์ฯ อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้าน และคณะ ที่พรรค ปชป. ข้อเท็จจริงตรงส่วนนี้ทำให้มองเห็นข้อแตกต่างจากการพบกับนายแดเนียลฯ ระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯ กับนาย อภิสิทธิ์ฯ ได้ชัดเจน ถ้าสังเกตให้ดี จะเห็นได้ในเรื่องความมีเกียรติและศักดิ์ศรีครับ ใครมี ใครไม่มี ดูได้ง่ายๆ ดังนั้นไม่ต้องวิตกอะไรมากนักจากเรื่องที่เกี่ยวกับการเดินทางมาของ นาย แดเนียลฯ นักการเมืองสหรัฐฯ ไม่ได้สนใจอะไรมาก แค่เดินทางมาย้ำท่าทีกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ฯ โดยพยายามใช้กรณีการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ฯเป็นเครื่องมือ ว่า อย่าลืมนึกถึงกู (สหรัฐฯ) บ้าง แค่นั้นจริงๆ ก็แค่ชาติที่กำลังเหงาเพราะขาดเพื่อนแท้ และกำลังหมดอำนาจการเป็นศูนย์กลางของโลก ก็เลยต้องการความสำคัญกลับคืนมา ก็เท่านั้นเองครับ เท่านั้นจริงๆ ๒. นักวิชาการก็ต้องหาเงินกินข้าวเหมือนกัน นักวิชาการ๒-๓คน ค่อนแคะคนไทยว่า ประเทศอื่นเขาไปถึงไหนกันแล้ว แต่คนไทยยังอยู่กับระบบ “ทหาร” และยังเชื่อว่า ทหารคือเครื่งมือแก้ไขปัญหาทางการเมือง ก็อยากถามกลับไปว่า การเมืองในปี ๕๖-๕๗ นั้น มีทั้ง การทุจริต/ความรุนแรง ฆ่ากันกลางกรุงเทพฯ และเกิดการละเมิดกฎหมายเกือบทุกอย่างต่อเนื่อง พวกคุณไปทำอะไรอยู่ที่ไหน ใครจะช่วยประชาชนตอนนั้นได้ ถ้าไม่ใช่ทหาร ทั้งศาล ทั้ง สถาบันฯการเมืองรุกจนยับไปหมด พอบ้านเมืองสงบเรียบร้อยขึ้นมา ก็ออกมาเสนอหน้า เขียน อย่างนั้นอย่างนี้ ไม่อยากอยู่ประเทศไทยก็ไปอยู่ประเทศอื่นเลย กล้าๆหน่อย ครับ ๓. สิทธิทางการเมืองที่พูดให้ดูดี ด้านเดียว ปัจจุบันมีนักการเมืองฝั่งแดงหลายคนออกมาพูดว่า สิทธิทางการเมืองเป็นสิทธิพื้นฐานของมนุษย์ ใครจะมาร่างรัฐธรรมนูญ มาจำกัดให้หมดไปได้อย่างไร ใครที่ออกมาทักท้วงเรื่องดังกล่าวนี้ ลองคิดใหม่ การพักอาศัยอยู่ในที่ไหนก็ได้ในประเทศไทย เป็นสิทธิพื้นฐานของคนไทยทั่วๆ ไปเหมือนกัน และเป็นเรื่องที่สำคัญกว่าสิทธิทางการเมืองเสียอีก แต่รัฐธรรมนูญก็ระบุไว้อีกว่า ไปอยูได้แต่ต้องไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น เช่นเดียวกับสิทธิทางการเมือง ถ้าคุณใช้สิทธิของคุณ ไปฉ้อโกงชาติเผาบ้านเผาเมือง คุณก็ควรถูกห้ามการใช้สิทธิทางการเมืองไว้ก่อน หรือจะมีใครมาเถียงในเรื่องนี้ อย่าพูดเพื่อเอาประโยชน์ หรือพูดให้ดูดีแต่เพียงด้านเดียวซิครับ ๔. คำถามของนักการเมืองหลายสิบคน, สื่อ และแท็กซี่บางคน ถาม : รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทำตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ผิดได้ไง? ตอบ : ไม่ผิดครับ ถ้าไม่นำนโยบายนั้นไปก่อเรื่องทำให้เกิดการทุจริต โกงเงินชาติมากมายใช้กันนานถึงประมาณ ๒๐ ปีกว่าจะหมด นี่ก็ออกพันธบัตรใช้หนี้ไปแล้ว ๑ ชุด ต้องออกอย่างน้อย ๑๐ ชุดละครับ กว่าจะหมดหนี้ ถาม : เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น รัฐบาลที่บริหารประเทศตามนโยบายต้องผิดทั้งอาญาและถูกถอดถอนถูกต้องหรือไม่? ตอบ : เรื่องนี้คนที่ถาม ยิ่งไม่น่าจะถามเลย