ผมเองขอวิแคะแบบชาวบ้านที่ไม่มีความรู้ แต่ขอสรุปประเด็นที่คนส่วนมากลองคิด ๆ กัน 1) รัฐสร้างสถานการณ์เอง 2) กลุ่มผู้ก่อเหตุในสามจังหวัดชายแดนใต้ 3) กลุ่มผู้ก่อการที่ชาวต่างชาติที่ต้องการตอบโต้รัฐ 4) กลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมืองที่อยู่ขั้วตรงข้าม รัฐสร้างสถานการณ์เองผลดีที่จะเกิดกับรัฐ ได้เหตุสำหรับอ้างและขยายเวลาในการบริหารประเทศต่อ ผลเสียที่จะเกิดกับรัฐ รัฐถูกก่นด่าเรื่องความสามารถในการควบคุมความปลอดภัย เศรษฐกิจตกต่ำโดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว ข้อสังเกตุ ถ้าหากเป็นฝีมือรัฐก็เรียกได้ว่าเอาเชือกมาผูกคอตัวเอง แต่ประเด็นหลักคือ ถึงตอนนี้สภาพเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ปัญหาเรื่องความวุ่นวายทางการเมืองในบ้านเมืองอยู่ในระดับที่เรียกได้ว่า "แทบจะเป็นศูนย์" ประเด็นคือ ปัจจุบันนี้ก็ไม่มีใครมาต่อต้าน จะมีก็เป็นเพียงกลุ่มเล็ก ๆ (แทบจะเล็กมาก) ต่อให้ไม่มีระเบิดรัฐก็สามารถจะบริหารประเทศต่อได้อีกน่าจะเป็นปีอย่างสบาย ๆ แล้วจะสร้างสถานการณ์เพื่อวัตถุประสงค์ใด กลุ่มผู้ก่อเหตุในสามจังหวัดชายแดนใต้ผลดีที่จะเกิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ได้ตอบโต้ ข่มขวัญ ป้องปรามคนไทยและเจ้าหน้าที่ของไทย ผลเสียที่จะเกิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ เกิดการต่อต้านที่รุนแรงขึ้นระหว่างคนไทยทั่วประเทศ ผู้คนจะรู้สึกตื่นตัว และ จะกดดันให้เจ้าหน้าที่ทำการกวาดล้างโจรใต้อย่างจริงจัง รวมทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุกลุ่มอื่นก็จะเริ่มตีตัวออกห่าง เพราะอาจอยู่ยากขึ้น และเหตุที่เกิดขึ้นไม่มีความจำเป็นเพียงพอที่จะต้องทำแบบนั้น ข้อสังเกตุ เป้าหมายหลักที่คนกลุ่มนี้ต้องการที่สุด คือ การก่อเหตุเพื่อขับไล่ชาวไทยพุทธและกลุ่มมุสลิมที่ไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกดินแดนออกไปจากพื้นที่ แต่ถ้าผู้วางระเบิดที่ราชประสงค์เป็นคนกลุ่มนี้จริง ก็เรียกได้ว่า เป็นการเปิดประตูให้มีการกวาดล้างครั้งยิ่งใหญ่ กลุ่มผู้ก่อเหตุจากนอกประเทศผลดีที่จะเกิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ได้ตอบโต้ ข่มขวัญ ทำลายเศรษฐกิจ สร้างปัญหาให้เกิดความเปราะบางทางการฑูตระหว่างประเทศ ผลเสียที่จะเกิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่คนเชื่อกันว่าน่าจะเป็นฝีมือของอุยกูร์ ถ้าเกิดโดนจับได้ขึ้นมาจริง ๆ และหลักฐานสามารถสาวไปถึงอุยกูร์ได้อย่างชัดแจ้ง คนกลุ่มนี้ก็จะสูญเสียความชอบธรรม และ ก่อให้เกิดผลกระทบในสายตาชาวโลก ภาพที่คนทั้งโลกมองว่าคนกลุ่มนี้เป็นผู้อพยพที่น่าสงสารลี้ภัยทางการเมืองก็จะหายวับไปทันที แล้วอาจทำให้ยูเอ็นที่คอยให้การสนับสนุนคนกลุ่มนี้เริ่มตีตัวออกห่าง เรียกได้ว่าทุบหม้อข้าวตนเองเลยทีเดียว ข้อสังเกตุ สมมติเป็นฝีมือของกลุ่มอุยกูร์ ถ้าเป็นอุยกูร์ลักลอบเข้าประเทศจริงจะสามารถหลุดรอดสายตาของเจ้าหน้าที่ไทยได้หรือไม่ หรือสมมติว่า อาจจะให้คนไทยเป็นนกต่อเพื่อเดินเกมส์อย่างน้อยก็น่าจะมีข่าวกรองออกมาแล้วป้องปรามได้ทันเวลาหรือไม่ แต่ก็ไม่น่าจะตัดประเด็นเรื่องนี้ได้ซะทีเดียวเพราะถ้าไม่มีเรื่องเพจเสื้อแดงออกมา ผมก็อาจจะให้น้ำหนักเรื่องนี้มากกว่ากลุ่มผลประโยชน์ทางการเมืองเก่าเลยทีเดียว ข้อสังเกตุอีกประการ ถ้าเป็นกลุ่มอุยกูร์ ป่านนี้เสื้อแดงที่มีข้อมูลก็ต้องออกมาแจ้งเจ้าหน้าที่แล้วก่อนเหตุการณ์จะเกิดหรือไม่ เพราะเสื้อแดงก็คือคนไทย คงไม่ให้ใครเข้ามาทำอย่างนี้ได้ง่าย ๆ หรือเปล่า แต่บางความคิดเห็นก็โยงเรื่อง ท่อส่งน้ำมันที่รัสเซียแตก กับ เหตุระเบิดที่จีน แล้วก็โรงงานเคมีที่เท็กซัส สหรัฐ ซึ่งก็ไม่อาจไม่สามารถตัดประเด็นเรื่องนี้ได้ซะทีเดียว กลุ่มการเมืองเก่าและกลุ่มผลประโยชน์เก่าผลดีที่จะเกิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ได้ตอบโต้ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล ทำลายเศรษฐกิจ ได้ตอบโต้เจ้าหน้าที่รัฐที่พยายามไล่บี้กลุ่มการเมืองที่มีอาวุธหรือมีอิทธิพลต่าง ๆ สร้างปัญหาให้เกิดความเปราะบางทางการฑูตระหว่างประเทศ ผลเสียที่จะเกิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ ภาพพจน์ความเป็นสันติวิธีจะหายไป ข้อสังเกตุ ทำไมสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทุกอย่างดำเนินไปอย่างเป็นระบบ ถูกที่ถูกเวลา เรื่องเพจเสื้อแดง เรื่องข่าวปล่อยต่าง ๆ เกี่ยวกับการเงินการธนาคาร ทุกอย่างดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดระเบิดขึ้นทันที ดังนั้นการจะตัดประเด็นเรื่องนี้ออกไปก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน ุุุุุุุุุุุุุุุุุุุุ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ สรุป ความเสียหายพุ่งตรงไปยัง เศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ประเด็นที่ผมคิดคือ ใครจะได้ประโยชน์สูงสุดถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น
จุดแข็งของจีนคือส่งออก>>>ระเบิดที่เทียนจิน จุดแข็งของรัสเซียคือน้ำมัน>>>ท่อส่งน้ำมันใต้แม่น้ำที่มอสโควระเบิด เครื่องบินอินโดก็พึ่งหายไปอีกลำ เกิดเหตุระเบิดตามสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ภายในไม่กี่อาทิตย์ จุดแข็งของไทยคือการท่องเที่ยว>>> ระเบิดแหล่งชอปปปิ้งกลางเมือง มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆ ที่สำคัญ หากจับไม่ได้ก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร ต่อตัวผู้บงการหรือองค์กรเบื้องหลัง แต่ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามไปแล้ว ในการทำลายเศรษฐกิจ สังคม และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศเป้าหมาย
