แล้วยิ่งเป็น ชาวไพร่แดงคนเฒ่า คนแก่ ด้วยแล้ว... เจอเอาข่าวเต้า ข่าวบอกไม่หมด ข่าวโป้ปดมดเท็จ ข่าวลือปากต่อปาก ฯลฯ ของพวกเดียวกันแบบนี้ ผมว่า ทีมงานลุงตู่ ต้องเอาจริงเอา จังมากกว่านี้แล้วแหล่ะ... ---------------------------- --------------------------- มิเช่นนั้น พวกมันก็เอาไปเล่น ขยายความกันต่อ... -------------------------------------- -------------------------------------- พอเริ่มบาน หรือจุดติดบ้าง ทีนี้ก็ต้องมานั่ง เสียเวลา แก้ข้อกล่าวหา แก้ต่างกันต่อไปอีก... หรือเพื่อนๆ ว่าไง?...
จริง ๆ ควรดูรายได้เค้าแต่แรกแล้วอะ ไม่งั้น เศรษฐีก็ได้ ยาจกก็ได้ มันก็แปลกอะ แล้วที่ทำเป็น หูหนวก ตาบอด ไม่ดูรายละเอียด ก็มาต่อว่าเค้าอย่างพรรคเพื่อไทยนี่ มันเป็นคนประเภทไหนกัน แบบนี้ เค้าเรียกจอมเสี้ยมหรือเปล่า บ้านผมอะ พ่อแม่เป็นต่างด้าว 30 บาท ก็ไม่มี เบี้ยยังชีพก็ไม่มี เงินเดือนผมหักประกันสังคม ยังไม่ถึงหมื่น ผมก็เลี้ยงพ่อแม่ผมได้อะ คิดดู พรรคเพื่อทักษิณ มันเล่นผมอ่วมจากของแพง ผมยังเอาตัวรอดมาแบบเฉียดฉิวได้ ทีนี้ ทำมาเป็นร้องแรกแหกกระเชอ เห็นใจคนแก่รวย ๆ ทีตรูจนจะตาย มันยังทำตรูได้ ฟายยยยย
กระทรวงการคลังยืนยัน ไม่มีแนวติดตัดเบี้ยยังชีพคนชราที่มีรายได้น้อย แต่ต้องการปรับระบบสวัสดิการของประชาชนให้เกิดความเหมาะสม หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า กระทรวงการคลัง จะยกเลิกจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุคนละ 600 บาทต่อเดือน ให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้เกินเดือนละ 9,000 บาทหรือมีสินทรัพย์สูงเกิน 3 ล้านบาท เพื่อลดภาระงบประมาณ ด้านสวัสดิการของภาครัฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงการคลัง นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ ออกมาระบุว่า กระทรวงการคลังไม่ได้มีแนวคิดตัดเบี้ยงยังชีพคนชราที่มีรายได้น้อย แต่ต้องการปรับระบบสวัสดิการของประชาชนให้เกิดความเหมาะสมและตรงจุดสำหรับผู้ได้รับความเดือดร้อนในกลุ่มคนผู้มีรายได้น้อย เนื่องจากขณะนี้ไทยกำลังก้าวเข้าสูงสังคมวัยชรา ในปี 2568 คาดว่าจะมีผู้สูงอายุเต็มตัว มีผู้สูงอายุ 14 ล้านกว่าคน ทั้งนี้การทบทวนหลักเกณฑ์ดังกล่าว ก็เพื่อจัดสรรสวัดิการอย่างตรงจุด สำหรับผู้ที่ควรได้รับ เช่น รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี ก็บริการสำหรับผู้มีรายได้น้อย ขณะที่คนชราที่มีรายได้สูง ส่วนใหญ่เองก็ไม่ต้องการมาเบียดบังการรับเบี้ยเลี้ยงคนชรา 600-800 บาทต่อเดือนจากผู้มีรายได้น้อยด้วย แต่บางคนมารับเบี้ยเลี้ยง เพราะต้องการรักษาสิทธิ์เท่านั้น ดังนั้นเมื่อรัฐบาลเตรียมลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย จะได้นำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลการจัดสรรสวัสดิการทั้งหมด เพื่อรองรับระบบ E-Payment ของรัฐบาลด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการศึกษา ยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งหมด รัฐมนตรีช่วยคลัง วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ กับแนวความคิดในการเตรียมปรับรูปแบบเบี้ยผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุที่มีรายได้เกิน 9,000 บาทต่อเดือน หมดสิทธิ์รับ โดยคาดว่าจะลดภาระงบประมาณได้กว่า 1 หมื่นล้านบาท รัฐมนตรีช่วยคลัง วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ เผยกระทรวงการคลัง ได้คาดการณ์ว่าประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ส่งผลกระทบกับงบประมาณภาครัฐที่ต้องจ่ายสวัสดิการให้กับกลุ่มผู้สูงอายุที่เกิน 60 ปีขึ้นไป โดยในอนาคตจะมีการปรับการจ่ายสวัสดิการ หรือเงินเบี้ยคนชรารายเดือนที่ให้ผู้สูงอายุใหม่ โดยจะเลือกจ่ายให้กับผู้ที่จำเป็นและต้องการได้รับความช่วยเหลือจริง จากปัจจุบันจ่ายให้คนละ 600 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ ในเบื้องต้นจะต้องกำหนดเกณฑ์ขึ้นมาว่าหากผู้สูงอายุมีรายได้รวมเกิน 9,000 บาทต่อเดือน หรือสินทรัพย์เกิน 3 ล้านบาท จะไม่ได้รับสิทธิ์เบี้ยผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำให้ลดภาระงบประมาณลงไปได้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันรัฐต้องจ่ายถึง 6 - 7 หมื่นล้านบาท จากผู้ได้รับสิทธิ์กว่า 10 ล้านคน โดยหลังจากนี้ไปจะต้องดำเนินการเก็บข้อมูลของผู้สูงอายุ ซึ่งจะทำร่วมกับการเก็บข้อมูลของผู้มีรายได้น้อย ตามนโยบายพัฒนาการชำระเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อีเพย์ เม้นท์
พวกที่อยากจนเป็นพักๆ ไม่ควรเบียดบังใช้สิทธิ เก็บงบประมาณให้ผู้ที่เดือดร้อนจริงๆ รายได้น้อยจริงๆ ดีกว่า