เพราะไม่ว่ารัฐบาลจะมาจากอะไร จะบริหารประเทศแบบไหน ถ้าทำผิดตามกติกาที่มีอยู่ในกฎหมายก็ผิดทั้งนั้นครับ แม้แต่รัฐบาลคุณประยุทธ์ฯ ถ้าทุจริตก็โดนเหมือนกัน เพราะกฎหมาย/ระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง/ระเบียบอีกจิปาถะนั้น บังคับใช้ทั้งข้าราชการประจำ/ข้าราชการการเมืองอยู่แล้ว ทั้งการกระทำ และงดเว้นการกระทำที่ ทำให้ชาติเสียหาย แต่สนับสนุนให้พรรคพวกร่ำรวยขึ้น แม้กระทั่งการเอาข้าวจากนอกประเทศเข้ามาเอาเข้ามาจำนำในประเทศ ก็ผิดครับ เพียงแต่ยังไม่มีการไล่ล่าหาเงินคืนจากเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเท่านั้นเอง (สังเกตได้ว่ารัฐบาลประยุทธ์ฯ นั้นพยายามไม่ให้เลยไปถึงตรงนั้นเพื่อความปรองดองอยู่แล้ว ซึ่งตรงนี้ประชาชนก็ยังมองๆ อยู่นะครับ) ถาม : การที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ทำตามนโยบาย ไม่ฟัง ปปช.เตือน ถือว่าผิดหรือ? ตอบ : มันผิดอยู่ก่อนแล้วครับ ปปช.ถึงออกมาเตือน “เป็นข้อเท็จจริงที่เล็งเห็นผลที่จะเกิดขึ้นได้ชัดเจน” และก็ไม่ใช่ ปปช.ออกมาเตือนเท่านั้น สตง.ก็ออกมาเตือนถึง ๔ ครั้ง (บ้าไหมยังกล้าทำต่อไปได้ไง) และมีอีกหลายสิบหน่วยงานออกมาเตือน จนกระทั่งต่างชาติยังออกมาเตือน ก็เริ่มฟังขึ้นมาบ้าง เลยไปขายข้าวจีทูจี โกงส่งท้ายอีกไง ความจริงไม่อยากจะเขียนเรื่องคุณยิ่งลักษณ์ฯ อีกแล้ว เพราะเห็นว่าเธอโชคดีแล้ว ที่จะได้พ้นจากพวกที่เลียแข้งเลียขา กลับไปอยู่ในโลกของคนธรรมดา เพื่อใช้เงินที่มีมากมายหาความสุขให้ตัวเองเสียที แต่กลับปรากฎว่า มี คนกลัวว่าเธอจะไปมีความสุข ติดใจในความเงียบสงบของชีวิต แล้วทิ้งพวกเขาไป พวกเขาจำนวนมากจะทำมาหากินอะไรได้ล่ะ ระยะเวลา ๗-๘ ปีที่ผ่านมานี้ เคยแต่ปลุกระดม หลอกชาวบ้าน หลอก “นาย” แต่เพียงอย่างเดียว เคยหาเงินง่ายๆ ทำงานแบบคนธรรมดาไม่เป็นแล้ว ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องที่จะทำให้คุณยิ่งลักษณ์ฯ เลิกงานการเมืองไป ๕ ปี คนพวกนี้ก็กลัวจะอดตาย การสร้างสรรถ้อยคำว่า “คุณยิ่งลักษณ์ฯ เป็นวีรสตรีประชาธิปไตย” จึงเกิดขึ้น ไม่ใช่เพื่อคุณ ยิ่งลักษณ์ฯ ไม่ใช่เพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อชาติไทย แต่เพื่อปากท้องตัวเองครับ ดังนั้นถ้อยคำเหล่านี้จึงไม่ได้พูดออกมาเพื่อให้พวกเราฟัง เป็นการพูด เป็นการทำเพื่อให้ “นาย” รู้เท่านั้น เป็นการพูดเพื่อขอเงิน “นาย” มาเคลื่อนไหวอีก ไม่ต้องไปสนใจอะไรครับ เดียวก็เลิกกันไปเอง เฮ้อ เหนื่อยนะนี่ เมื่อไรพวกคุณจะขึ้นจากคูมาเถียงกันด้วยเหตุผล บนบกซะทีละครับ อย่าเถียงข้างๆ คูๆ เลย อะไรๆ ก็อ้างการเลือกตั้ง หลักประชาธิปไตยอื่นอีก ๑๐ กว่าเรื่องไม่เคยนำมาพูดเลย เถียงแบบเอาสีข้างเข้าถูมาตลอดเวลา แบบนี้เอง คุณประยุทธ์ฯ แกถึงมีคนรักมากขึ้นทุกวัน
เรามีเอกราชทางอธิปไตยเหนือดินแดน แต่นักการเมืองไม่กี่คน เลือกที่จะยอมตกเป็นอาณานิคมทางความคิดของต่างชาติ ที่ไม่เข้าใจบริบทสถานการณ์บ้านเราดีพอ ซ้ำยังเป็นพวกไฟในนำออก ไฟนอกนำเข้าด้วย เพียงเพราะทำอะไรไม่ได้ดังใจ ทำผิดแล้วไม่รับผิด Nuntdach Makswat