รัฐบาลที่ไหนก็อยากให้การบริหารของตัวเองสงบสุข ต่อให้ไม่มีระเบิดก็อยู่ต่อได้สบายๆ ก่อการร้ายต่างชาติ ถ้าทำ"ต้องมีการออกมาแสดงความรับผิดชอบ" พวกก่อการร้ายต้องการประกาศว่าเขาทำเพื่อแสดงวัตถุประสงค์ ถ้าคนอื่นไม่รู้ว่าเขาทำ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะก่อการร้าย อย่างถ้าอุยกูร์ทำก็ต้องบอกว่าระเบิดเพื่ออุยกูร์ การเมือง- ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือรัฐบาล และไม่ต้องการให้รู้ว่าใครทำ! ปกปิดเต็มที่ จะไปว่าจ้างคนหน้าตาแขกๆมาวางระเบิดก็ไม่แปลก ผมว่า การเมืองนี่แหละ ฟันธง
เรื่องไม่เกี่ยวกัน มาโยงกันไม่ได้ฮะ ย้ำอีกครั้ง ถ้าก่อการร้ายโดยกลุ่มมุสลิม เขาต้องประกาศวัตถุประสงค์ มันเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเขาต้องการสื่อให้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาต้องการอะไร เว้นแต่ทำไปเพื่อ ไล่คนศาสนาอื่นออกจากพื้นที่ก็ทำแบบโจรใต้ ระเบิดการเมืองเขย่ารัฐบาลก็ระเบิดหน้าศาลรัชดาเมื่อมีนาที่ผ่านมา
ผมฟันธงว่าเป็นข้อ4. กลุ่มผู้เสียประโยชน์ทางการเมืองที่อยู่ขั้วการเมืองฝั่งตรงข้าม เหตุผล เพราะคนที่อยู่กลุ่มนั้นเพียรพยายามออกมาวิจารณ์ให้สังคมเชื่อว่าเป็น3ข้อแรก
ลองอ่านวิธีวิเคราะห์ของทหารดูครับ พันเอก ดร.ธีรนันท์ นันทขว้าง 4 ชม. · **** ก่อนอื่นผมต้องขอประณามเหตุการณ์วางระเบิดเมื่อวานที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์เสียชีวติและบาดเจ็บ ในสภาวะเช่นนี้ผมคิดว่าสังคมไทยควรจะตั้งสติกันดีๆ ก่อนที่จะตื่นตระหนกไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และบริโภคข่าวสารอย่างขาดความระมัดระวัง และขาดวิจารณญาณ ผมเลยลองเสนอวิธีวิเคราะห์สถานการณ์ง่ายเพื่อใช้เป็นแนวทางที่จะเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนจะขาดจะเกินแล้วแต่มุมมองของแต่ละคน ครับ
อีกหนึ่งมุมมองของนักข่าวครับ บรรจง ชีวมงคลกานต์ ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 3 ภาพ จริงๆพอเห็นภาพที่ปรากฎตามสื่อ ชายต้องสงสัยชาวต่างชาติใส่เสื้อสีเหลืองสะพายเป้(ที่บางสื่อระบุว่าแขกขาว) ผมแอบแว๊บบนึกถึงคดีหนึ่งที่เคยไปทำข่าว เหตุการณ์ 14 ก.พ.55 ระเบิดภายในบ้านเช่าหลังหนึ่งในซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ตอนนั้นชุลมุนมากเพราะมีคนร้ายรายหนึ่งพยายามต่อสู้ตำรวจ คือโบกแท็กซี่หนีแล้วแท็กซี่ไม่ไป โยนระเบิดใส่แท็กซี่ พอตำรวจมาจะโยนระเบิดใส่ตำรวจแต่ระเบิดหลุดมือบึ้มใส่ตัวเองจนขาขาดและถูกจับ ตอนนั้นบ้านเช่าที่ว่ามีชาวอิหร่านมาเช่าวางแผนประกอบระเบิดแสวงเครื่องซีโฟร์หนัก 3-4 ปอนด์ ใส่ในวิทยุทรานซิสเตอร์ 3 เครื่อง จะไปสังหารคณะฑูตอิสราเอล แต่ดันพลาดระเบิดซะก่อนในบ้านลูกนึง เหลืออีก 2 ลูกในบ้านไม่ทำงาน แต่ก็เล่นเอาบ้านพังทั้งหลัง พอบ้านบึ้มแล้วพวกนี้เลยเผ่นหนีออกมา ตอนหลังตำรวจตามไปจับเพื่อนอีกคนที่สนามบินสุวรรณภูมิขณะกำลังจะหนีออกจากไทย และทางการมาเลเซียจับได้คนหนึ่งขณะบินออกจากไทยไปลงที่มาเลย์ ส่วนอีก 2 คนหนีไปถึงอิหร่านแล้วจับไม่ได้ ที่นึกถึงเพราะคำว่า"แขกขาว"ชวนให้นึกถึง บวกกับเมื่อครู่ทางพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.ให้สัมภาษณ์สื่อว่าจะนำคดีที่แยกราชประสงค์ไปเทียบเคียงกับคดีระเบิดที่ซอยปรีดีพนมยงค์ ปี2555 เลยขอมาย้อนความจำกันหน่อย แต่มีเรื่องที่ค้านใจผมหน่อยหนึ่งคือเป้าหมายของอิหร่านคืออิสราเอล เขาคงไม่สร้างศัตรูด้วยการหวังผลต่อประชาชนชาวไทยหรือชาวเอเชีย ยกเว้นบางชาติที่ทำตัวเป็นพี่ใหญ่สนับสนุนอิสราเอล(ลองเช็คดูมี VIP อิสราเอลหรืออเมริกันไปทำอะไรแถวนั้นรึป่าว?) แต่ข้อสมมติฐานที่ว่าจะเป็นอุยกูร์จากตุรกีล้างแค้นไทย-จีน อันนี้ก็ดูมีน้ำหนักกว่า อิหร่านกับตุรกีก็ชายแดนติดกัน หน้าตาก็คล้ายๆกันอยู่ รูปแบบวิธีการคงไม่หนีจากกันมาก(จริงๆอุยกูร์ที่เป็นอิหร่านก็มีครับ) ส่วนประเด็นกลุ่มการเมืองในบ้านเราหรือไม่ ผมว่าวิธีการและอานุภาพระเบิดขนาดนี้ไม่น่าใช่ ถ้าจะดิสเครดิตทางการเมืองไม่จำเป็นต้องเอาให้ตายเยอะขนาดนี้ (เว้นแต่สงสัยว่าเฟสบุ๊คนายวิชเวช กับแฟนเพจกลุ่มบางกลุ่มรู้การข่าวอะไรล่วงหน้าได้ไง) เอาเป็นว่าที่เขียนมาผิดถูกอย่าว่ากัน เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่การรายงานข่าวนะครับ ขอย้ำว่าไม่ใช่การรายงานข่าว ดังนั้นข้อเท็จจริงให้เจ้าหน้าที่เค้าทำงานสรุปพร้อมหลักฐานชัดๆดีกว่าครับ
Anthony Cartalucci ได้แชร์โพสต์ของตน 26 นาที · มีการแก้ไข · ประเทศไทย : ระเบิดกลางกรุงเมื่อคำ่วานนี้ เมื่อพิจารณาถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หลายต่อหลายครั้งจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายของระบอบทักษิณที่มีสหรัฐหนุนหลังแล้ว ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ทึ่คนไทยส่วนมากจะสงสัยว่าเป็นฝีมือของ “ระบอบทักษิณ” ซึ่งในเรื่องนี้ สื่อตะวันตกและขี้ข้าทักษิณชี้ว่าระเบิดครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือของโจรใต้ โดยไม่กล่าวถึงการใช้ความรุนแรงของระบอบทักษิณทีทำต่อฝ่ายตรงข้ามว่าเคยทำอะไรมาบ้าง โดยสื่อตะวันตกซึ่งมีสหรัฐสนับสนุน ได้อาศัยความไม่รู้ของคนต่างประเทศว่าจริงๆแล้ว ระบอบทักษิณเคยสร้างเวรสร้างกรรมทำร้ายประเทศไทยอย่างไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการเผาบ้านเผาเมือง การให้ผู้ก่อการร้ายถล่มยิ่งถล่มผู้ชุมนุมประทัวงซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามมาอย่างต่อเนื่องนานหลายปี หากจะมีความเป็นไปได้ว่าการก่อการครั้งนี้ เป็นฝึมือกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ตามที่สื่อตะวันตกกล่าวอ้าง ก็หนีไม่พ้นความเกี่ยวกันกับ “สหรัฐ”อยู่ดี ท่ีสหรัฐสนับสนุนซาอุดิอาระเบีย และซาอุฯ เป็นประเทศที่ให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ผู้ก่อการร้ายทั่วโลก รวมถึงเมื่อไม่นานมานี้ กรณีที่ทางการไทย จับกุมกลุ่ม “ผู้ก่อการร้ายอุยกูรณ์” ที่ภาคใต้ของไทย ก่อนที่พวกเขาจะถูกส่งไปก่อการร้ายในซีเรียและทั่วโลก ทั้งหมดต่างๆเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นใคร กลุ่มไหน ก็ล้วนแล้วแต่มี “สหรัฐ” หนุนหลัง ชักใย อยู่ทั้งสิ้น มันคือสงครามตัวแทนที่สหรัฐใช้ เพื่อต่อต้านประเทศไทย และยกระดับให้เกิดความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น >>>
รูปแบบประกอบระเบิด ตามข้อมูลขั้นต้น คือใช้สาระเบิด TNT เพียงชนิดเดียว ผมว่าไม่น่าจะใช้ฝีมือของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ 3 จังหวัดครับ เพราะประเภท IED ที่ผู้ก่อความไม่สงบใช้นั้น จะใช้ ANFO ( ส่วนสีเหลือง ) เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งจะต้องใช้สารระเบิดแรงสูง เช่น TNT, RDX, Dynamite เป็นส่วนประกอบด้วย ( ส่วนสีแดง ) สารระเบิดแรงสูงพวกนี้หาได้ยากครับ กว่า ANFO มากครับ ถ้ามีน่าจะถูกเก็บไว้ทำระเบิดหลายๆลูกมากว่า ใช้ให้หมดไปคราวเดียว แต่ก็มีโอกาสผู้ก่อเหตุจะกระทำได้ หรือได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอื่นด้วย เวลานี้ยังตัดประเด็นอะไรทิ้งไม่ได้ครับ
รัฐสร้างสถานการณ์เอง >>>ไม่มีความจำเป็นเลย อย่างสิ้นเชิง แค่ขอให้ดาราดังผลัดกันทำข่าวรักๆเลิกๆ ก็จองพื้นที่ทุกตารางนิ้วของสื่อแล้ว อีเวนท์ใดๆของชาว"ขาวแดงดำ"ก็จะเป็นหมันทันที เห็นกันมาหลายครั้งแล้ว กลุ่มการเมืองเก่าและกลุ่มผลประโยชน์เก่า ภาพพจน์ความเป็นสันติวิธีจะหายไป >>>ผมว่าพวกนี้เขาไม่เหลือภาพสันติมานานแล้วครับ เป็นแค่"คำ"ว่าสันติที่กลุ่มคนหรือบางชาติยังจีบปากจีบคอตอแxลอ้างอยู่ แต่หวังอย่าให้ถึงขั้นว่า เป็นการจับมือwin-winกันระหว่าง อินทรีย์-แร้ง-เหยี่ยว กลุ่มนอกประเทศผู้ก่อ-กลุ่มการเมืองผู้ให้ความสะดวก-กลุ่มปฏิบัติการผู้ลงพื้นที่จริง
satien viriya @satien_pptv 2 นา2 นาทีที่ผ่านมา การก่อวินาศกรรมกลางเมืองหลวงขนาดนี้ แม้ไม่มีการประกาศตัวของผู้กระทำ แต่เชื่อว่าลึกๆหน่วยข่าวรู้แล้วว่า"สัญญาณ" นี้หมายถึงอะไร ............................................................................ คิดว่าน่าจะรอหลักฐานที่ชัดเจนก่อน แล้วค่อยจับกุม แถลง แต่ไม่น่าช้าเพราะหมายถึงความเชื่อมั่นในรัฐบาล
แต่ที่ผมประหลาดใจคือ ทำไมนายกฯออสเตรเลียถึงกล้าออกมาบอกให้ปชช.ไม่ต้องกลัวเหตุร้ายในไทย ? อะไรที่ทำให้ผู้นำประเทศไม่กังวลเรื่องนี้ ยังคงสนับสนุนให้เดินทางมาไทย ? ไทยและออสเตรเลียก็ไม่ได้สนิทกันมากมายไม่ใช่หรือ
ผมก็สงสัยนะ เพราะ ออสเตรเลียนี่เป็นประเทศแรก ๆ ที่ประกาศเตือนห้ามคนของเค้าเดินทางมาไทยช่วงมีรัฐประหาร อีกทั้งยังคอยแซะ รบ.ไทย เป็นระยะ ๆ ตลอด
ประเด็นชาวอุยกูร์ ยังตัดออกไม่ได้นะครับ ที่ จขกท. มองว่าเค้าเป็นผู้อพยพลี้ภัย ความจริงแล้วชาวอุยกูร์ (ส่วนหนึ่ง) มีประวัติก่อการร้ายใน Xinjiang มาแล้ว ลักษณะการก่อเหตุรุนแรงคล้าย ๆ กันด้วย อดคิดไม่ได้ว่าจีนเป็นต้นเหตุ
ออสเตรเลีย ช่วยไทยมาหลายครั้งแล้วนะครับ ทั้งเรื่องโรฮิงญา อุยกูร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ ต้องประสบชะตากรรมร่วมกัน ถ้าไทยยอมง่ายๆเรื่องผู้อพยพ ออสเตรเลียก็จะโดนตะวันตกกดดัน มากขึ้นเช่นกัน ออสเตรเลียจึงต้องส่งสัญญาณว่าเออออห่อหมกด้วยกับไทย เรื่องนี้ เท่าที่ดูผู้นำออสเตรเลียนั้น ค่อนข้างตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมแฝงเท่าไหร่ แถมเป็นคนดีพอสมควรด้วย ที่ออกตัวแรงตอนแรก คงเพราะ ยังไม่รู้จักไทย ยังไม่มีประสบการณ์ร่วมกัน เลยโลกสวยเชื่อตาม คำสั่งของลูกพี่อเมริกาท่าเดียว ที่ออกมาช่วยไทยตอนนี้ เพราะมีช่องให้แกแสดงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมา โดยไม่กระทบผลประโยชน์ชาติไง ด้านนึงเป็นการไม่สนับสนุนการก่อการร้าย ไม่อ่อนข้อต่อการก่อการร้าย ตามที่ออสเตรเลียยึดมั่นและดำเนินการมาโดยตลอด แต่อย่างไรการเมืองต่างประเทศผลประโยชน์ชาติต้องมาก่อน ออสเตรเลีย ยังไงก็ไม่สามารถขัดใจอเมริกาได้แน่นอน คงไม่มีใครยอมเสียสละผลประโยชน์ชาติ เพื่อจริยธรรมต่อประเทศอื่นกันหรอก
เอาบทความนี้มาเสริมบทวิเคราะห์ ครับ ทว่า “หน่วยข่าว” ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาล ใช้ปฏิบัติการทางลับมาโดยตลอด อาทิ หน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.) ที่มี “พล.ต.กนิษญ์ ชาญปรีชญา” เป็นผบ.ขกท. สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ ที่มี “ฉัตรพงษ์ ฉัตรราคม” ผอ.ข่าวกรอง “พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย” ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ได้รายงานบนโต๊ะประชุมว่า ไม่พบความเคลื่อนไหวในลักษณะที่จะก่อเหตุระเบิดมาก่อน!!! “เราไม่พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มหรือบุคคลที่เข้ามาก่อเหตุมาก่อนว่ามีความสัมพันธ์กับกลุ่มใด หน่วยข่าวได้เฝ้าระวังอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้” แหล่งข่าวระบุ ล่าสุดมีการนัดหมายประชุม “ศูนย์บัญชาการติดตามสถานการ์คณะรักษาความสงบแห่งชาติ” ทุกวัน วันละ 1 ครั้ง จากเดิมที่เสนอกันว่าควรประชุมติดตามสถานการณ์วันละ 2 ครั้ง แต่มีข้อเสนอว่าควรให้เวลาเจ้าหน้าที่ลงไปหาข่าว-หาข้อมูลมากกว่า จึงเคาะกันลงตัวที่ประชุมวันละ 1 ครั้ง โดยจะใช้สถานที่ สโมสรทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ร.1 พัน 4 รอ. เป็นสถานที่จัดการประชุม โดยทุกวันหลังจากนี้ “หน่วยงานความมั่นคง” จะส่ง “ตัวแทน” เข้าไปรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ “ข่าวลับ” เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกันมากที่สุด เพื่อป้องกันประเทศไม่ให้ตกอยู่ในภาวะเสี่ยง http://www.isranews.org/เรื่องเด่น-สำนักข่าวอิศรา/item/40713-report_40713.html .......................................................................................... บางที เหตุการระเบิดครั้งนี้ อาจ ลึก และไกลตัว เกินกว่าที่ประชาชนอย่างเราๆ จะมองออกก็ได้ครับ